Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
เสียบสามเหลี่ยม
•
ติดตาม
18 พ.ค. 2020 เวลา 13:23 • กีฬา
หากไม่นับขุมกำลังชุดปัจจุบันที่มีทีมเวิร์คสุดแกร่งทั่วแผ่น แผงมิดฟิลด์ของ ลิเวอร์พูล ที่ได้รับการยกย่องว่าดีที่สุดของสโมสรในยุคพรีเมียร์ลีก คือ สตีเว่น เจอร์ราร์ด, ชาบี อลอนโซ่ และ ฮาเวียร์ มาสเคราโน่
แต่จริงๆ ยังมีอีกคนที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นกองกลางชั้นยอดของทีมหงส์แดงยุคนั้นเช่นกัน นั่นคือ โมฮาเหม็ด ซิสโซโก้
ซิสโซโก้ ที่เพิ่งประกาศแขวนสตั๊ดไปเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา เคยค้าแข้งในถิ่นแอนฟิลด์เป็นเวลา 2 ปีครึ่ง โดยย้ายจาก บาเลนเซีย ไปอยู่กับ ลิเวอร์พูล ในช่วงซัมเมอร์ปี 2005 ด้วยค่าตัว 5.6 ล้านปอนด์
แน่นอนว่าบุคคลสำคัญที่นำพาอดีตกองกลางทีมชาติมาลีไปสวมเสื้อทีมเครื่องจักรสีแดง ก็คือ ราฟาเอล เบนิเตซ
ตอนที่ ซิสโซโก้ อายุ 18 ปี เขาเล่นตำแหน่งหน้าต่ำให้กับ โอแซร์ สโมสรในฝรั่งเศส ทีมที่เขาอยู่ด้วยตั้งแต่สมัยเป็นนักเตะเยาวชน
แต่ว่า เบนิเตซ คือคนที่เชื่อว่าเขาจะกลายเป็นกองกลางตัวรับที่มีพรสวรรค์สูงได้ในอนาคต จึงดึงตัวไปอยู่กับทีมค้างคาวในปี 2003 แบบไม่มีค่าตัว ก่อนเปลี่ยนตำแหน่งให้ ซิสโซโก้ แจ้งเกิดเต็มตัวในวงการฟุตบอลยุโรป
ซิสโซโก้ ประสบความสำเร็จทันทีกับการเล่นให้ทีมชุดใหญ่ของ บาเลนเซีย ปีแรก เมื่อเป็นส่วนหนึ่งของทีมชุดแชมป์ ลา ลีกา และ ยูฟ่า คัพ ในฤดูกาล 2003-04
1
หลังจบซีซั่นนั้น “เอล ราฟา” โยกไปหาความท้าทายใหม่ด้วยการรับตำแหน่งผู้จัดการทีม ลิเวอร์พูล ทันที ก่อนสร้างบารมีด้วยการพาพลพรรค เร้ด แมชีน คว้าแชมป์ยุโรปสมัย 5 ที่อิสตันบูลแบบช็อคโลก
ส่วน ซิสโซโก้ ยังค้าแข้งที่ เมสตาย่า สเตเดี้ยม ต่ออีก 1 ฤดูกาล ก่อนจะตามไปร่วมงานกับเจ้านายเก่าในอีก 1 ปีต่อมา
ย้อนไปในช่วงซัมเมอร์ปี 2005 ราฟาเอล เบนิเตซ ต้องการมิดฟิลด์ตัวกลางที่ยังหนุ่มแน่นเข้าไปเสริมทัพ
ในตอนนั้น อนาคตของ สตีเว่น เจอร์ราร์ด ไม่มีความชัดเจน หลังจาก สตีวี่จี ได้แสดงท่าทีว่าอยากไปร่วมงานกับ โชเซ่ มูรินโญ่ ที่เชลซีมากกว่า ยังดีที่เปลี่ยนใจต่อสัญญาในภายหลัง
นอกจากนั้นแล้ว นักเตะสารพัดประโยชน์อย่าง อิกอร์ บิสคาน ก็ไม่ได้รับสัญญาฉบับใหม่ ก่อนถูกปล่อยฟรีไปให้ พานาธิไนกอส ส่วน ดีทมาร์ ฮามันน์ ก็เริ่มเข้าสู่ช่วงปลายอาชีพค้าแข้ง
ราฟา ให้ความสนใจที่จะดึงตัวลูกน้องเก่าอย่าง ซิสโซโก้ ที่ตอนนั้นอายุแค่ 20 ปีไปร่วมทัพ แต่ในเวลานั้นคู่ปรับร่วมเมืองอย่าง เอฟเวอร์ตัน ก็อยากได้ตัวเช่นเดียวกัน
อดีตกองกลางร่างโย่งเพิ่งออกมาให้สัมภาษณ์กับ ดิ แอธเลติก โดยเผยว่าถ้าไม่ใช่เพราะ ราฟาเอล เบนิเตซ เขาอาจจะไปเล่นที่ กูดิสัน พาร์ค ไปแล้ว
“ผมได้พบกับ เดวิด มอยส์ ที่สนามบินอัมสเตอร์ดัม เราได้คุยกันและเขาพูดเรื่องแพลนการสร้างทีม เอฟเวอร์ตัน ของเขากับผม เขาอยากให้ผมเซ็นสัญญากับพวกเขา และมันมีการหารืออย่างจริงจังระหว่าง เอฟเวอร์ตัน และเอเยนต์ของผม”
“ผมเกือบมากๆ จริงๆ ที่จะได้ย้ายไปเล่นที่นั่น”
“แต่หลังจากนั้น ราฟา โทรหาผมแล้วบอกว่าอยากให้ผมเซ็นสัญญากับ ลิเวอร์พูล ซึ่งในท้ายที่สุดมันเป็นการตัดสินใจที่ง่ายดาย เพราะ ลิเวอร์พูล เพิ่งเป็นแชมป์ยุโรป และผมมีความสัมพันธ์ที่ดีกับ ราฟา”
“ผมรู้ว่ามันจะเป็นเรื่องยากสำหรับผมที่จะได้ลงสนามอย่างต่อเนื่อง เพราะตรงหน้าผมยังมี ชาบี อลอนโซ่ และ สตีเว่น เจอร์ราร์ด อยู่ด้วย แต่ผมรู้ว่า ราฟา เห็นค่าผม และผมรู้ว่าถ้าหากผมทำงานหนัก ผมจะได้ลงสนามให้ ลิเวอร์พูล เหมือนกับที่ผมทำได้กับ บาเลนเซีย”
“จากนั้นผมโทรหา เดวิด มอยส์ และบอกเขาว่า “ผมขอโทษด้วย ผมอยากไปอยู่กับลิเวอร์พูล เพราะผมคิดว่ามันคือทางเลือกที่ดีกว่าสำหรับผม” และเขาก็เคารพการตัดสินใจของผม”
1
ถึงแม้ ซิสโซโก้ จะขึ้นชื่อเรื่องความโฉ่งฉ่าง จากสถิติโดนใบเหลืองรวมทุกรายการถึง 20 ใบ ใน 2 ฤดูกาลแรกที่อยู่กับทีมหงส์แดงแบบเต็มซีซั่น แต่ผลงานของเขาในถิ่นแอนฟิลด์ ถือว่าทำได้ดีทีเดียว
เขาโดดเด่นกับบทบาทตัวทำลายเกมของฝั่งตรงข้าม และช่วยให้เกมรับของ ลิเวอร์พูล ทำงานง่ายขึ้นเยอะ ทำให้เขากลายเป็นขวัญใจของบรรดา เดอะ ค็อป อย่างรวดเร็ว และเป็นที่รักของเพื่อนร่วมทีมในห้องแต่งตัว
ฤดูกาล 2005-06 ซึ่งเป็นซีซั่นแรกในการเล่นที่อังกฤษ โมฮาเหม็ด ซิสโซโก้ ได้โอกาสลงสนามเป็นตัวจริงในพรีเมียร์ลีกถึง 21 นัด แต่ยิ่งไปกว่านั้นคือการเป็นกำลังสำคัญพาทีมไปถึงแชมป์ เอฟเอ คัพ
ซิสโซโก้ ได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงครบทั้ง 6 นัดของฟุตบอลถ้วยรายการที่เก่าแก่ที่สุดในโลกปีดังกล่าว โดยตั้งแต่รอบ 4 เป็นต้นไป เขาไม่โดนเปลี่ยนตัวออกเลย
ซึ่งแน่นอนว่านัดชิงชนะเลิศที่ สตีเว่น เจอร์ราร์ด โชว์ฟอร์มมหัศจรรย์พาทีมโกงความตายไล่ตีเสมอ เวสต์แฮม 3-3 ก่อนเอาชนะด้วยการดวลจุดโทษ เขาลงเล่นเต็ม 120 นาที
อย่างไรก็ตาม ในระหว่างทางของฤดูกาล ได้เกิดเหตุการณ์ที่เป็นจุดเปลี่ยนของ ซิสโซโก้ บนเส้นทางค้าแข้งที่แอนฟิลด์ ในเกม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย เลกแรก ที่บุกไปเยือน เบนฟิก้า
ความเป็นนักเตะฮาร์ดแมนที่ไม่เกรงกลัวการเข้าปะทะในจังหวะ 50-50 ทำให้เขาได้รับบาดเจ็บอย่างหนักในช่วงผ่านพ้นครึ่งชั่วโมงแรกของเกม
กองกลางชาวมาลีโดน เบโต้ มิดฟิลด์ของทีมเหยี่ยวลิสบอนหวดเข้าเต็มๆ ที่ใบหน้า จนต้องถูกหามออกจากสนามในนาทีที่ 35 แล้วเป็น ดีทมาร์ ฮามันน์ ลงไปแทน
เกมนั้นทีมหงส์แดงบุกแพ้ก่อนด้วยสกอร์ 1-0 ก่อนที่เลกสองจะตกรอบด้วยการแพ้คาบ้านอีก 0-2
แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงกว่านั้นคืออาการบาดเจ็บจากการโดนหวดเข้าที่ใบหน้าของ ซิสโซโก้ มันเกือบทำให้เขาต้องแขวนสตั๊ดในวัยแค่ 21 ปี
จากผลสแกนในตอนนั้น เผยว่าจอประสาทตา (เรติน่า) ของซิสโซโก้เสียหาย ขณะที่เปลือกตาของเขาฉีกขาด และหลังจากที่ถูกนำตัวจากโรงพยาบาลในโปรตุเกส กลับไปรักษาที่ลิเวอร์พูล เขามองไม่เห็นแม้แต่แสงไฟฉายที่ส่องเข้าไปในตาเขา
“ผมรู้ในทันทีที่โดนเตะว่ามันต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่ มันเจ็บปวดสุดๆ ตาของผมข้างนั้นมองอะไรไม่เห็นเลย มันน่ากลัวมาก” ซิสโซโก้ ย้อนเหตุการณ์ครั้งนั้นผ่านบทสัมภาษณ์กับ ดิ แอธเลติก
“ด้วยความสัตย์จริง ผมโกรธหมอที่โรงพยาบาลมากกว่านักเตะของเบนฟิก้าเสียอีก ในตอนนั้นผมมีภาวะซึมเศร้า และมันเป็นช่วงหลายวันที่ยากลำบากมากๆ”
1
“คุณต้องยอมรับว่าในกีฬาฟุตบอล มันมีโอกาสเสมอที่คุณจะต้องเจออาการบาดเจ็บหนักๆ ระหว่างเกม แต่ผมบอกตัวเองอยู่หลายครั้งว่าทำไมมันต้องเป็นผม”
“ตอนที่หมอในโปรตุเกสบอกว่าตาของผมข้างนั้นอาจมองไม่เห็นอะไรอีก และผมอาจไม่ได้ลงสนามอีกแล้ว ผมคิดในใจว่าเขาพูดแบบนี้ได้ยังไง และผมบอกตัวเองว่าสิ่งที่เขาพูดมันเป็นไปไม่ได้ และผมต้องทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้เพื่อที่จะกลับมาอีกครั้ง”
