17 พ.ค. 2020 เวลา 04:04 • ประวัติศาสตร์
เรื่อง โศกนาฏกรรมรักเจ้าคุ้มนครลำพูน
เมื่อกว่า ๑๑๐ ปีที่แล้ว ที่หนองช้างยืน ยังมีสาวงามนางหนึ่งชื่อ “บัวตอง” เป็นชาวบ้านธรรมดาสามัญ ทำไร่ไถนา ใช้ครกกระเดื่องตำข้าวและทอผ้าใช้เอง แต่ด้วยความสะสวย กิริยามารยาทที่เรียบร้อยและน้ำใจที่กว้างขวางของนาง แต่ละวันจึงมีหนุ่มแวะเวียนมาหาอยู่สม่ำเสมอแต่นางก็ไม่ได้ชอบใจใครเลย กิตติศัพท์ความงามของนางลือกระฉ่อนจนถึงหูของเจ้าน้อยพรหมวงศ์ โอรสของเจ้าไชยลังกา และยังเป็นน้องชายต่างมารดาของเจ้าดาราดิเรกรัตน์ เจ้าผู้ครองนครลำพูนองค์ที่ ๗ ซึ่งบันทึกของฝรั่งกล่าวไว้ว่า “เป็นผู้มีร่างกายสมส่วน และหน้าตาดี” เมื่อทั้งสองได้พบกันแล้วก็เกิดจิตผูกพันกันจนเกิดเป็นความรัก และหนุ่มสาวทั้งคู่ก็ตกลงปลงใจกันว่าจะครองเรือนด้วยกันและแก่เฒ่าไปด้วยกันจนกว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะล้มหายตายจากไปก่อน
วันหนึ่ง มีช้างพังเชือกหนึ่งอาละวาดวิ่งวุ่นขึ้นมาจะทำลายเรือกสวนไร่นาของชาวบ้านหนองช้างยืน เจ้าน้อยพรหม จึงแสดงความอาจกาญใช้ดาบฟันเข้าไปที่ตัวของช้างพังเชือกนั้นจนร้องด้วยความทุรนราย วิ่งหนีเข้าไปยังป่าละเมาะและล้มลงตรงนั้น ผลผลิตของชาวบ้านจึงปลอดภัย แต่ทว่า ไม่มีใครรู้เลยว่าช้างเชือกนั้นเป็นของพระเจ้าอินทวิชยานนท์และเจ้าแม่ทิพย์ไกรสร เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ที่โปรดให้ผู้ถือสาส์นยืมขี่มาถึงนครลำพูน
เมื่อเจ้าราชสัมพันธ์ ซึ่งเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ ในหมู่เจ้านายล้านนาและเป็นอาของพระเจ้าอินทวิชยานนท์รู้เรื่อง ก็เรียกเจ้าน้อยพรหมไปตำหนิ แต่เจ้าแม่ทิพย์ไกรสรยังโกรธแค้นถือว่าเป็นการหมิ่นเกียรติเจ้านครเชียงใหม่ เมื่อเจ้าราชสัมพันธ์ไปพักตากอากาศที่เมืองสันทราย เจ้าแม่ทิพย์ไกรสร จึงถือโอกาสล้างแค้น ด้วยการออกสาส์นในนามของพระเจ้าอินทวิชยานนท์ขอตัวเจ้าน้อยพรหมไปสอบสวน เจ้าดาราดิเรกรัตน์เห็นว่าเรื่องคงจบไปตั้งแต่ที่เจ้าราชสัมพันธ์ตักเตือนไปแล้ว จึงส่งตัวเจ้าน้อยพรหมไปแต่โดยดี ก่อนจะเดินทางเจ้าน้อยพรหมซึ่งก็คิดเช่นเดียวกับเจ้าดาราดิเรกรัตน์ผู้พี่ ได้แวะไปบอกลาสาวบัวตอง เพื่อจะไปยังนครเชียงใหม่ บัวตองจึงให้พวงมาลัยมะลิสดที่นางร้อยเองแก่เจ้าน้อยพรหมวงศ์เป็นการอวยชัย
ทว่า เรื่องกลับไม่เป็นอย่างที่คาดคิด เมื่อขบวนของเจ้าน้อยพรหมวงศ์ออกจากเมืองลำพูนมาถึงท่าวังตาลแล้ว เจ้าแม่ทิพย์ไกรสรก็สั่งให้เจ้าอุปราชบุญทวงศ์ ผู้มีอำนาจเทียบเท่ากับเจ้าอินทวิชชานนท์ไปสกัดขบวนและจับเจ้าน้อยพรหมไปประหารชีวิต ณ ทุ่งหัวคนซึ่งเป็นเขตทหารของเชียงใหม่ โดยมีหนานปัญญาเป็นเพชรฆาต ก่อนที่หนานปัญญาจะลงดาบนั้น เจ้าน้อยพรหมก็ฝากพวงมาลัยมะลิของบัวตองไว้กับนายหนังสือที่ติดตามมาด้วยกันให้เอาไปคืนบัวตอง หนานปัญญาลงดาบครั้งแรกพลาดไปโดนไหล่ของเจ้าน้อยพรหม ครั้งที่สองจึงถูกที่คอจนหัวของเจ้าน้อยพรหมขาดสะบั้นหลุดออกจากบ่า โดนที่ใบหน้ามิได้แสดงถึงความเจ็บปวดหรือเกรงกลัวต่อความตายเลย
เมื่อข่าวไปถึงนครลำพูน เจ้าดาราดิเรกรัตน์ และเจ้าราชสัมพันธ์ก็เศร้าโศกเสียใจมากถึงขนาดไม่ไปรับศพเจ้าน้อยพรหมกลับมา เจ้าแม่ทิพไกรสรจึงสั่งให้ฝังอย่างหยายๆ ตรงลานประหารนั้น จากนั้นเจ้าดาราดิเรกรัตน์ก็ไม่เสด็จไปเยือนเจ้าแม่ทิพย์ไกรสรอีกเลย และเจ้านายฝั่งลำพูนและเชียงใหม่ก็หน่ายแหนงแคลงใจกันแต่นั้นมา ส่วนสาวบัวตองคนรักนั้น เมื่อได้รู้ข่าวก็ใจสลายไม่อาจมีชีวิตอยู่ต่อได้ วันรุ่งขึ้นจึงมีคนพบร่างไร้ชีวิตของนางแขวนคออยู่กับกิ่งไม้ที่นางและเจ้าน้อยพลอดรักกัน และยังคงกำพวงมาลัยมะลิที่เป็นสัญญารักชิ้นสุดท้ายกับเจ้าน้อยไว้ในมืออย่างแน่น ราวกับว่าจะกำเอาความรักของนางไปพบกับเจ้าน้อยพรหมในปรโลกอีกครั้ง
//หนานอินทร์แปง
โฆษณา