18 พ.ค. 2020 เวลา 14:34 • ธุรกิจ
หากพูดถึงบุคคลที่ชื่อ Jeffrey Preston Jorgensen หลายๆคนคงจะหันไปมองหน้ากันพร้อมกับสายหัวและอุทานออกมาว่าเขาคือใคร แต่หากบอกว่าเขาคนนี้ชื่อ Jeff Bezos ทุกคนคงจะรู้จักเขาในฐานะของเจ้าของ Ecommerce รายใหญ่อย่าง Amazon.com และผู้ที่ร่ำรวยที่สุดในโลกถูกต้องไหมครับ โดยในวันนี้ทางทีมงาน Top 10 Special Thailand จะขอนำเสนอเรื่องราวของผู้ชายคนนี้ให้ได้รู้จักกันครับ
https://childhoodbiography.com
1. "Bezos" ไม่ใช่ต้นตระกูลของเขาตั้งแต่กำเนิด
Jeffrey Preston Jorgensen คือชื่อเดิมของ Jeff โดยเขาเป็นลูกของชายหนุ่ม Ted Jorgensen และ สาวน้อย Jacklyn Preston Gise สองนักเรียน ม. ปลาย โดยหลังจากที่ทั้งคู่ได้แต่งงานกันและให้กำเนิด Jeffrey, Ted พอแท้ๆ ของ Jeff ได้ทำอาชีพเป็นนักขี่จักรยานล้อเดียวแสดงในโรงละครท้องถิ่น Unicycle Wanglers แต่ด้วยความที่ Ted ติดสุราหนักมากทำให้ Jacklyn หมดความอดทนและขอหย่าหลังจากแต่งงานได้ไม่ถึง 1 ปี และพอ Jeffey อายุได้ 1 ขวบ Jacklyn ก็ได้แต่งงานใหม่กับ Miguel Bezos (Mike Bezos) ชาวคิวบาที่อพยพเข้ามาอาศัอยู่ในสหรัฐอเมริกา
https://www.businessinsider.com
2. อัจฉริยะในวัยเด็กของ Jefirey
Jeffey ในวัย 5 ขวบ ได้ดูการถ่ายทอดการลงจอดบนดวงจันทร์ของยานอวกาศ Apollo 11 ซึ่ง Jeffey ชื่นชอบมากและตัดสินใจเลยว่าเขาต้องเป็นนักบินอวกาศให้ได้ หลังจากนั้น เด็กชาย Jeffey ก็กลายเป็นหนอนหนังสือที่อ่านหนังสือทุกอย่างที่พบเจอจนพ่อกับแม่ของเขาเป็นห่วงกลัวว่าจะติดตำรามากเกินไป จึงต้องพาไปเล่นอเมริกันฟุตบอล ต่อมา Jacklyn ได้พา Jeffey ไปเข้าเรียนในโปรแกรมของเด็กที่มีพรสวรรค์ และในตอน 10 ขวบ Jeffey จึงได้รู้ความจริงว่า Miguel ไม่ใช่พ่อแท้ๆ ของเขา
https://www.businessinsider.com/jeff-bezos-shares-fathers-immigration-story-2019-5
3. งานที่แรกของ Jeff Bezos
Jeff เริ่มต้นทำงานที่แรกที่บริษัทสตาร์ทอัพด้านการสื่อสาร แต่ไม่นานเขาก็ได้ย้ายเข้าทำงานกับบริษัทต่างๆ ใน Wall Street เช่น Fitel, Banker Trust และงานสุดท้ายที่ D. E. Shaw & Co ในตำแหน่งรองประธานอาวุโสของบริษัท ขณะทีเขามีอายุเพียง 28 ปี เท่านั้น ต่อมาในปี 1993 Jeff ได้แต่งงานกับ Mackenzie s.Tuttle แฟนสาวที่รู้จักกันจากที่ทำงานแห่งนี้
https://www.marketwatch.com/story/jeff-bezos
4. เลือกขายของที่ขายยากที่สุด
Jeff มีความคิดว่าอยากจะทำเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซที่มีทุกอย่างขายในนั้น และเป็นที่แรกที่ผู้คนที่ต้องการสินค้าต้องนึกถึงเว็บไซต์ของเขาเป็นอันดับแรกแต่ในตอนเริ่มต้นเขาลิสต์รายชื่อสินค้าที่คิดว่าน่าจะเติบโตเร็วที่สุดมาทั้งหมค 20 รายการ ก่อนที่สุดท้ายเขาคิดได้ว่าหนังสือนี่แหละเป็นสิ่งที่เหมาะที่สุด โดย Jeff ได้นำเรื่องนี้ไปปรึกษาหัวหน้าที่ทำงานและได้รับคำแนะนำว่า "นายมีงานที่ดีทำอยู่แล้ว ทั้งรายได้และเงินโบนัสคิดดีๆ น่ะเจฟ" หลังจากนั้น Jeff จึงตัดสินใจยื่นใบลาออกและเดินหน้าทำตามความฝันของตัวเอง ที่แม้แต่พ่อเม่ของเขาก็ยังไม่เห็นด้วยกับการลาออกจากงานและไอเดียธุรกิจของเขา เพราะในขณะนั้นก็ไม่เคยมีใครเคยเห็นเว็บไซค์แบบที่เขาคิดจะทำและไม่มีใครเชื่อว่าหนังสือจะขายผ่านเว็บไซต์ได้ คนที่สนับสนุนและส่งเสริมเขามีพียงคนเดียวนั้นก็คือ Mackenzie ภรรยาของเขา โดยทั้งสองได้ลาออกจากงานและย้ายไปอยู่ที่ ซีแอดเทิล
https://www.cnbc.com/2017/07/27/what-jeff-bezos-wanted-to-be-when-he-grew-up.html
5. สร้าง Amazon.com ในโรงรถ
ในปี 1994 Jeff ในวัย 30 ปี กับ Mackenzie ภรรยาของเขา ก็ได้ก่อตั้งบริษัทแรกชื่อ Cadabra แต่กลัวว่าคนทั่วไปจะเข้าใจผิดและคิดว่เป็น Cadaver ที่แปลว่าซากศพ จึงได้เปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น MakeItSo.com และยังได้จดโดมนอีกมากมายหลายชื่อก่อนที่จะไปสะดุดตาในพจนานุกรมกับคำว่า Amazon แม่น้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่ง Jeff อยากให้เว็บไซต์ของเขาเป็นร้านหนังสือออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกเช่นกัน จึงใช้ชื่อ Amazon.com ในที่สุด โดยที่ Jeff เริ่มต้นธุรกิจด้วยการเอาโรงรถในบ้านของตัวเองเป็นออฟฟิศ เอาบานประตูไม้มาทำเป็นโต๊ะทำงาน เริ่มจากมีพนักงานเพียงแค่ 2 คน ในตำแหน่งโปรแกรมเมอร์ รวมกับ Jeff และ Mackenzie ทำให้เว็บไซต์อีคอมมิร์ชนี้เริ่มต้นด้วย 4 คน ในโรงรถและเงินลงทุนของเขาในจำนวน 1,000 เหรียญสหรัฐฯ
https://fortune.com/1996/12/09/amazon-bookstore-next-big-thing/
6. เปิดตัวเว็บไซต์ Amazon.com
Amazon.com ได้เปิดตัวเว็บไซต์ครั้งแรกในวันที่ 6 กรกฎาคม 1995 โดย Jeff Bezos ประกาศว่าเป็นร้านหนังสือออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยที่เขาได้ติดต่อกับร้านขายส่งหนังสือและสำนักพิมพ์โดยตรงไว้ก่อนหน้าแล้ว ทำให้เขาสามารถขายหนังสือได้ทุกเล่มโดยไม่ต้องสต็อกหนังสือแม้แต่เล่มเดียว เมื่อมีคำสั่งซื้อผ่านเว็บไซต์เขาก็จะส่งออเดอร์นั้นไปยังร้านขายหนังสือหรือสำนักพิมพ์ในทันที
https://www.europeanceo.com/profiles/jeff-bezos-amazon/
7. ลงทุนใน Google
Jeff Bezos ได้พบกับ Lary Page และ Sergy Brin สองนักศึกษาผู้ก่อตั้ง Google ในปี 1998 โดยในขณะนั้นโปรเจ็ค Google ที่ทั้งคู่บอกว่าจะทำเป็นเครื่องมือการค้นหาบนเว็บไชต์ที่ดีที่สุดในโลกในขณะที่ Yahoo เป็นผู้ครอง
ตลาดอยู่ในขณะนั้น แต่ด้วยสายตาอันเฉียบแหลมทางด้านธุรกิจ Jeff ลงทุนใน Google ไป 250,00 เหรียญสหรัฐฯ เพื่อแลกกับหุ้นในจำนวน 3.3 ล้านหุ้น และจากการลงทุนในวันนั้นส่งผลให้เงิน 250,00 เหรียญสหรัฐฯ ได้กลายเป็น 29,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปัจจุบัน
https://www.businessinsider.com/how-jeff-bezos-became-first-investors-in-google-2018-4
8. ก้าวสู่การเป็นเจ้าพ่อนวัตกรรม
Jeff เริ่มต้นโครงการลับที่จะทำอุปกรณ์ในการอ่านหนังสือแบบ E-Book ในปี 2000 และในปี 2006 ได้เปิดตัวบริการ Amazon Web Service (AWS) โดยเป็นบริการบนระบบคลาวด์เต็มรูปแบบ และ เขาก็ได้เปิดตัว Kindle อุปกรณ์ที่ใช้อ่าน E-Book คล้าย Tablet อย่าง iPad แต่ใช้อ่านหนังสืออย่างเดียว มีหน้าจอเป็นขาวดำในปี 2007 โดยออกแบบมาให้ถนอนสายตามากกว่าการอ่านบนจอแบบ iPad และมีขนาดกะทัดรัดบางเบากว่า iPad จนเกิดศึกในตลาด E-bok กันระหว่าง Amazon กับ Apple และในปี 2010 ยอดขาย E-book เติบโตอย่างมากโดยแซงหน้าหนังสือเล่มปกติทำให้ Amazon หันมาเน้นขาย E-Book อย่างจริงจังมากขึ้นจน Amazon สามารถสร้างยอดขาย Kindle Fire ได้อย่างถล่มทลาย ซึ่งมียอดจองผ่านเว็บไซด์กว่า 200 เครื่องต่อชั่วโมง หรือประมาณ 50,000 เครื่องต่อวัน ในปี 2011
https://www.amazon.com/dp/B07978J597
9. ชื้อ Washington Post
Jeff Bezos ได้เข้าซื้อ Washington Post สื่อสิ่งพิมพ์อเมริกันที่มีประวัติศาสตร์อย่างยาวนานกว่า 136 ปี ในปี 2013 ด้วยมูลค่ากว่า 250 ล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ ทั้งที่อยู่ในช่วงขาลงของธุรกิจหนังสือพิมพ์ แต่ด้วยสินทรัพย์ของ Washington Post ที่เป็นส่วนหนึ่งที่ส่งให้ Jeff Bezos มีทรัพย์สินรวมมากที่สุดในโลกชนะทั้งบิล เกตส์ และ วอร์เรนบัฟเฟต์ ในปี 2017 นอกจากนี้แล้วในปี 2017 Amazon ยังได้เข้าซื้อกิจการของ Whole Foods Market ห้างค้าปลีกยักษ์ใหญ่ของอมริกาที่มีสาขามากกว่า 400 สาขา ทั่วสหรัฐฯ ที่มีสินค้าอุปโภคบริโภครวมถึงของสดมากมายจำหน่าย โดยที่ Amazon ได้นำระบบการสั่งซื้อออนไลน์มาใช้กับ Whole Foods ทำให้ลดขั้นตอนการจ่ายเงินลงไปได้อย่างมากและเป็นการเริ่มต้น Ecommerce ยุคใหม่ที่เรียกว่า Online to Offline (O2O)
https://www.geekwire.com/2013/jeff-bezos-bought-washington-post/
10. เป็นคนร่าเริงแต่ปากร้ายและอารมณ์ร้าย
Jeff Bezos เป็นคนที่จะไม่ชอบอดทนต่อความไร้ความสามารถของพนักงาน เขามักจะพูดแรง ๆ กับพนักงานบ่อยๆ เช่น "นี่ขี้เกียจหรือไร้ความสามารถกันแน่ "เราต้องการความฉลาดของมนุษย์ในการแก้ปัญหานี้นะ" แต่ด้านการบริการลูกค้าและความเอาใจใส่ในธุรกิจเขาให้ความสำคัญเสมอ หากมีปัญหาเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการและมีอีเมล์จากลูกค้าส่งไปหาเขา เขาจะรีบส่งต่อไปให้ทีมงานที่เกี่ยวข้องพร้อมกับเครื่องหมาย "?" ในทันที และจากนั้นเขาจะไล่บี้หาคำตอบกับผู้รับผิดชอบในทุกครั้งที่มีการประชุม
https://www.businessinsider.com/jeff-bezos-amazon-customer-service-2018-4
นี้คือ 10 เรื่องราวของชายที่ได้ชื่อว่าเป็นมหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดในโลก หากเราทบทวนเรื่องราวของชายคนดีเราจะได้ข้อคิดในการดำเนินชีวิตมากมายเลยน่ะครับ จากการที่เกิดเป็นลูกชายของวัยรุ่นหนุ่มสาวธรรมดาคู่หนึ่ง ก่อนที่จะกลายมาเป็นมหาเศรษฐีเบอร์หนึ่งของโลก เรียกว่าไม่ธรรมดาต้องผ่านร้อนผ่านหนาวมาอย่างโชกโชนเลยไม่น้อยเลยทีเดียว หากอ่านเรื่องราวนี้จบแล้วฝากกดติดตามเพื่อรับสาระดีๆ แบบนี้ไว้ด้วยน่ะครับ
ติมตามช่องทางอื่นๆ ของ Top 10 Special Thailand ได้ที่
Facebook : Top 10 Special Thailand
Youtube : Top 10 Special Thailand
โฆษณา