22 พ.ค. 2020 เวลา 11:00 • บันเทิง
สารคดีดนตรีที่ห้ามพลาดทางเน็ทฟลิกซ์ #6: Chasing Trane (2016)
ไม่ว่าจะเป็นแฟนเก่าหรือแฟนใหม่ของจอห์น โคลเทรน ก็น่าจะพบสิ่งที่สร้างความพึงพอใจให้ได้จากสารคดีองผู้กำกับจอห์น ไชน์เฟลด์ ที่แสนโดดเด่นเรื่องนี้ ถึงแม้จะเป็นงานสดุดีตำนานแห่งวงการแจ๊ซซ์รายนี้ที่ฟูมฟายไปบ้าง หนังได้สมาชิกครอบครัว, เพื่อนร่วมวง และแฟนๆ ที่โด่งดังของโคลเทรน อาทิ คามาซิ วอชิงตัน, วินตัน มาร์ซาลิส, จอห์น เดนส์มอร์, บิลล์ คลินตัน มารำลึกถึงอัจฉริยะแห่งดนตรีแจ๊ซซ์ ทั้งในแง่การประพันธ์เพลงและวิวัฒนาการของพรสวรรค์ ตั้งแต่งานยุคแรกๆ ที่เป็นการเลียนแบบชาร์ลี พาร์เคอร์ มาถึงงานช่วงต่อมาที่เป็นการทดลองที่ไร้รูปแบบ
บรรดาสาวกของโคลเทรนคงไม่คาดหวังอะไรที่ขุดลึกไปในเรื่องราวของเขาได้มากกว่านี้แล้ว เมื่อมีทั้งภาพจากวิดีโอที่ถ่ายกันในครอบครัว, ฟุตเตจต่างๆ ที่ไม่ต่างไปจากจดหมายเหตุ และไดอารีส่วนตัว ที่อ่านโดยเดนเซล วอชิงตัน ตัวหนังจะเล่าเรื่องเป็นเส้นตรงในแบบการสำรวจสิ่งต่างๆ อย่างใกล้ชิด ไม่ว่าจะเป็นวัยเด็กของโคลเทรนที่นอร์ธ แคโรไลนา และวัยยี่สิบที่กลายเป็นคนติดยา, การแต่งงานสองครั้ง รวมไปถึงความพ่ายแพ้ต่อมะเร็งตับในปี 1967 ด้วยวัยเพียง 40 ปี
ผู้กำกับไชน์เฟลด์หยิบเพลงของโคลเทรนใส่เข้า-ออกจากเรื่องมากมายหลายเพลง แม้จะลงลึกเรื่องพรสวรรค์เฉพาะตัวของโคลเทรนน้อยไปหน่อย หากก็แก้ตัวได้จากการนำเสนอความสุขจากเสียงเพลงของโคลเทรน โดยฉากที่ใช้เพลง “Alabama” ซึ่งเกี่ยวกับเรื่องสิทธิมนุษยชน เพลงตัดเข้ากับจังหวะการพูดของดร. มาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์ได้อย่างลงตัว สามารถแสดงกระบวนการทางความคิดสร้างสรรค์ของเขาได้อย่างดี เมื่อตัวโน้ทของโคลเทรนอยู่บนยอดถ้อยคำของคิง ดนตรีและคำปราศรัยสลับรับช่วงกันและกัน จนกลายเป็นความน่าประทับใจ
นอกเหนือจากนี้ หนังยังเจาะไปถึงพลังศรัทธา, ความสัมพันธ์ของเขา และมรดกตกทอดของโคลเทรน ที่เป็นงานระดับตำนาน เช่น เพลง “My Favorite Things” และ “A Love Supreme”
นี่คือคนที่ได้ชื่อว่าเป็นเครื่องตัดกระแสไฟถ้าความร้อนพุ่งสูงเกิน ไม่ใช่เครื่องวัดอุณหภูมิ เป็นอุปกรณ์ที่สามารถปรับตัวได้ไม่ใช่เครื่องวัด จากคำบอกของดร. คอร์เนล เวสท์
และหนังเรื่องนี้ ก็ไม่ต่างกัน

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา