15 พ.ค. 2020 เวลา 14:22 • ความคิดเห็น
เวลานั่งเครื่องบินจะชอบนั่งติดทางเดิน เพราะไม่ทำให้รู้สึกอึดอัด แต่บางครั้งมีคนจองตั๋วให้ เขาก็หวังดีเลือกที่นั่งติดหน้าต่างให้เราชมวิว
ก็ครั้งนั้น ที่ทำให้ได้มองลงไปยังพื้นโลก และต้องรีบล้วงมือถือขึ้นมาถ่ายรูปไว้ ไม่ใช่เพราะความงามของโค้งน้ำที่คดเคี้ยวอย่างเดียว แต่ยังชวนให้นึกถึงโคลงโลกนิติอยู่บทหนึ่ง ที่ว่า...
(ภาพนี้ ถ่ายจากที่นั่ง 2A)
น้ำเคี้ยวยูงว่าเงี้ยว ยูงตาม
ทรายเหลือบหางยูงงาม ว่าหญ้า
ตาทรายยิ่งนิลวาม พรายเพริศ
ลิงว่าหว้าหวังหว้า หว่าดิ้นโดยตาม
ถอดความย่อ ๆ ได้ว่า
นกยูง เห็นสายน้ำคดเคี้ยวก็คิดว่างู ตามลงไปจับกิน จึงจมน้ำ
เนื้อทราย เห็นแววหางนกยูงลอยเหนือน้ำ ก็คิดว่าหญ้าเขียว ๆ จะลงไปเล็มกิน จึงจมน้ำ
ลิง เห็นดวงตาดำวาว ดังสีนิลของเนื้อทราย (คงจะตาเหลือกตอนใกล้จะจมน้ำ) ก็คิดว่าลูกหว้า จะลงไปเก็บกิน จึงจมน้ำตาม ๆ กันไป
สรุปว่าจมน้ำทั้งสามสัตว์ เพราะอะไร...?
ถอดรหัสคำสอนได้ว่า
คนที่มีวิสัยทัศน์ดี มอง bird's-eye view เห็นอะไรได้กว้างไกล เพราะอยู่ในที่สูงกว่า แบบนกยูง ก็ยังพลาดพลั้งได้
คนที่ระมัดระวังตัวดี หนีไวเมื่อภัยมา แบบเนื้อทรายเก้ง กวาง ก็ยังพลาดท่าได้
คนที่ฉลาดหัวแหลมมีไหวพริบว่องไวเหมือน ลิง ก็ยังพลาดผิดได้
คนเรานั้น ต่อให้เก่งแค่ไหน ดัง เด่น ดี เพียงใด ก็พลาดได้ ถ้าขาดความรอบคอบ ขาดสติยั้งคิด ปล่อยให้กิเลสพาใจหลงไปกับสิ่งลวงตา จุดเด่นที่ตนมี ก็กลายเป็นจุดด้อยทันที
นี่เป็นครั้งแรกที่ชอบนั่งติดหน้าต่าง และได้เห็นทั้งธรรมชาติ และธรรมชาติของมนุษย์ในเวลาที่ลอยอยู่บนปุยเมฆ
โฆษณา