ดังที่เราเคยได้ยินพระสวดเจริญพุทธมนต์
อะเสวะนา จะ พาลานัง
ปัณฑิตานัญ จะ เสวนา
ปูชา จะ ปูชนียานัง
เอตัมมังคะละมุตตะมัง
มีใจความดังนี้
การไม่คบคนพาล
การคบบัณฑิต
การบูชาบุคคลที่ควรบูชา
เป็นมงคลอันสูงสุด
มงคลข้อที่ 1
อเสวนา จะ พาลานัง
การไม่คบคนพาล
อย่าคบมิตร ที่พาล สันดานชั่ว
จะพาตัว เน่าดิบ จนชิบหาย
แม้ความคิด ชั่วช้า อย่ากล้ำกราย
เป็นมิตรร้าย ภายใน ทุกข์ใจครัน
ลักษณะของคนพาลมีอยู่ 3 ประการคือ
1,คิดชั่ว คือ การมีจิตคิดอยากได้ในทางทุจริต มีความพยาบาทและมิจฉาทิฏฐิคือเห็นผิดเป็นชอบ
2, พูดชั่ว คือ คำพูดที่ประกอบไปด้วย วจีทุจริตเช่น พูดเท็จ พูดส่อเสียด พูดคำหยาบ พูดเพ้อเจ้อ
3, ทำชั่ว คือ ทำอะไรที่ประกอบด้วยกายทุจริตการฆ่าสัตว์ ลักขโมย ฉ้อโกง จุดคร่าอนาจารประพฤติผิดในกาม
รูปแบบของคนพาลมีข้อสังเกตคือ
1, ชอบแนะนำไปในทางที่ผิด หรือไม่ควรแนะนำ อาทิเช่น แนะนำให้ไปเล่นการพนัน ให้ไปลักขโมย ให้กินยาบ้า ให้เสพยา ชวนไปจุดคร่าอนาจาร เป็นต้น
2, ชอบทำในสิ่งที่ไม่ใช่ธุระ อาทิเช่น ไม่ทำงานตามหน้าที่ของตนให้เรียบร้อย แต่กลับชอบจะไปก้าวกายยุ่งกับหน้าที่การงานของผู้อื่น หรือไปจับผิดเพื่อนร่วมงาน กลัานแกล้ง ยุยง นินทาว่าร้ายกันและกัน เป็นต้น
3, ชอบทำผิดโดยเห็นสิ่งผิดปกติของดี อาทิเช่น การสูบยาได้เป็นฮีโร่ เห็นคนที่ซื่อสัตย์เป็นคนโง่ ไม่กินตามน้ำ ชอบรับสินบนทุจริตในหน้าที่ หรือช่วยเพื่อพ้องให้พ้นจากความผิดเป็นต้น
4,จะโกรธเคืองเมื่อพูดเตือน อาทิเช่น การเตือนเรื่องการเที่ยวเตร่ เตือนเรื่องการดื่มเหล้ากลับบ้านดึก เตือนเรื่องการคบเพื่อน เป็นต้น คนพวกนี้จะโกรธเมื่อได้รับการตักเตือนและไม่รับฟัง
5, ไม่มีระเบียบวินัย อาทิเช่น ไม่เข้าคิวตามลำดับก่อนหลังแต่ชอบแซงคิวอย่างหน้าด้านๆทิ้งขยะลงคลอง หรือข้างทาง ไม่เคารพกฎหมายของบ้านเมืองหรือของท้องถิ่น เป็นต้น