18 พ.ค. 2020 เวลา 04:00 • กีฬา
เมื่อ “พระเจ้า” เลือกบาร์เซโลน่า
“พระเจ้า” ผู้ที่ได้ชื่อว่าสามารถบันดาลทุกสิ่งได้อย่างที่ใจปรารถนา ชี้นกเป็นนกชี้ไม้เป็นไม้ แน่นอนว่าหลายคนน่าจะอยากได้พลังวิเศษณ์นี้ แต่ในความเป็นจริงมันจะเป็นไปได้อย่างไร ยิ่งในโลกของฟุตบอลการที่นักเตะอยากย้ายไปเล่นในสโมสรที่เขาคาดหวังก็ไม่ใช่เรื่องง่าย มีปัจจัยหลายอย่างที่ตัวนักเตะเองไม่สามารถควบคุมได้ทั้งเรื่องค่าตัว โค้ชอีกทีมต้องการนักเตะในตอนนั้นหรือไม่ สโมสรต้นสังกัดอยากขายหรือไม่ ฯลฯ เรียกได้ว่าต้องเป๊ะทั้งจังหวะและโอกาสจริง ๆ ดีลในฝันถึงจะเกิดขึ้น
แต่คงไม่ใช่ปัญหาสำหรับซลาตัน อิบราฮิโมวิช เจ้าของฉายา “พระเจ้า” ที่วันหนึ่งก่อนที่เขาจะสถาปนาตัวเองเป็นพระเจ้านั้น เขาเคยเอยปากว่าเขาอยากไปเล่นกับบาร์เซโลน่า ยอดทีมแห่งแคว้นคาตาลุญญา และจากนั้นทุกอย่างก็ได้ถูกบันดาลขึ้นสมใจ
--- จุดเริ่มต้น ---
ซลาตันเริ่มต้นเซ็นสัญญาอาชีพกับมัลโม่ สโมสรฟุตบอลอาชีพในลีกสวีเดน ในช่วงเวลานั้นเองที่ฝีเท้าของเขาได้เปล่งแสงไปเข้าตาขงเบ้งเลือดน้ำหอม อาร์แซน เวนเกอร์ กุนซือของทีมปืนใหญ่อาร์เซน่อลที่ได้ส่งเทียบเชิญให้หนูน้อยซลาตันไปทดสอบฝีเท้าที่กรุงลอนดอน แต่เมื่อโอกาสที่เขาจะได้ก้าวหน้าในเส้นทางการค้าแข่งมาถึง เขากลับปัดข้อเสนอนั้นทิ้งอย่างไม่ใยดี โดยให้เหตุผลว่า “คนอย่างผม (ซลาตัน) ไม่ต้องทดสอบฝีเท้า”
แต่ก็ช่วยไม่ได้ดวงคนมันกำลังขึ้นใครก็ห้ามไม่อยู่ หลังจากที่เขาปฏิเสธอาร์เซน่อลก็กลายเป็นลีโอ บีนฮัคเกอร์ ผู้อำนวยการฝ่ายเทคนิคของอาแจ็คซ์ สโมสรที่ขึ้นชื่อเรื่องการปั้นนักเตะเยาวชนได้ยื่นข้อเสนอเข้ามาพาตัวซลาตันบินลัดฟ้ามาค้าแข่งที่เมืองหลวงของประเทศฮอนแลนด์ได้สำเร็จ
อิบราฉลองหลังยิงประตูมหัศจรรย์ได้
ภายใต้สีเสื้อของอาแจ็คซ์เขาได้จารึกตำนานของตัวเองขึ้นในฤดูกาล 2004-2005 ในเกมรองสุดท้ายของเจ้าตัวก่อนจะย้ายไปอิตาลี เกมนั้นอาแจ็คซ์เปิดบ้านรับการมาเยือนของเอ็นเอซี เบรด้า ในนาทีที่ 76 ซลาตันรับบอลมาจากเพื่อนร่วมทีมบริเวณเส้น 30 หลา เขาโซโล่ล็อคหลบผู้เล่นฝั่งตรงข้าม 5 คน รวมผู้รักษาประตู และแปบอลเข้าประตูไปแบบง่าย ๆ เสียงปรบมือดังก้องไปทั่วสนาม ผู้บรรยายถึงกับอึ้ง พร้อมเชิดชูประตูนั้นราวกับมาราโดน่าและซีเนดีน ซีดาน มายิงเอง
จากนั้นจุดหมายปลายทางต่อไปของซลาตัน คือ เมืองตูริน ภายใต้ยูนิฟอร์มม้าลาย ยูเวนตุส เขาเป็นกองหน้าตัวหลักของทีมและช่วยให้สโมสรคว้าแชมป์สคูเด็ตโต 2 สมัยติดต่อกัน กระทั่งฤดูกาล 2006-2007 ยูเวนตุสมีข่าวพัวพันกับเหตุการณ์ล้มบอล ทำให้ถูกริบแชมป์ โดนตัดแต้ม และปรับตกชั้น สตาร์ดังหลายคนทยอยย้ายหนีออกจากทีมและเป็นงูใหญ่ อินเตอร์ มิลานของโรแบร์โต มันชีนี ที่ยื่นข้อเสนอเข้ามาคว้าตัวอิบราไปร่วมทีม