อย่างไรก็ตาม ด้วยกำลังใจที่ได้รับอย่างล้นหลามทั้งจากแฟนบอลและเพื่อนร่วมทีม รวมไปถึงศรัทธาที่ตัวดาวเตะชาวมาลีมีต่อพระเจ้า (ซิสโซโก้ เป็นมุสลิมที่เคร่งศาสนา) บวกกับการให้ความร่วมมือกับหมออย่างเต็มที่ ทำให้เขาผ่านเรื่องร้ายนี้ไปได้อย่างรวดเร็ว
1
จากที่หมอฟันธงว่าเขาต้องพักยาว แต่เขาใช้เวลาแค่เดือนเดียวก็กลับมาลงเล่นได้อีกครั้ง ในเกม เอฟเอ คัพ ที่พาทีมบุกไปถล่ม เบอร์มิงแฮม ซิตี้ 7-0 และในท้ายที่สุดเขาก็ได้แชมป์ เอฟเอ คัพ ร่วมกับทีมหงส์แดง
อย่างไรก็ตาม ความโชคร้ายของ โมฮาเหม็ด ซิสโซโก้ ยังเกิดขึ้นอีกในฤดูกาลที่ 2 ของเขากับลิเวอร์พูล
ในซีซั่น 2005-06 เขามีปัญหาบาดเจ็บที่ดวงตา พอมาถึงฤดูกาล 2006-07 เขาเจอปัญหาหนักกว่า เมื่อได้รับบาดเจ็บที่ไหล่จากเกม ลีก คัพ นัดที่บุกชนะ เบอร์มิงแฮม ซิตี้ 1-0 เมื่อเสียหลักล้มผิดจังหวะ ตอนที่โดน เมห์ดี้ นาฟตี้ เสียบล้มลง
คราวนี้ ซิสโซโก้ ต้องเข้ารับการผ่าตัดและทำให้เขาต้องพักยาวถึง 3 เดือน ซึ่งในระหว่างนั้นเอง จุดเปลี่ยนในอาชีพค้าแข้งของเขาก็มาถึงอีกระลอก
ในช่วงตลาดหน้าหนาวของซีซั่น 2006-07 ราฟาเอล เบนิเตซ คว้าตัวกองกลางตัวรับคนใหม่เข้ามาเสริม และคนที่เข้ามาก็คือ ฮาเวียร์ มาสเคราโน่ จาก เวสต์แฮม ยูไนเต็ด
สตาร์ทีมชาติอาร์เจนตินาทำผลงานในสีเสื้อหงส์แดงได้อย่างยอดเยี่ยม จนทำให้ ลิเวอร์พูล ตัดสินใจทุ่มเงิน 18.6 ล้านปอนด์คว้าตัวไปร่วมทีมแบบถาวรในอีกหนึ่งปีถัดมา แต่ในเวลาเดียวกัน ความสำคัญของ ซิสโซโก้ กลับลดน้อยลงไปเรื่อยๆ
การที่ต้องการพิสูจน์ตัวเองอีกครั้งว่าสามารถเป็นตัวหลักในเกมระดับสูงได้ ทำให้ ซิสโซโก้ ตัดสินใจย้ายไปอยู่กับ ยูเวนตุส ในเดือนมกราคม 2008 ด้วยค่าตัว 8.2 ล้านปอนด์
ซึ่งในระหว่างนั้น เบนิเตซ ได้ตัวกองกลางตัวรับคนใหม่เข้ามาเสริมอีกคนแล้วคือ ลูคัส เลว่า ทำให้ เอล ราฟา ไม่จำเป็นต้องเสียดายอดีตลูกทีมคนโปรดคนนี้แต่อย่างใด
1
หลังย้ายออกจากถิ่นแอนฟิลด์ ชีวิตของ โมฮาเหม็ด ซิสโซโก้ พเนจรไปอีกหลายประเทศ เพราะหลังจากเล่นให้ยูเว่นาน 3 ปีครึ่ง เขาก็โยกกลับไปเล่นที่ฝรั่งเศสกับ เปแอสเช ซึ่งเป็นที่ที่ทำให้เขาได้แชมป์ ลีก เอิง ภายใต้การคุมทีมของ โลร็องต์ บล็องก์ ในฤดูกาล 2012-13
หลังจากนั้น ซิสโซโก้ ผ่านการย้ายทีมอีกเกือบ 10 ครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการไปเล่นให้ ฟิออเรนติน่า แบบยืมตัว ตามด้วยไปเล่นที่สเปนกับ เลบันเต้ รวมถึงเคยไปเล่นในลีกเอเชียอย่าง เซี่ยงไฮ้ เสิ่นหัว (จีน), ปูเน ซิตี้ (อินเดีย) และ คิตฉี (ฮ่องกง)
1
แม้กระทั่งการไปเล่นในแดนไกลอย่างลีกเม็กซิโก เจ้าตัวก็เคยมาแล้ว เมื่อไปค้าแข้งกับ แอตเลติโก ซาน หลุยส์ เป็นช่วงสั้นๆ ในฤดูกาล 2017-18
1
จากบทสัมภาษณ์กับ ดิ แอธเลติก ล่าสุด ซิสโซโก้ เผยว่าเขาเสียใจไม่น้อย ที่ไม่ยอมอยู่ต่อสู้เพื่อแย่งตำแหน่งตัวจริงในถิ่นแอนฟิลด์ต่อ เพราะตอนที่เขาเลือกย้ายไปทีมม้าลาย ตอนนั้นเจ้าตัวอายุเพียง 23 ปี
“ผมเสียใจที่ย้ายออกมา ผมเคยได้ย้ายไปลิเวอร์พูล ผมเล่นได้ดีมากและหลังจากที่ผมเจออาการบาดเจ็บ สภาพจิตใจผมไม่เหมือนเดิมอีกเลย และมันคือการตัดสินใจของผมที่ต้องย้ายออกไป”
1
“ผมคุยกับ ราฟา เขาเข้าใจผม และมันไม่มีปัญหาอะไรเลยระหว่างเรา”
ถึงแม้ โมฮาเหม็ด ซิสโซโก้ จะมีช่วงเวลาได้เล่นให้ ลิเวอร์พูล น้อยกว่าที่ควรจะเป็น แต่สิ่งที่มันยังไม่เปลี่ยนแปลงไปจนถึงตอนนี้ ก็คือไม่มีแฟนหงส์แดงคนไหนเกลียดเขาเลย
จริงอยู่ที่ในชีวิตคนเรา คุณอาจต้องโชคร้าย เจอกับความเจ็บปวดที่ไม่คาดคิด
จริงอยู่ที่ในเส้นทางของอาชีพ คุณอาจต้องเจอคนเก่งกว่า ที่ทำให้เจ้านายให้ความสำคัญกับตัวคุณน้อยลง
แต่ไม่ว่าคุณจะเจอกับช่วงเวลาแบบไหนก็ตาม สิ่งที่จะทำให้คุณได้รับการต้อนรับอย่างดีทุกครั้ง เมื่อกลับไปที่เก่า ก็คือความจริงใจ และการทุ่มเทเต็มที่เพื่อเขา
แม้ชื่อของ ซิสโซโก้ อาจหายไปจากความทรงจำของแฟนหงส์แดงไปบ้าง แต่ถ้าพูดถึงเขาขึ้นมา นี่คืออดีตแข้งยอดนักสู้คนหนึ่งของ ลิเวอร์พูล
#เสียบสามเหลี่ยม #MohamedSissoko #Liverpool #LFC #YNWA #RafaBenitez #PremierLeague
ชอบกดไลค์ ถูกใจกดแชร์ และเพื่อไม่พลาดบทความคุณภาพจากเรา อย่าลืมกดไลค์เพจ และติดตามเพจแบบ See First ไว้เลยนะครับ
..สนใจติดต่อลงโฆษณา, สนับสนุนเพจ ติดต่อจ้างงานเขียนบทความฟุตบอล งานแปลข่าว เขียนสคริปต์สำหรับ Content ฟุตบอล หรือแปลหนังสือฟุตบอล ทักอินบ็อกซ์ สอบถามได้ตลอดเวลาครับ
4 บันทึก
25
1
4
25
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย