18 พ.ค. 2020 เวลา 05:25
เสือดาวของน้องอู๋
เป็นเด็กจบใหม่หรือกำลังจะจบยุคนี้ไม่ง่ายเลย ในสภาพเศรษฐกิจที่ไม่ค่อยดี คนตกงานเยอะ ในการที่หางานได้นั้นคงต้องมีความสามารถพิเศษอะไรบางอย่างเป็นแต้มต่อให้เด่นกว่าคนอื่น ที่น่าคิดคือ ความสามารถพิเศษที่เด็กยุคใหม่ควรจะต้องมีคืออะไร ยิ่งถ้าไม่ได้จบมหาวิทยาลัยดีๆด้วย แค่เริ่มต้นก็ติดลบเสียแล้ว..
เวลาเราพูดถึงความสามารถพิเศษ ในนัยยะของมันก็คือเป็นความสามารถที่เรามีและคนอื่นไม่ค่อยมีกัน ต้องเป็นความสามารถที่หายาก ยากพอที่เวลาจะกรอกใบสมัครแล้วจะทำให้ผู้สัมภาษณ์สนใจได้เพราะคนอื่นไม่กรอกหรือไม่มี
ในรุ่นพ่อผม ความสามารถพิเศษของคนรุ่นนั้นที่หาได้ยากก็คือทักษะทางภาษาอังกฤษเพราะคนแทบไม่ได้ไปเรียนเมืองนอกเมืองนากันเท่าไหร่ แต่ถ้าเป็นรุ่นผมซึ่งพอพูดภาษาอังกฤษกันได้ ใครรู้เรื่องคอมพิวเตอร์เยอะ ใช้คอมพิวเตอร์เป็น ก็เป็นข้อได้เปรียบ รวมถึงความรู้หรือวิทยาการอะไรใหม่ๆ นึกอะไรแนวนี้ได้ก็กรอกใบสมัครแล้วจะดูเด่นกว่าใคร
แล้วเด็กยุคนี้เล่า ควรมีความสามารถอะไรที่เด็กยุคเดียวกันไม่ค่อยมี เพราะเด็กยุคนี้ภาษาอังกฤษแทบไม่ใช่ประเด็น ความรู้ด้านไอที การใช้งานคอมพิวเตอร์ก็เป็นเรื่องพื้นฐาน อย่าว่าแต่เรื่องนี้เลย เรื่องอะไรก็เรียนรู้ได้หมดแค่ปลายนิ้ว อยากรู้อยากเรียนอะไรก็มีในอินเตอร์เนตหมด ไล่ตามกันไม่ยากเลย ..
………
ผมเคยคุยกับอู๋ วีรยุทธ ล้อทองพาณิชย์ โปรดิวเซอร์ชื่อดังเจ้าของบริษัท wink wink ถึงเรื่องนี้ เพราะอู๋เป็นผู้ที่ผมคิดว่ามีความสามารถพิเศษชนิดนี้ที่เด็กยุคนี้ควรเรียนรู้ อู๋เป็นเด็กบ้านนอก เป็นลูกชาวไร่จากเมืองกาญจน์ จบปวส. พณิชการพระนคร เข้ามาต่อสู้ดิ้นรนตามหาความฝัน เริ่มตั้งแต่เป็นเด็กฝึกงานต๊อกต๋อยในบริษัทโฆษณา ใครใช้อะไรก็ทำ ล้มลุกคลุกคลานทุกเรื่องแม้แต่เรื่องจีบสาว ค่อยๆเรียนรู้ ค่อยๆไต่เต้า จนกลายเป็นโปรดิวเซอร์ และมาเปิดบริษัทใหญ่โตในที่สุด อู๋มีคุณสมบัติพิเศษนี้ที่ได้เจอมาตั้งแต่ติดลบและใช้มันอย่างคุ้มค่ามากๆ
คุณสมบัติหรือความสามารถพิเศษของอู๋นี้เกิดได้อย่างไร อู๋ ผู้เชี่ยวชาญด้านความด้อยโอกาสเคยเล่าเรื่องหนึ่งไว้ เป็นวัตถุดิบชั้นดีในการสร้างเขาจนเป็นวันนี้ ..
อู๋เล่าว่าตอนที่เริ่มงานเป็นเด็กฝึกงานในบริษัทโฆษณาแห่งหนึ่ง อู๋มีหน้าที่ที่ทำทุกอย่างที่พี่ๆเขาจะใช้รวมถึงต้องหาของประกอบฉาก งานแรกๆที่เจอเลยก็คืองานถ่ายโฆษณาที่มีบริษัทจากอินโดมาจ้างถ่าย และพี่ๆบอกอู๋ว่าให้ไปหาเสือดาวมาเข้าฉากหนึ่งตัว
อู๋รับงานมาด้วยความงง ไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหน อย่าว่าแต่เสือดาวเลย หาแมวยังไม่ง่าย ที่พี่เขาใช้อู๋ซึ่งเป็นเจเนอรัลเบ๊เพราะคงไม่มีอยากไปหาเหมือนกัน เป็นงานที่ไม่มีใครอยากทำเพราะมันยาก ใช้เด็กฝึกงานกระจอกๆนี่แหละ แต่ก็มีพี่คนหนึ่งใจดีแนะนำอู๋บอกว่าให้ไปคุยกับ “พี่หนุ่ม” ผู้เก๋าประสบการณ์ดู
1
ในใจอู๋คิดว่าโชคดีมาก รีบวิ่งไปถามพี่หนุ่มตามคำแนะนำทันที รีบไหว้ด้วยความอ่อนน้อม ขอความช่วยเหลือ พี่ครับผมจะหาเสือดาวจากที่ไหนได้บ้างครับ พี่หนุ่มเงยหน้ามองอู๋ด้วยสายตาเย็นชา พร้อมพูดสั้นๆก่อนจะก้มหน้าคืนว่า
…ทำไมกูต้องบอกมึง
ทำไมกูต้องบอกมึง..ทำไมกูต้องบอกมึง เป็นคำพูดที่แทงหัวใจอย่างรุนแรงเหมือนมีดปัก อู๋เดินออกมาด้วยความโกรธ น้อยใจในโชคชะตา น้ำตาไหล ไม่รู้จะพึ่งใครนอกจากตัวเอง
ด้วยความเป็นเด็กบ้านนอก ลำบากมามาก นึกอะไรไม่ออกก็ต้องหาทางดิ้นรนเอาตัวรอดเหมือนเคย อู๋เริ่มใหม่แบบมั่วๆตัวคนเดียว เปิดเยลโล่เพจเจสหมวดขายสัตว์ ตระเวนไปตามร้านต่างๆหลายร้าน ไปจตุจักร จนเจอคุณยายขายหมาแนะนำต่อไปฟาร์มจรเข้ จนฟลุคไปเจอคุณลุงคนหนึ่งเลี้ยงเสือดาว ไปเทียวไล้เทียวขื่ออ้อนจนคุณลุงยอมจนได้ และได้เสือดาวมาเข้าฉากในที่สุด..
อู๋บอกว่า ตอนที่เราเป็นเด็กใหม่ เด็กด้อยโอกาส โอกาสที่เราเจอพลังลบจะบ่อยและหนักมาก เสือดาวเป็นเสมือนเครื่องเตือนใจของอู๋ให้เป็นคนที่พยายามแบ่งปัน ช่วยเหลือคนเพราะเข้าใจความเจ็บปวดของคนที่โดน เสือดาวสอนให้อู๋เชื่อมั่น แม้กระทั่งพอทำงานผ่านไปได้ซักพักแล้วเจอปัญหา พอคิดถึงเสือดาวก็นึกได้ว่า ตอนที่ไม่มีทักษะอะไรยังแก้ปัญหาได้เลย ตอนนี้ทำไมจะไม่ได้ และพี่หนุ่มคนนั้นคนที่ปักมีดกลางใจอู๋ จริงๆแล้วก็สอนอู๋ผ่านเสือดาวว่า เราต้องพยายามให้ดี ให้เต็มที่ก่อน ก่อนจะไปแบมือขอความช่วยเหลือจากคนอื่น ในชีวิตอู๋ผู้ด้อยโอกาสต้องผ่านเสือดาวมาอีกหลายครั้งหลายตัว จนประสบความสำเร็จในที่สุด
……
ผมคิดว่าประสบการณ์เสือดาวที่แหละครับเป็นสิ่งที่ขาดในคนรุ่นใหม่ ใครมีประสบการณ์เสือดาวคนนั้นจะได้เปรียบ เป็นวิชาลำบาก ที่หาได้ยากเพราะคนรุ่นใหม่ได้อะไรง่ายมาก ทุกอย่างอยู่แค่ปลายนิ้ว ทางเลือกต่างๆก็มีมากมาย ความสามารถพิเศษของคนรุ่นใหม่ที่ใครมีแล้วจะรุ่งในความคิดของผมก็คือ ความอดทน อดในสิ่งที่อยากได้ และทนในสิ่งที่ทนแทบจะไม่ได้ ซึ่งจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อเราได้เจอประสบการณ์แบบอู๋
ในการสัมภาษณ์งานช่วงหลัง ผมจะหูผึ่งมากถ้ามีน้องคนหนึ่งที่อาจจะจบมหาวิทยาลัยอะไรไม่รู้แต่ไปผจญภัยเอาตัวรอดจากการทำงานที่เมืองจีนสองปี จะตื่นเต้นและอยากรับมากกว่าเด็กเกียรตินิยมอันดับหนึ่งของมหาวิทยาลัยชั้นนำด้วยซ้ำ เพราะประสบการณ์ที่จีนสองปีนั้นน่าจะทำให้น้องคนนั้นเจอเสือดาวอย่างนับไม่ถ้วน ซึ่งจะนำมาซึ่งความเชื่อมั่น ความพยายาม ความไม่ยอมแพ้ ความสามารถในการล้มแล้วลุก ซึ่งหาได้ยากในเด็กรุ่นใหม่ในกลุ่มเดียวกัน
ผมเคยสนทนากับอู๋เล่นๆว่า ในช่องความสามารถพิเศษในใบสมัครงานสมัยนี้ ใครกรอกว่า เป็นคนมีความอดทน นี่ผมนับเป็นความสามารถพิเศษประเภทหนึ่งด้วยซ้ำเพราะหายากมากๆและคงอยากถามต่อด้วยว่าเรียนรู้อะไรจากความอดทนนั้นบ้าง เพราะเป็นคุณสมบัติตั้งต้นที่ดีมากๆในการเริ่มงาน
ความอดทนจะนำมาซึ่งความสามารถในการเรียนรู้สิ่งใหม่ อดทนรอคอยจังหวะและโอกาส ในหลายครั้งต้องทำในสิ่งที่ตัวเองไม่ชอบ หรือไม่ได้ทำตามความชอบตัวเอง เป็นคุณสมบัติในฝันของพนักงานใหม่ของทุกบริษัทในตอนนี้ ..
และความอดทนที่ทำให้เด็กด้วยโอกาสอย่างอู๋มีวันนี้นั้น คำว่าอดทนในภาษาจีนประกอบด้วยคำสองคำ คำแรกคือมีด (ตอ) คำที่สองคือใจ (ซิม) ในความหมายคือต้องทนได้ในระดับที่มีดปักกลางใจ เหมือนกับที่อู๋เรียนรู้ไป อดทนไป ทำไปแก้ปัญหาไป เรียนรู้จากการแปลงความเจ็บปวดของคำพูด “ทำไมกูต้องบอกมึง” ที่เหมือนมีดปักคาใจคำนั้นให้เป็นพลัง และนั่นคือคุณสมบัติที่พิเศษของคนยุคนี้ที่หาได้ไม่ง่ายเลยครับ
โฆษณา