17 พ.ค. 2020 เวลา 09:10 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
แชร์ข้อมูล Notebook น่าใช้ ปี 2020
ขอขอบคุณข้อมูลจาก www.notebookspec.com
แนะนำ 2-in-1 Notebook น่าซื้อช่วงกลางปี 2020 ในช่วงราคาประมาณตั้งแต่ไม่ถึง 20,000 บาท จนไปถึงไม่เกิน 30,000 บาท โดยรองรับการใช้งานได้หลากหลาย อย่างพับหน้าจอได้ 360 องศา มีโหมดต่างๆ รวมไปถึงมีปากการองรับการขีดเขียน ที่ให้ความบางเบา พกพาสะดวก หรือบางรุ่นก็ประสิทธิภาพสูง รองรับการใช้งานทั่วไป การใช้งานพื้นฐานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ดูหนัง ฟังเพลง ทำงานเอกสาร เล่นอินเตอร์เน็ต ก็ทำได้อย่างลื่นไหลทั้งหมด
สเปกภายในจะได้เป็นชิปประมวลผล Intel Core i อย่าง Core i3 / i5 / i7 หรือ AMD Ryzen 5 / 7 ที่เน้นแรงประหยัดพลังงาน พร้อมให้ประสิทธิภาพประมวลผลได้หลากหลาย ส่วนการ์ดจอมีทั้งเป็นแบบออนชิปของ Intel ที่รองรับการทำงานทั่วไปเป็นหลัก และการ์ดจอแยกระดับเริ่มต้นอย่าง NVIDIA GeForce MX130 / MX230 / MX250 หน่วยความจำแรมจะได้เป็นขนาด 8 GB พร้อมด้วยที่เก็บข้อมูลมาตรฐานเป็น SSD ความจุ 256GB – 512GB ที่สำคัญทุกรุ่นจะได้ Windows 10 มาพร้อมใช้งานทันทีด้วย
ตัวเครื่องอยู่ในเกณ์ที่ดีเพียงพอกับการใช้งานแน่นอน ที่สำคัญบางรุ่นให้ความพรีเมียมและทนทาน วัสดุมีทั้งพลาสติก โลหะทั้งธรรมดาและแบบพิเศษ สำหรับหน้าจอจะมาพร้อมกับขนาด 13.3″, 14″ ตอบสนองคนที่เน้นการใช้งานทัชสกรีน พับเครื่องเป็น Tablet มีปากกาจดหรือวาดรูปได้ ให้ประสบการณ์คล้ายกับการเขียนด้วยปากกาจริงๆ อย่างที่สุด เพราะรองรับแรงกดหลายระดับ
1
น้ำหนักประมาณ 1.3 – 2.0 กิโลกรัม เน้นเรื่องของแบตเตอรี่ที่ยาวนาน โดยใช้งานได้ประมาณ 4 – 8 ชั่วโมงกรณีที่ไม่ต่ออแดปเตอร์ สำหรับความละเอียดหน้าจอทุกรุ่นจะเป็นมาตรฐาน Full HD 1920 x 1080 พิกเซล พาเนลได้เป็น IPS รองรับการสัมผัส ให้ประสบการณ์ใช้งานที่ดีเยียม ทั้งสีสันสดใส มุมมองที่กว้าง บางรุ่นได้สแกนลายนิ้วมือ ซึ่งบางรุ่นอาจจะได้ฟีเจอร์ล้ำๆ อย่างหน้าจอที่ 2 แต่ที่แน่ๆ ได้ปากกาที่รองรับแรงกดใช้งานได้เหมือนปากกาจริงๆ
1
เหมาะกับคนที่ต้องการ Notebook ใช้งานหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นนักเรียน นักศึกษา ที่ต้องการหน้าจอทัชสกรีน พร้อมมีปากกาไว้ขีดเขียน รองรับการทำงานด้านกราฟิกหรือวาดภาพ จดบันทึก ส่วนการรองรับใช้งานเอกสาร ใช้งานอินเตอร์เน็ตออนไลน์ ส่งอีเมล รวมไปถึงดูหนังฟังเพลง เป็นมาตรฐานที่ต้องทำได้ดี โดยได้รูปแบบประกันดีที่สุดเป็นมาตรฐาน 2 ปี On-site Servcie ซ่อมฟรีถึงบ้าน ซึ่งจะมีรุ่นอะไรบ้างนั้น ไปชมกันต่อเลย
HP Pavilion x360 14
HP Pavilion x360 14 ปี 2020 นั้นถือเป็น 2-in-1 Notebook ที่ได้ความบางเบาหรูหรา ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก ล่าสุดได้สเปก Core i Gen 10 ในราคาคุ้มค่าเหมือนเดิม มาพร้อมดีไซน์ใหม่ที่สวยงามลงตัว อีกทั้งยังแถมปากกา Stylus ใช้วาดรูปมาให้ในกล่องอีกด้วย ซึ่งบอกเลยว่าเป็น 2-in-1 Notebook ที่คาดว่าจะขายดีเช่นเดิม จากดีไซน์ที่สวยงามหรูหรา พกพาสะดวก พร้อมสเปกและฟีเจอร์ที่เกินราคา
ในราคาเริ่มต้นเพียง 18,990 บาท สเปกจะเป็น Core i3-10310U + GeForce MX130 + RAM 8GB + SSD 256GB สำหรับชิปประมวลผล Intel Core i5-10210U + NVIDIA GeForce MX130 + RAM 8GB + SSD 512GB จะมีราคาอยู่ที่ 23,990 บาท ที่ในส่วนชิปประมวลผล Core i3 / i5 นี้เป็นสถาปัตยกรรม Comet Lake ใหม่ล่าสุดที่การผลิต 14 นาโนเมตร ส่วนหน้าจอเป็นแบบจอกระจกสัมผัส 14″ รองรับสัมผัสมัลติทัชและปากกา Stylus รองรับแรงกดได้หลายระดับ พาเนลจอเป็น IPS ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล พร้อมกับ Windows 10 ประกัน 2 ปี On-Site
4
ทางด้านพอร์ตที่ติดตั้งมีมาให้จะใช้ถือว่าครบครันเลยทีเดียวไม่ว่าจะเป็น USB 3.1 Type-A จำนวน 2 ช่อง, USB 3.1 Type-C จำนวน 1 ช่อง, SD Card Reader, HDMI สำหรับต่อหน้าจอเสริม และรูหูฟังกับไมค์แบบคอมโบ ซึ่งแน่นอนว่ารองรับการเชื่อมต่อไร้สายด้วย Wi-Fi 802.11a/b/g/n/ac (1×1) กับ Bluetooth 4.2
HP Pavilion x360 14 เป็น 2-in-1 Notebook บางเบาหน้าจอ 14 ปรับได้หลากหลายโหมด โดยเลือกใช้เป็นพาเนล IPS คุณภาพดี ที่มาพร้อมกับความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล รองรับมัลติทัชกรีน และปากกา HP Active Pen รองรับแรงกดได้หลายระดับ ทำให้ใช้งานกับระบบปฏิบัติการ Windows 10 ได้อย่างเต็มรูปแบบ พร้อมการขีดเขียนที่สมจริง ด้วยน้ำหนักตัวเครื่องเพียง 1.58 กิโลกรัม และบางเพียง 20 มิลลิเมตร ทำให้การพกพาทำได้โดยง่าย
HP Pavilion x360 14 มาพร้อมกับดีไซน์การออกแบบใหม่ ขอบจอบางเฉียบ ซึ่งจัดได้ว่าเป็นโน้ตบุ๊คยุคปัจจุบันที่มาพร้อมสีสันที่สวยงามลงตัวอย่าง Cloud Blue โดยฝาหลังจะเป็นน้ำเงินอ่อนส่วนตัวเครื่องภายในจะเป็นเทาเข้มที่ดุดัน เชื่อได้ว่ายังโดนใจวัยรุ่นเพราะมีความโดดเด่นสะดุดตาเป็นพิเศษ มีหน้าตาออกไปทางเรียบง่าย แต่แฝงไปด้วยความหรูหราด้วยการเล่นกับการออกแบบที่มีความโค้งเว้ามีมิติในหลายๆ ส่วน
ASUS ZenBook Flip 14 UM462DA
ASUS ZenBook Flip 14 UM462DA นั้นถือเป็น 2-in-1 Notebook ที่ได้ความบางเบาราคาคุ้มค่ารุ่นล่าสุด โดดเด่นด้วยชิปประมวลผล AMD Ryzen 5 3500U อีกทั้งยังแถมปากกา Stylus ใช้วาดรูปขีดเขียนอีกด้วย ซึ่งบอกเลยว่าเป็น 2-in-1 Notebook ที่มีราคาถูกมากๆ ตอนนี้ในตลาดเหลือเพียง 18,900 บาท จากดีไซน์ที่สวยงามหรูหรา พกพาสะดวก พร้อมสเปกและฟีเจอร์ที่เกินราคา กว่า 2-in-1 Notebook ทั่วไป กับขนาดหน้าจอ 14″ แต่ตัวเครื่องเล็กกระทัดรัดเทียบเท่า 13.3″ นี้ โดยมีน้ำหนักที่ 1.6 กิโลกกรัม พร้อมดีไซน์หรูหราตามสไตล์ของ ZenBook จากทาง ASUS
สเปกเต็มๆ ของ ASUS ZenBook Flip 14 UM462DA ใช้ชิปประมวลผล AMD Ryzen 5 3500U ที่เป็นสถาปัตยกรรมใหม่ล่าสุดที่การผลิต 12 นาโนเมตร โดยมีค่าการกินไฟ TDP ที่ 15 Watt เท่านั้น การ์ดจอออนบอร์ดเป็น Radeon RX VEGA 8 ประสิทธิภาพใช้ได้ดี ควบคู่กับแรมขนาด 8 GB และ SSD M.2 NVMe ความจุ 512 GB ส่วนหน้าจอจะเป็นแบบมัลติทัชขนาด 14″ แบบกระจก รองรับสัมผัสมัลติทัชและปากกา Stylus รองรับแรงกดได้หลายระดับ พาเนลจอเป็น IPS ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล (Full HD) โดยให้ขอบเขตความกว้างของสีสันเทียบเท่ากับมาตรฐาน sRGB ที่ 95% และ AdobeRGB ที่ 72% เรียกได้ว่าให้ประสิทธิภาพเรื่องของสีสันนั้นดีมากกว่า 2-in-1 Notebook รุ่นอื่นๆ พอตัว
1
มีกล้องเว็บแคมและมีไมค์ดิจิตอลในตัว ที่สำคัญมีกล้องอินฟราเรด IR 3D Camera ที่สามารถใช้งานร่วมกับ Windows Hello เพื่อปลดล็อคตัวเครื่องได้อีกด้วยตัวคีย์บอร์ดยังมีไฟ LED Backlit สีขาวมาให้ด้วย พร้อหน้าจอพับปรับได้ 360 องศา มีบันเดิลปากกา Stylus อย่าง ASUS Active Pen มาให้เลยในกล่องเลย ประกัน 2 ปีเต็มตามมาตรฐาน ASUS พร้อมประกันอุบัติเหตุใน 1 ปีแรกอีกด้วย โดดเด่นด้วยการเคลมผ่านทางร้าน 7-11 ได้
วัสดุหลักของ ASUS ZenBook Flip 14 UM462DA เป็นพลาสติกเกรดสูงที่แทบจะไร้รอยต่อตลอดทั้งตัวเครื่อง โดดเด่นด้วยการออกแบบจอภาพไร้กรอบ NanoEdge แบบใหม่ที่ทำให้กรอบจอภาพมีขนาดเล็กลงกว่ารุ่นก่อนเกือบ 10% จอแสดงผลขนาด 14″ แบบขอบจอบางทั้ง 4 ด้านทำให้มีอัตราส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่องสูงถึง 90% ทำให้ตัวเครื่องมีขนาดกะทัดรัดยิ่งขึ้น ได้บานพับ ErgoLift 360° ที่ว่านี้นั้นทาง ASUS ได้ทำการวิจัยออกมาเป็นอย่างดี ว่ามันจะช่วยให้เราใช้งานโน๊ตบุ๊คนั้นสามารถที่จะพิมพ์ได้อย่างสบาย เวลาที่กางบานพับออกมานั้นมันจะทำให้ส่วนของฐานคีย์บอร์ดมีระยะห่างกับฐานตั้งซึ่งทำให้ความร้อนที่เกิดขึ้นในส่วนของตัวเครื่องนั้นมีการดูดลมเย็นเข้าไปช่วย พร้อมกันนั้นยังให้เสียงที่ดีขึ้นด้วย
HP ENVY x360 13
HP ENVY x360 นั้นถือเป็น 2-in-1 Notebook ที่ได้ความบางเบาหรูหรา ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก โดย HP ได้นำเสนอ HP ENVY x360 ปี 2019 รุ่นใหม่ในราคาคุ้มค่าเหมือนเดิม อีกทั้งยังแถมปากกา Stylus ใช้วาดรูปมาให้ในกล่องอีกด้วย ซึ่งบอกเลยว่าเป็น 2-in-1 Notebook ที่ขายดีเช่นเดิม จากดีไซน์ที่สวยงามหรูหรา พกพาสะดวก พร้อมสเปกและฟีเจอร์ที่เกินราคา กว่า 2-in-1 Notebook ทั่วไป ในราคาในล่าสุดที่คุ้มค่ามากๆ เพียง 24,900 บาท สำหรับชิปประมวลผล AMD Ryzen 5 3500U ได้การ์ดจออนชิปเป็น VEGA 8 ทำงานร่วมกับแรมขนาด 8GB และ SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB ที่ทั้งแรงและลื่นไหล
ส่วนหน้าจอจะเป็นแบบมัลติทัชขนาด 13.3 นิ้ว รองรับสัมผัสมัลติทัชและปากกา Stylus รองรับแรงกดได้หลายระดับ พาเนลจอเป็น IPS ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล(Full HD) มีกล้องเว็บแคมและมีไมค์ดิจิตอลในตัว แถมตัวคีย์บอร์ดยังมีไฟ LED Backlit สีขาวมาให้ด้วย ที่สำคัญตัวเครื่องยังบางเฉียบ และมีน้ำหนักเบาเพียง 1.30 กิโลกรัมเท่านั้น พร้อมพับปรับได้ 360 องศา
พอร์ตการเชื่อมต่อมีมาตามนี้คือ 2 x USB 3.1 Type-A, USB 3.1 Type-C, Kensington Lock, Micro SD Card Reader และ Headset 3.5 mm พร้อมยังรองรับมาตรฐานการเชื่อมต่อไร้สายอย่าง Bluetooth 4.2 และ Wi-Fi มาตรฐานใหม่ 802.11a/b/g/n/ac 2×2 ระบบปฏิบัติการ Windows 10 แท้ในตัว ประกัน On-Site 2 ปีเต็ม พร้อมบันเดิลปากกา Stylus อย่าง HP Active Pen มาให้เลยในกล่องเลย
วัสดุที่ทาง HP เลือกใช้บอดี้จะเป็น Aluminum ทั้งหมด สี Nightfall Black ดีไซน์แบบมินิมอลและพื้นผิวขัดลายเพิ่มความหรูหราอย่างมีระดับ พร้อมกับโลโก้ HP ที่เป็นสีเงินเงางามบริเวณกลางฝาหลัง ส่วนด้านในเครื่องบริเวณหน้าจอกระจกขอบบางเฉียบที่เป็น Corning Gorilla Glass ทั้งบาน ซึ่งเล่นสีกับขอบจอด้านในเป็นสีดำดูเข้ากันดี ตัวคีย์บอร์ดยังมีไฟ LED Backlit สีขาวมาให้ด้วย ที่สำคัญตัวเครื่องยังบางเฉียบ พกพาได้สะดวก พร้อมพับปรับได้ 360 องศา เพื่อใช้งานมัลติโหมด
นอกจากนี้ยังมีจุดเด่นที่ยี่ห้ออื่นไม่มีคือ HP Sure View ฟีเจอร์กันคนแอบมองจอที่สามารถกดเปิดปิดได้ในปุ่มเดียว และสวิตช์ Webcam Kill ป้องกันเพื่อความปลอดภัย อย่างที่หาไม่ได้ในโน้ตบุ๊คแบรนด์อื่นๆ แน่นอน โดดเด่นด้วยลำโพงแบบ Quad Speakers ของ Bang & Olufen ที่หาได้ยากมากในโน้ตบุ๊คราคาระดับนี้ และขาดไม่ได้เลยสำหรับสแกนลายนิ้วมือผ่านทาง Windows Hello เพื่อเพิ่มความสะดวกและปลอดภัยในการใช้งาน
Lenovo Yoga C640
Lenovo YOGA C640 เป็น 2-in-1 Notebook ดีไซน์หรูหรากะทัดรัด หน้าจอ 13.3″ มาพร้อมขุมพลังชิปประมวลผล Intel Core i5-10210U / Core i7-10510U ที่เป็น Core i Gen 10 สถาปัตยกรรม Comet Lake ใหม่ล่าสุดที่การผลิต 14 นาโนเมตร ส่วนสเปกอื่นๆ ก็มาพร้อมกับหน่วยความจำแรมขนาด 8GB – 16GB และแหล่งเก็บข้อมูล SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB พร้อมกับ Windows 10 แท้ในตัว ซึ่งมีราคาวางจำหน่ายอยู่ที่ 28,990 – 32,990 บาท ประกันเป็นระยะเวลา 2 ปี ตามมาตรฐาน Lenovo แบบ On-site Service
ตัวเครื่องบางเพียง 16.95 มม. บางกว่าเก่าถึง 11% และเบาเพียง 1.25 กิโลกรัม มาพร้อมกับความเรียบหรูระดับพรีเมี่ยม เป็นโน้ตบุ๊คที่บางที่สุดรุ่นนึงจากทาง Lenovo บานพับ 360 องศา หน้าจอสัมผัส Full HD พาเนล IPS ขอบบาง ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล รองรับการใช้งานหลากหลายโหมดได้อย่างง่ายดาย อีกทั้งยังมีอุปกรณ์เสริมอย่าง Lenovo Active Pen ที่มีเทคโนโลยี Palm-Rejection ให้ความรู้สึกเป็นธรรมชาติขณะเขียนเหมือนการเขียนปากกาบนกระดาษ ให้เสียงนุ่มจากลำโพงคุณภาพพร้อมมีเทคโนโลยี Dolby Atmos ให้เสียงที่ดี
พอร์ตเชื่อมต่อก็มาพร้อมพอร์ตจำเป็นค่อนข้างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็น USB 3.1 Type-A ที่เป็นมาตรฐาน จำนวน 2 พอร์ต ส่วนอีกพอร์ตจะเป็น USB Type-C 3.1ส่วนช่องเสียบหูฟัง 3.5 ม.ม. และ HDMI ยังมีมาให้ นอกจากนี้ยังมี Finger Print สำหรับใช้งานร่วมกับฟังก์ชัน Windows Hello ของ Windows 10 เพื่อล็อกอินโดยใช้การสแกนนิ้วอีกด้วย
สำหรับ Lenovo YOGA C640 ดีไซน์โดยรวมถือว่าปรับปรุงจากรุ่นก่อนๆ ในตระกูลของ 2-in-1 Notebook เพิ่มเติมคือมีใหม่ ตัวตัวเครื่องบางลง น้ำหนักเบาลง ตัวเครื่องสีดำเทา โดยมีชื่อว่า Iron Grey ซึ่งต้องยอมรับงานประกอบตัวเครื่องดีมากๆ ด้วยพื้นผิวเป็นแบบซอฟต์ทัชสีดำสัมผัสพรีเมียม ทำให้ตัวเครื่องดูเนี้ยบหรูสวยงาม แต่ก็ยังให้ความทนทานไปพร้อมๆ กัน การออกแบบโดยรวมให้ดูทันสมัยและเรียบง่าย โลโก้ Lenovo จะมีอยู่ 2 จุดเท่านั้น คือ มุมบนฝาหลังด้านซ้าย และมุมใต้หน้าจอด้านซ้ายเท่านั้น
อีกหนึ่งจุดเด่นของ Lenovo YOGA C640 เป็น 2-in-1 Notebook ที่ทรงประสิทธิภาพในการทำงานทั่วไปเน้นการพกพา เพราะมีน้ำหนักตัวที่เบามากๆ แถมตัวเครื่องยังบางสุดๆ โดยสามารถถือได้ด้วยมือเดียวอย่างสบายๆ ด้วยน้ำหนักเพียง 1.25 กิโลกรัมเท่านั้น มาพร้อมความบางเพียง 16.95 มิลลิเมตรเท่านั้น บอกได้เลยว่าบางสุดๆ แบบที่หารุ่นเปรียบเทียบได้ยาก
Dell Inspiron 14 5491 2-in-1
Dell Inspiron 14 5491 2-in-1 เป็น 2-in-1 Notebook ที่จัดได้ว่ามีความครบครันในการใช้งานหลายๆ ด้าน ตรงกับความต้องการของผู้ใช้งานทั้งในกลุ่มที่เป็นผู้ใช้งานทั่วๆ ไปหรือผู้ที่รักความบันเทิงทั้งในส่วนของเกมและมัลติมีเดีย ด้วยฟีเจอร์มีสแกนลายนิ้ว Fingerprint และสเปคภายในที่ครบครัน ตัวเครื่องบางเบาลงไปอีกจากรุ่นก่อน แต่ก็ยังได้ชิปประมวลผล Core i Gen 10 U สถาปัตยกรรม Comet Lake ที่เทคโนโลยีการผลิตที่ 14 นาโนเมตร และการ์ดจอแยก​ NVIDIA GeForce MX230 อีกทั้งได้แรมขนาด 8GB พร้อม SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB ใช้งานทันที
1
สเปกของ Dell Inspiron 14 5490 2-in-1 จะถูกแบ่งด้วยกันเป็น 2 รุ่นหลักๆ คือ Core i5-10210U / Core i7-10510U ซึ่งด้านประสิทธิภาพด้วยอย่างการใช้ชิปประมวลผลเป็นชิปประหยัดพลังงานพิเศษ แบบ 4 คอร์ 8 เทรด ซึ่งแน่นอนว่าให้ทั้งความแรงและใช้งานได้ยาวนาน เป็นสถาปัตยกรรม Intel Core i Gen 10 (Comet Lake) รุ่นล่าสุด ที่เป็นเทคโนโลยีการผลิตที่ 14 นาโนเมตร
ส่วนสเปกอื่นๆ เหมือนกันทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นโดยมาพร้อมขนาดหน้าจอ 14″ ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล พาเนลคุณภาพดีอย่าง IPS ซึ่งให้สีสันที่สวยสมจริง รองรับทัชสกรีน มีปากกาในชุดจัดจำหน่าย แรมก็ติดตั้งมาให้ขนาด 8GB DDR4 ซึ่งพอเพียงกับการใช้งานแน่นอน ในส่วนของกราฟิกการ์ดก็เป็น NVIDIA GeForce MX230 2GB GDDR5 ที่ให้ประสิทธิภาพการทำงานรองรับ 3 มิติได้ดี เล่นเกมออนไลน์พอได้ สำหรับฮาร์ดดิสก์เป็นแบบ SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB ที่สำคัญยังเป็นมาตรฐานการเชื่อมต่อ Wireless AC และ Bluetooth 5.0 ด้วย อีกทั้งยังมีน้ำหนักเพียง 1.65 กิโลกรัมเท่านั้น
นอกจากนี้ในส่วนของกล้องด้านหน้ารองรับการใช้งาน VDO Call และ Fingerprint ที่ใช้งานร่วมกับ Windows Hello รวมถึงติดตั้งระบบปฏิบัติการ Windows 10 แท้ สำหรับคอมพิวเตอร์แบรนด์ Dell ได้รับความน่าเชื่อถือมาอย่างยาวนานและเป็นที่นิยมในการใช้งานกับองค์กรและภาคธุรกิจอย่างมากมาย ทั้งมาตรฐานการบริการ Dell Premium Support และ On-site Service “บริการซ่อมตรงถึงที่ ทุกที่ ในอีก 1 วันทำการ” ถึง 2 ปีด้วยกัน รวมไปถึงมีบริการอื่นๆ อย่าง Call Center ตลอด 24 ชั่วโมง 7 วันทำการอีกด้วย
ASUS ZenBook Flip 14 UX463FL
ASUS ZenBook Flip 14 UX463FL นับว่าเป็น 2-in-1 Notebook ที่จัดเต็มไปด้วยสเปกและฟีเจอร์อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นชิปประมวลผล Intel Core i5-10210U การ์ดจอเป็น NVIDIA GeForce MX250 ที่แรงพิเล่นเกมออนไลน์ 3 มิติได้ลื่นไหล เหนือชั้นด้วยหน้าจอระดับมืออาชีพขนาดหน้าจอ 14″ IPS Full HD TouchScreen พร้อมดีไซน์ดูหรูหราสวยงาม ที่สำคัญได้มี ScreenPad 2.0 กับหน้าจอที่สอง ต่อยอดมาจากปีก่อน ติดตั้งแทนที่ทัชแพดแบบเดิมๆ เป็นหน้าจอที่สองโดยเป็นโน้ตบุ๊ครุ่นใหม่สายทำงานและไลฟ์สไตล์ แน่นอนว่าหน้าจอหลักพับได้ 360 องศา มีปากกา ASUS Active Pen มาด้วย
สเปกภายในอื่นๆ ASUS ZenBook Flip 14 UX463FL ที่น่าสนใจได้รับการติดตั้งแรมมาขนาด 8GB พร้อมด้วย SSD ความจุ 512GB ให้ประสิทธิภาพการทำงานรองรับ 3 มิติได้ดี เล่นเกมออนไลน์ได้สบายๆ รวมไปถึงลำโพงยังเป็น Harman/Kardon เสียงดีชัดเจน อีกทั้งติดตั้ง IR 3D Camera ระบบไบโอเมตริกซ์ทำงานร่วมกับ Windows Hello แน่นอนว่ามี Windows 10 แท้ ประกัน 2 ปีตามมาตรฐาน ASUS (ปีแรกมีประกันอุบัติเหตุ) นับว่าถูกคุ้มมากๆ เมื่อเทียบกับฟีเจอร์ที่ได้ ส่งผลให้เป็นสุดยอดโน้ตบุ๊คยุคใหม่เลยก็ว่าได้ กับราคา 29,900 บาท
ดีไซน์โดยรวมของ ASUS ZenBook Flip 15 UX563FD นั้นจะดูเล็กกว่าและบางกว่าโน้ตบุ๊ครุ่นอื่นๆ อยู่พอสมควร ได้สีสันที่โดดเด่นไม่ซ้ำใครอย่าง Gun Metal Grey โดยมีน้ำหนักเบาเพียง 1.9 กิโลกรัม พร้อมความบางเฉียบ และเนื่องด้วยมีขอบจอที่ค่อนข้างบางตามสไตล์ NanoEdge ทำให้ตัวเครื่องดูเล็ก กะทัดรัด เหมาะกับการพกพาสะดวกสบาย แม้จะไม่ได้เบาที่สุดๆ แต่ได้ฟีเจอร์จัดเต็มแบบไร้คู่แข่ง เพราะในตลาดตอนนี้แนวคิด 2 หน้าจอแบบนี้มีเพียง ASUS เท่านั้น ในรุ่นนี้ได้เป็น ScreenPad 2.0 ขนาด 5.65″
บานพับ ErgoLift 360° แบบ 2 แกน ซึ่งเวลาที่กางออกมาใช้งานในรูปแบบโน๊ตบุ๊คจะทำให้คีย์บอร์ดทำมุม 2 องศากับฐานตั้ง พร้อมกางจอที่ 135 องศา จากการที่มีบานพับแบบพิเศษช่วยยกตัวเครื่องสูงขึ้นจากพื้น โดยขอบตัวเครื่องด้านหลังจะมียางรองพร้อมทำหน้าที่เป็นฐานรองด้านหลัง ที่หากเรากางหน้าจอมากกว่านั้นก็จะรองรับการใช้งาน Multi-Mode อื่นๆ เรียกได้ว่าฟีเจอร์นี้ไม่เคยมีใครทำมาก่อนบน 2-in-1 Notebook พร้อมดีไซน์ที่ดูสวยวามหรูหรา พร้อมกันนั้นยังการเชื่อมต่อไร้สายเป็น Wi-Fi 6 AX สุดล้ำด้วย
โฆษณา