อิบราเข้ามาเพื่อยกระดับอินเตอร์อย่างแท้จริง เพียงในฤดูกาลแรกที่เขาย้ายเข้าสังกัดงูใหญ่ สโมสรก็สามารถคว้าแชมป์ลีกได้ทันที ถือเป็นแชมป์ลีกเป็นครั้งแรกในรอบ 17 ปี หากไม่นับปีก่อนหน้าที่ได้แชมป์เพราะยูเวนตุสโดนริบแชมป์ ทำให้อันดับสองได้แชมป์แทน อีกทั้งเขายังได้รับการโหวตให้เป็นนักเตะยอดเยี่ยมของสโมสรในปีเดียวกัน
ไม่เพียงแค่ได้แชมป์ลีกเท่านั้น อินเตอร์ที่มีอิบราเป็นแกนนำทำสถิติชนะ 17 นัดรวดในลีก คว้าแชมป์ได้ทั้งที่ยังเหลือเกมการแข่งขันอีกถึง 5 แมทช์ ปิดฤดูกาลด้วยการกวาดไป 97 คะแนน ชนะ 30 เสมอ 7 แพ้เพียงนัดเดียวเท่านั้น ทำคะแนนทิ้งห่างอันดับ 2 อย่างโรม่าถึง 22 คะแนน แถมได้แชมป์บอลถ้วยในประเทศอีก
แต่ในรายการยูฟ่า แชมป์เปี้ยนลีก ผลงานของทีมถูกบาเลนเซียเขี่ยตกรอบจอดป้ายแค่รอบ 16 ทีมสุดท้ายเท่านั้น อิบราเก็บความปวดร้าวนี้ไว้ในใจ เขาพลาดหวังที่จะชูถ้วยบิ๊กเอียร์มา 5 ปีติด ก่อนหน้านี้เขาทำได้ดีที่สุด คือ เข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายมาแล้ว 3 ฤดูกาล (1 ครั้งกับอาแจ็คซ์ 2 ครั้งกับยูเวนตุส) แต่ก็ต้องเก็บกระเป๋ากลับบ้านมือเปล่าทั้งหมด ถ้วยบิ๊กเอียร์จึงถือเป็นส่วนเติมเต็มในใจที่จะทำให้อิบรากลายเป็น “พระเจ้า” โดยไร้ข้อกังขา
--- ผิดหวังซ้ำซ้อน ---
ในขอบเขตพื้นที่ประเทศอิตาลี อินเตอร์ มิลาน ยังคงไร้เทียมทาน พวกเขาคว้าแชมป์กัลโช่ เซเรีย อา 2 สมัยติด แต่ในบอลยุโรปผลลัพธ์ไม่แตกต่างจากเดิม พวกเขาตกรอบ 16 ทีมสุดท้ายเหมือนเดิม จนเกิดคำถามว่าโรแบร์โต มันชีนี ดีพอที่จะพาอินเตอร์บินสูงคว้าแชมป์ยุโรปหรือไม่? และในที่สุดเกิดการเปลี่ยนแปลงในตำแหน่งนายใหญ่ของถิ่นจูเซ็ปเป้ เมอัซซ่า
อิบรากับมูรินโญ่
โชเซ่ มูรินโญ่ กุนซือเดอะ สเปเชียล วัน เข้ามารับตำแหน่งแทน การมาของมูรินโญ่มีภารกิจหลักในการพาอินเตอร์ผงาดในบอลยุโรปให้จงได้ แน่นอนว่าซลาตันก็คาดหวังกับการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ไม่น้อย จากโปรไฟล์เก่าของโชเซ่ที่พาทีมรองอย่างปอร์โต้เขี่ยแมนฯยูไนเต็ดตกรอบพร้อมคว้าแชมป์ยุโรปได้สำเร็จ ยกเครื่องเชลซีใหม่จนสามารถคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 2 ปีติด จนขึ้นมาต่อกรกับผีแดงของเซอร์อเล็กซ์ได้อย่างสมน้ำสมเนื้อ
เขาทั้งสองมีความสัมพันธ์ที่ยอดเยี่ยม มูรินโญ่ซื้อใจซลาตันได้ตั้งแต่แรกพบ โชเซ่พูดอิตาเลี่ยนกับลูกทีมตั้งแต่วันแรกทั้งที่เขาไม่เคยคุมทีมในอิตาลีมาก่อน แต่ที่ซลาตันประทับใจที่สุด คือ มูรินโญ่พูดอิตาเลี่ยนได้ดีกว่าเขาสะอีก ไม่เพียงเท่านั้นขณะที่ซลาตันรับใช้ชาติลงเตะกับทีมชาติสเปนอยู่นั้น หลังจบเกมเขาได้รับข้อความจากเจ้านายใหม่
“เล่นได้ดี และเขาให้คำแนะนำบางอย่างในการเล่นกับผม” ซลาตันกล่าว
“ผมไม่เคยได้รับเมสเสจแบบนี้มาก่อน”
“ผมกำลังเล่นให้สวีเดน ไม่มีอะไรเกี่ยวกับเขาเลย”
“ผมตอบกลับเขาและเราก็คุยกันผ่านเมสเสจ”
“ผมรู้สึกดีจริง ๆ”
แน่นอนว่าการทำงานอย่างหนักของโชเซ่ทั้งในและนอกสนาม ทำให้อินเตอร์ยังครองความยิ่งใหญ่ในอิตาลีได้ไม่ยาก พวกเขาคว้าแชมป์ลีกพร้อมทำคะแนนทิ้งห่างอันดับ 2 อย่างยูเวนตุสถึง 10 แต้ม พ่วงด้วยแชมป์อิตาเลียน ซุปเปอร์คัพอีกสมัย ผลงานส่วนตัวของอิบราก็ไม่น้อยหน้าคว้ารางวัลดาวซัลโวพร้อมรางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมของลีกมาครอง
สำหรับรายการยูฟ่า แชมป์เปี้ยนลีก อินเตอร์ มิลานในฐานะแชมป์จากอิตาลีได้จับฉลากมาอยู่ในกลุ่มบี กลุ่มเดียวกับพานาธิไนกอส แวร์เดอร์ เบรเมน และอนอร์โธซิส ฟามากุสต้า ทีมรองบ่อนจากไซปรัส อินเตอร์ถูกวางให้เป็นเต็งหนึ่งของกลุ่มอย่างไม่ต้องสงสัย น่าจะผ่านเข้ารอบได้ไม่ยาก แต่พวกเขากลับทำได้เพียงชนะ 2 เสมอ 2 แพ้ 2 ทำผลงานได้ต่ำกว่ามาตรฐาน แต่ก็ยังเพียงพอที่จะทำให้พวกเขาผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายไปพบกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
ยูไนเต็ดในช่วงปีนั้นเป็นหนึ่งในทีมที่ดีที่สุดในยุโรป ครองตำแหน่งแชมป์เก่าและถือว่าแข็งแกร่งทุกตำแหน่ง มีฟาน เดอร์ ซาร์ เฝ้าเสา ริโอจับคู่วิดิชในแนวหลัง ฮาร์กรีฟส์ คาร์ริคและพอล สโคลส์คอยคุมแดนกลาง โรนัลโด้ เตเวซกับรูนีย์เป็นสามประสานในแดนหน้า มีท่านเซอร์ยืนสั่งการอยู่ข้างสนาม แถมยังมีเบอร์บาตอฟ พาร์ค จี ซอง และ 2 wonderkids อย่างนานี่และแอนเดอร์สันเป็นกำลังสำรองอีก
ในเกมแรกอินเตอร์ได้เล่นในบ้านก่อน แฟนบอลอย่างเราก็รู้ว่าในบอลยุโรปการได้เล่นในบ้านเปรียบเสมือนกับการเพิ่มพลังให้นักเตะได้อีกเท่าตัว อินเตอร์มีโอกาสที่ความได้เปรียบจากเสียงเชียร์จะกดดันให้ยูไนเต็ดเล่นไม่ออกและคว้าชัยให้ได้ในเกมแรก กดดันให้นัดที่สองยูไนเต็ดต้องเปิดเกมบุก สร้างความผิดพลาด อินเตอร์ของอิบราก็จะเล่นอย่างอดทนและรอลงโทษตอกฝาโลงปีศาจแดงคาถิ่น แต่แผนการนี้จะสำเร็จได้อินเตอร์จะต้องบรรลุเงื่อนไขหลักให้ได้ คือ การเก็บชัยชนะในนัดแรกให้ได้
อย่างไรก็ตามผลที่ออกมาไม่เป็นไปอย่างที่พวกเขาหวัง อินเตอร์เสมอกับยูไนเต็ด 0 ต่อ 0 ไม่สามารถชิงความได้เปรียบในฐานะเจ้าถิ่นได้ นัดต่อไปต้องออกไปเยือนโรงละครแห่งความฝัน อิบราและเพื่อนร่วมทีมรู้ดีว่ามันไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ยังมีความหวังอยู่ไม่น้อย หากพวกเขายันเสมอแบบมีสกอร์ก็จะสามารถผ่านเข้ารอบได้ด้วยกฏการยิงประตูทีมเยือน ยูไนเต็ดแบกความกดดันที่สูงกว่า เพราะผีแดงมีทางเลือกเดียวคือต้องเอาชนะให้ได้เท่านั้น ดังนั้นก็พอจะเดาได้ว่ายูไนเต็ดเปิดเกมรุกเต็มสูบแน่นอน
เมื่อมาถึงนัดที่สองในถิ่น Old Trafford มูรินโญ่วางหมากเตรียมมารับมือเกมบุกของปีศาจแดงอย่างเต็มที่ แผน 4-5-1 ถูกหยิบมาใช้แทน 4-3-1-2 ที่ใช้ในเกมที่แล้ว เพื่อกดดันแดนกลางของยูไนเต็ดให้ตั้งเกมบุกลำบากขึ้น โดยทิ้งอิบราให้คอยเก็บบอลในแแดนหน้าเพียงลำพัง
แต่เรื่องที่พวกเขาไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เพียงแค่นาทีที่ 4 ไรอัน กิ๊กส์ เปิดลูกเตะมุมเข้ามาตรงบริเวณจุดยิงลูกโทษ เนมันย่า วิดิช กระโดดพุ่งตัวมาที่จุดนัดพบ โหม่งบอลเสียบเสาไกลอย่างสวยงาม ยูไนเต็ดขึ้นนำ 1 ต่อ 0 เสียงตะโกนสะใจจากแฟนปีศาจดังสนั่นลั่นโรงละครแห่งความฝัน พร้อมกับเสียงตะโกน “You are not special any more, Jose Mourinho” ก็เริ่มดังขึ้น
ซลาตันยังคงไม่ยอมแพ้ “พวกเราต้องการแค่ประตูเดียวและเราจะได้ผ่านเข้ารอบ” เขาให้กำลังตัวเองกับเวลาที่เหลืออีก 86 นาที ในครึ่งหลังอินเตอร์เปิดเกมรุกมาขึ้นหวังทวงประตูคืนให้ได้ แต่ความหวังของพวกเขาแทบจะดับลงในนาทีที่ 48 รูนีย์ได้บอลที่บริเวณกรอบเขตโทษฝั่งซ้าย ก่อนงัดบอลเข้ากลางและเป็น CR7 กระโดดตัดหน้าชูลิโอ เซซาร์ นายทวารทีมเยือน โหม่งบอลซุกก้นตาข่าย แมนยูฯขึ้นนำ 2-0
อินเตอร์เทหมดหน้าตักส่งอาเดรียโน่และหลุยส์ ฟิโก้ ลงสนามเพื่อหวังทวงประตูคืน แต่ไม่เป็นผลจบเกมยูไนเต็ดผ่านเข้ารอบ ส่วนอินเตอร์และซลาตันอกหักในรอบ 16 ทีมสุดท้าย 3 ปีติดต่อกัน หลังจบเกมเขาถูกความผิดหวังเข้าครอบงำ มีบางสิ่งในใจอิบราเริ่มเปลี่ยนไป แม้เขาจะมีช่วงเวลาที่สุดยอดกับอินเตอร์ในอิตาลี มีเพื่อนร่วมทีมที่เขารักอย่างแม็กซ์เวลล์ มีโค้ชที่เขาประทับใจอย่างโชเซ่ แต่มันก็ไม่อาจถูกเติมเต็มได้ อิบราต้องการชูถ้วยยูฟ่า แชมป์เปี้ยนลีก
--- ขอเลือกบาร์เซโลน่า ---
“อิบรา คุณจะคว้าแชมป์ยูฟ่าฯได้มั้ย ถ้าคุณยังอยู่กับอินเตอร์” นักข่าวถามหลังจบเกม
“ผมไม่รู้ ก็รอดูต่อไป” อิบราตอบ
คำตอบนั้นแสดงออกมาอย่างชัดเจนว่า ในตอนนั้นอินเตอร์คงไม่ใช่ทีมที่ดีพอที่จะก้าวขึ้นไปเป็นเจ้ายุโรปได้ในความคิดของเขา
ซลาตันให้สัมภาษณ์
“ฉันต้องการจะย้ายและฉันอยากไปสเปน” เขาบอกกับมิโน ไรโอลา
แน่นอนว่ามิโนรู้ทันทีว่าจุดหมายต่อไปของอิบราไม่เป็นรีล มาดริด ก็บาร์เซโลน่า แต่ปัญหาคือไรโอลาจะทำให้ดีลนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร อิบราถือเป็นนักเตะเบอร์หนึ่งของสโมสร เขาเปรียบเสมือนโมนาลิซ่าที่ทุกคนรู้ว่ามีคุณค่ามาก แต่ราคาไม่อาจเอื้อมถึง สถานะของเขาไม่ต่างกับกาก้าที่เอซี มิลาน เมสซี่ที่บาร์ซ่า โรนัลโด้ที่ยูไนเต็ด หากดีลนี้จะเกิดขึ้นมันต้องเป็นมูลค่ามหาศาล แล้วทีมไหนหละที่จ่ายไหว
หลังเกมกับเรจจิน่าเขาให้สัมภาษณ์ว่า “ตอนนี้ผมโฟกัสกับการคว้าแชมป์ลีกเท่านั้น ส่วนฤดูกาลหน้าค่อยว่ากัน”
ข่าวเรื่องการย้ายทีมของเขาเริ่มฟุ้งกระจายไปทั่ว บางสำนักก็ว่ารีล มาดริดจะซื้อทั้ง CR7 และอิบราพร้อมกันไหวหรอ? บ้างก็ว่ากอนซาโล่ อิกัวอิน จะถูกแนบในข้อเสนอเพิ่อลดค่าตัวของเขา
แฟนบอลส่วนหนึ่งเริ่มไม่พอใจเขา เริ่มมีปากเสียงนอกสนามกับอิบรา ไม่ยินดียินร้ายกับผลงานและความพยายามอันสุดยอดที่เขาทำในสนาม เขาเริ่มมีข้อสงสัยว่า นี้คือสิ่งที่แฟนบอลมอบให้กับเขาหรือ? เขาพาทีมนำเป็นจ่าฝูงและครองตำแหน่งดาวซัลโวของลีก แฟนบอลควรให้ความเคารพต่อสโมสรและนักเตะ
ซลาตันบอกแฟนบอลให้ประกาศขอโทษกับสิ่งที่พวกเขาทำลงในเว็บไซต์ของแฟนบอล แล้วเราจะลืมในสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ทุกอย่างก็เงียบเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น สถานการณ์เริ่มอึดอัดขึ้นเรื่อย ๆ จะย้ายก็ยังไม่มีอะไรชัดเจน จะอยู่ที่เดิมก็ไม่สะดวกใจ อิบรายกหูโทรหาไรโอลา “มีข้อเสนอเข้ามามั้ย เกิดอะไรขึ้นบ้าง” แต่คำตอบที่ได้ช่างน่าผิดหวัง “ยังไม่มีอะไรเลย” มิโนตอบ
ซลาตันได้แต่นั่งรอความหวังอยู่ที่บ้านหน้าทีวี ช่วงเวลานั้นรอบชิงยูฟ่า แชมป์เปี้ยนลีกเป็นการโคจรมาพบกันของสองโคตรทีมในเวลานั้น บาร์เซโลน่า พบ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แม้ว่าแมนยูฯจะมีศักดิ์เป็นแชมป์เก่า แต่บาร์เซโลน่าของเป็ปในช่วงนั้นถือว่าไร้เทียมทาน ไม่มีใครจะหยุด Tiki-Taka ได้ และผลก็เป็นไปตามคาดเมื่อจบ 90 นาที บาร์ซ่าเอาชนะแมนยูฯไปได้ 2 ต่อ 0
“นี่แหละคือทีมที่ผมจะไปเล่นด้วย” อิบราได้แต่คิดในใจ
ใจเขากระวนกระวายอยากรู้ความเคลื่อนไหวของดีล เขาอยู่นิ่งไม่ได้ เขาต่อสายหามิโนอีกครั้ง “แกกำลังทำอะไรอยู่ นอนหลับหรือไง”
“นอนหลับอะไร แกมันอ่อน ไม่มีใครต้องการแก แกต้องกลับไปเล่นที่โมลด์” มิโนตอบกลับอย่างฉุนเฉียว
จบบทสนทนานั้น อิบรารู้ได้ทันทีว่าดีลนี้ไม่ง่ายแน่นอน มันต้องเป็นดีลที่มีมูลค่ามหาศาล มิโนกำลังทำทุกอย่างเพื่อให้ดีลนี้เกิดขึ้นและให้เขาได้ผลตอบแทนที่ดีที่สุด
--- เกือบไม่ได้ย้าย ---
ตลาดหน้าร้อนฤดูกาล 2009-2010 รีล มาดริดแถลงข่าวคว้าตัวริคาร์โด้ กาก้า จากมิลานและ CR7 จากยูไนเต็ด สองคนรวมกันค่าตัวกว่า 160 ล้านยูโร แสดงว่าแทบจะเป็นไปไม่ได้แล้วที่มาดริดจะยื่นซื้อซลาตันในหน้าร้อนนี้ เหลือแต่เพียงบาร์ซ่าเท่านั้น
เมื่อรู้ข่าวการย้ายตัวของกาก้ากับ CR7 ซลาตันรีบตรงไปหามัสซิโม่ โมรัตติ ประธานของอินเตอร์ฯ ทันที
“ฟังนะ ช่วง 2-3 ปีที่ผมอยู่ที่นี่ มันสุดยอดมาก ผมมีความสุขสุด ๆ”
“ผมไม่สนใจว่า แมนยูฯ หรืออาร์เซน่อล หรือทีมไหนก็ตามต้องการตัวผม”
“แต่บาร์ซ่าน่าจะยื่นข้อเสนอเข้ามา”
“Yes” โมรัตติตอบสั้น ๆ
“ผมต้องการแค่ให้คุณพูดคุยกับพวกเขา ราคาเท่าไหร่แล้วแต่คุณ ผมจะไม่ก้าวก่าย”
“สัญญากับผมว่าคุณจะคุยกับพวกเขา” อิบราเสริมต่อ
ท่านประธานได้แต่ยืนมองหน้าอิบราและตอบว่า “Okay ผมสัญญา”
ท่านประธานมัสซิโม่ โมรัตติ
ทั้งสองแยกย้ายไปทำตามหน้าที่ของตัวเอง อิบราตรงไปลอสแอนเจลิสเข้าร่วมแคมป์พรีซีซั่นของทีม เขานอนห้องเดียวกับแม็กซ์เวลล์ เพื่อนสนิทของเขาและพวกเขาใช้บริการของไรโอลาเหมือนกัน ทั้งคู่อยู่ทีมเดียวกันตั้งแต่สมัยค้าแข้งที่อาแจ็คซ์และย้ายตามกันมาที่อินเตอร์ คราวนี้ก็เช่นกันทั้งสองมีข่าวกับบาร์เซโลน่า แต่เหมือนดีลของแม็กซ์เวลล์จะรุดหน้าได้เร็วกว่า ไม่ค่อยมีใครสนใจดีลของแม็กซ์เวลล์นักและค่าตัวเขาก็ไม่ได้สูงเท่าไหร่
แต่ดีลของซลาตันมีข่าวขึ้นหน้าหนังสือพิมพ์แทบจะทุกวัน มีกระแสข่าวอย่างหนักว่า บาร์ซ่าไม่มีงบพอที่จะซื้ออิบรา ดาบิด บีย่าน่าจะเป็นตัวเลือกที่ถูกกว่า
ในคืนหนึ่งแม็กซ์เวลล์นอนไม่หลับ เขาเอาแต่คุยโทรศัพท์ทั้งคืน บาร์ซ่าอย่างนุ้นอย่างนี้ เขารู้แล้วว่าดีลของเขาใกล้เสร็จสิ้นแล้ว อิบราได้ยินแบบนั้นก็แทบคลั่ง เขาโทรหามิโน “แกปิดดีลให้แม็กซ์เวลล์ได้ แต่ไม่ใช่ฉัน”
“ปัดโถ่ ดีลนั้นมันมีรายละเอียดอะไรสะที่ไหน” มิโน ขอบ่นคืนบ้าง
ในเช้าวันนั้นอิบรากับแม็กซ์เวลล์เดินเข้ามาในห้องแต่งตัว เพื่อนร่วมทีมทุกคนกำลังนั่งรอพวกเขาสองคนอยู่ แม็กซ์เวลล์ประกาศกลางห้องแต่งตัว “ฉันกำลังจะไปบาร์ซ่า” แน่นอนมีเพื่อนร่วมทีมบางคนอิจฉาเขา และเขาก็ได้แต่ก้มหน้าก้มตาเก็บของใส่กระเป๋า
“เอารองเท้าฉันไปด้วย ฉันจะตามแกไป” ซลาตันตะโกนลั่นห้อง
ทุกคนหัวเราะกับมุกของซลาตัน ทุกคนกำลังคิดว่าไม่มีทาง ซลาตันแพงเกินไปไม่มีทีมไหนยอมจ่ายแน่
“นั่งลง แกจะไม่ไปไหน” เพื่อนร่วมทีมคนหนึ่งตะโกนขึ้นมา
ในปีนั้นโจน ลาปอร์ตา นั่งเก้าอี้ประธานของบาร์เซโลน่า เขาต้องการพาทีมให้กลับมาทวงความยิ่งใหญ่อีกครั้ง เขาเห็นรีล มาดริด ดึงบิ๊กเนมเข้าทีม แน่นอนว่าบาร์ซ่าจะไม่น้อยหน้า เขาบินมามิลานด้วยเครื่องบินส่วนตัวและร่วมดินเนอร์กับโมรัตติ และมาร์โก้ บรังก้า ผอ.ฝ่ายกีฬาของอินเตอร์ อิบรานั่งรอฟังข่าวอย่างใจจดใจจ่อ
เสียงโทรศัพท์ของอิบราดังขึ้น กริ๊ง ๆ ๆ ๆ
มิโนโทรมา “โมรัตติบอกลาปอร์ตาว่า ถ้าคุณมาที่มีเพื่ออิบรา ให้คุณหันหลังแล้วกลับบ้านไปได้เลย เขาไม่ได้มีไว้ขาย”
ซลาตันแทบคลั่งเมื่อได้ยินอย่างนั้น “What the F__k” “เขาสัญญากับฉันแล้ว ฉันจะโทรหาบรังก้า”
“การพูดคุยครั้งนี้ไม่มีอะไรเกี่ยวกับคุณ” บรังก้า บอกปัดความรับผิดชอบ
“โกหก ฉันรู้เรื่องจากมิโนหมดแล้ว” อิบรารู้สึกเหมือนโดนหักหลัง
แต่เขายังมองโลกในแง่ดี “ไม่ได้มีไว้ขาย” อาจจะเป็นอีกทางที่จะบอกว่า “ดีลนี้มันแพง” ก็เป็นได้
หลังจากนั้นสโมสรได้แจ้งเขาว่า ฤดูกาลหน้าเขาจะได้สวมเสื้อเบอร์ 10 เบอร์เดียวกันกับโรนัลโด้ R9 สมัยที่ยังค้าแข้งกับอินเตอร์ มิลาน ทุกอย่างมันเหมือนกับว่าดีลได้จบลงแล้ว ซลาตันจะอยู่กับอินเตอร์ต่อไป
--- ความหวังครั้งสุดท้าย ---
ต่อมาไม่นานมีข่าวว่าลาปอร์ตาและทิซิกิ เบกิริสเตน ผอ.ฝ่ายกีฬาของบาร์ซ่า กำลังบินไปยูเครนเพื่อปิดดีลดมิโตร ไซกรีนสกี ปราการหลังชาวยูเครนของชัคตาร์ โดเนตส์ ไรโอลาเก๋าเกมมากพอ เขารู้ดีว่าโอกาสมาถึงแล้ว เขาจัดการนัดพูดคุยกับโมรัตติ เขาร่ายมนต์พูดจาหว่านล้อมทุกอย่างจนดูเหมือนท่านประธานจะเริ่มเปิดใจยอมเจรจาใหม่อีกครั้ง
มิโน ไรโอลา
จบการพูดคุยนั้น มิโนรีบโทรหาทิซิกิ เบกิริสเตนในทันที เขารู้ว่าทิซิกิอยู่บนเครื่องบินกับลาปอร์ตาและทั้งคู่กำลังบินกลับสเปน
“ผมว่าคุณควรลงเครื่องที่มิลานนะ” มิโนเริ่มบทสนทนา
“ทำไมหละ?”
“ตอนนี้โมรัตติอยู่ที่บ้าน หากพวกคุณมาเคาะประตูบ้านเขา ผมว่าเราสามารถเจรจาเรื่องซลาตันได้”
“ผมขอเวลาแปปนึง ผมต้องคุยกับท่านลาปอร์ตาก่อน”
ไม่นานทิซิกิก็โทรกลับมา “OK เราจะไปมิลาน”
ไรโอลารีบบอกข่าวให้อิบรารู้ทันที ซลาตันกลับมามีความหวังอีกครั้ง นี้อาจเป็นโอกาสครั้งสุดท้ายและเขาต้องการให้ทุกอย่างสำเร็จลุล่วง เขารู้ว่าต้องทำอะไรสักอย่าง เขาส่งข้อความหามาร์โก้ บรังก้า “ผมรู้ว่าฝ่ายบริหารของบาร์เซโลน่ากำลังเดินทางมา คุณสัญญากับผม คุณจะพูดคุยกับพวกเขา คุณรู้อยู่แล้วว่าผมอยากไปเล่นที่นั้น” “อย่าทำมันพังและผมจะไม่ทำให้คุณยุ่งยาก”
หลังส่งข้อความนั้นเขานั่งเฝ้ารอเวลา จ้องมองนาฬิกาตลอดเวลา นาทีแล้วนาทีเล่า จิตใจเขาว้าวุ่นเหมือนเด็กวัยรุ่นที่กำลังค้นหาตัวเอง มีคำถามผุดขึ้นมาในหัวเขาเต็มไปหมด พวกเขาคุยอะไรกัน? อะไรเกิดขึ้นในห้องนั้น?
5 นาทีผ่านไป เงียบ ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
15 นาทีผ่าน ยังคงเงียบสงัด ทุกอย่างยังคงหยุดนิ่ง
25 นาทีผ่านไปหลังจากประตูห้องประชุมถูกปิด เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น มิโนโทรมา อิบราใจเต้นรัว ๆ ริมฝีปากแห้ง เขาแสดงอาการตื่นเต้นออกมาชัดเจน เขารวบรวมสติและกดรับโทรศัพท์
“ว่าไง” อิบรากล่าวทักทายขณะที่อะดรีนาลีนกำลังพลุ่งพล่าน
“เรียบร้อย” มิโนตอบอย่างเรียบง่าย
“เรียบร้อย? หมายความว่าไง?”
“แกกำลังจะไปบาร์เซโลน่า เก็บกระเป๋าได้แล้ว”
“อย่ามาเล่นมุกแบบนี้”
“ฉันไม่ได้เล่นมุก”
“ทำไมมันเร็วแบบนี้ แค่ 25 นาทีเนี๊ยะนะ”
“เดี๋ยวค่อยเล่าให้ฟัง” ไรโอลารีบตัดบทก่อนวางสาย
ตอนนี้ซลาตันทำอะไรไม่ถูก เขาดีใจสุดขีด เขาอยู่ในโรงแรม เขาอยากจะระบายเรื่องนี้กับใครสักคน เขากระโจนออกไปที่ระเบียง บังเอิญสุด ๆ ที่ปาทริค วิเอร่า ยืนอยู่ระเบียงห้องข้าง ๆ
“ฉันกำลังจะไปบาร์เซโลน่า”
วิเอร่ามองหน้าอิบรา “ไม่มีทาง เรากำลังพูดถึงตัวเลขเท่าไหร่”
“ฉันไม่รู้ ไม่รู้จริง ๆ”
ไม่นานนักไรโอลาก็โทรเข้ามา พร้อมเล่าเรื่องบนโต๊ะเจรจาให้ฟัง
“โมรัตติมีความชัดเจน เขามีเพียงเงื่อนไขเดียว”
“เขาต้องการได้ราคาที่สูงกว่าที่มิลานขายกาก้าให้รีล มาดริด (มูลค่าดีลของกาก้า 65 ล้านยูโร)”
“ลาปอร์ตาโอเคกับเงื่อนไขนั้น”
“พวกเขาใช้เวลาไม่นานในการเจรจา สรุปว่าบาร์ซ่าจะจ่าย 46 ล้านยูโร พร้อมส่งซามูเอล เอโต้ ให้อินเตอร์ด้วย”
ณ ขณะนั้นซามูเอล เอโต้ ถือเป็นหนึ่งในยอดกองหน้า ฤดูกาลก่อนเขายิงไปมากกว่า 30 ประตู เขามีมูลค่า 20 ล้านยูโร
“66 ล้านยูโร คือค่าตัวของนาย สถิตินักเตะที่ค่าตัวแพงที่สุดอันดับ 2 ของโลก”
อิบราคาดไม่ถึงจริง ๆ กับมูลค่ามหาศาลขนาดนั้น มันอธิบายความรู้สึกเป็นคำพูดไม่ได้ แต่มันสุดยอดมาก
เช้าวันต่อมาพวกเขามีคิวลงซ้อมทีม อิบราได้สวมเสื้อเบอร์ 10 แมทช์นั้นเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวที่เขาได้ใส่มัน เขามองไปที่มูรินโญ่ สีหน้าท่าทางของเขาบ่งบอกชัดเจนว่าเขาผิดหวังที่จะต้องเสียอิบราไป วันหนึ่งในโรงแรมมูรินโญ่เดินตรงเข้ามาหาอิบรา
“แกจะไม่ไปไหน” โชเซ่เปิดบทสนทนา
“ผมเสียใจ แต่ผมทิ้งโอกาสนี้ไปไม่ได้”
“แต่ถ้าแกไป ฉันก็จะไป”
Oh My God, ซลาตันจุกอก พูดอะไรไม่ออก ประโยคนี้ของโชเซ่มันแทงใจของอิบราเข้าอย่างจัง
“ขอบคุณ คุณสอนผมหลายอย่างจริง ๆ” ซลาตันพูดอย่างซาบซึ้ง
“ขอบคุณ” โชเซ่ตอบรับ
พวกเขายังคงพูดคุยกันต่อ ทั้งสองคนยังมีความปรารถนาที่ดีต่อกัน แต่ก่อนจากกันมูรินโญ่ได้ให้คำมั่นบางอย่างกับอิบรา
“เฮ้!!! อิบรา”
“ครับ”
“แกจะไปบาร์ซ่าเพื่อคว้าแชมป์เปี้ยนลีกใช่มั้ย?”
“ก็คงงั้น”
“แต่เรา (อินเตอร์) จะเป็นคนเอามันกลับบ้าน อย่าลืมซะหละ”
จากวันนั้นอิบรา หรือ “พระเจ้า” ก็ได้สิ่งที่ใจเขาต้องการ ย้ายมาสวมเสื้อเลือดหมู-น้ำเงิน ได้สวมเสื้อเบอร์ 9 เบอร์เดียวและทีมเดียวกับโรนัลโด้ R9 ไอดอลในวัยเด็ก ได้ลงเล่นร่วมกับสุดยอดผู้เล่นแห่งยุค เมสซี ชาบี อิเนียสต้า ได้ลงเล่นและอยู่ใกล้กับแม็กซ์เวลล์ เพื่อนซี้ของเขา มีซูเปอร์เอเยนต์อย่างมิโน ไรโอลา คอยจัดการทุกอย่างให้ ทุกอย่างแถบจะสมบูรณ์แบบเว้นแต่ “แชมป์ยูฟ่า แชมป์เปี้ยนลีก” เป็นเพียงสิ่งเดียวที่พระเจ้ายังไม่อาจเอื้อมถึง
ถ้าชอบเรื่องเล่านี้ Comment มาคุยกันครับ อย่าลืมกด Like กด Share เป็นกำลังใจสำหรับเรื่องเล่าเรื่องต่อไปด้วยนะครับ
- หวังว่าจะมีความสุขกับการอ่านนะครับ -
โฆษณา