18 พ.ค. 2020 เวลา 22:23 • ความคิดเห็น
สวัสดีคนที่หลงเข้ามา เรามีความคิดที่อยากจะเขียนบอกเล่าอะไรซักอย่างมานานมาก ๆ แล้ว แต่ก็ยังไม่มีความกล้าที่จะได้ทำมันซักที วันนี้เราก็เลยตั้งใจที่จะเขียนเรื่องนี้ขึ้นมา
อย่ากดดันตัวเองมากไปนะ สู้ๆเว้ย
ถ้าจะให้ดีล่ะก็ อย่าลืมฟังเพลงนี้ประกอบไปด้วยนะ จะได้รู้สึกอินกับข้อความของเรามากขึ้น ซักนิดนึงก็ยังดี :)
ต้องบอกก่อนว่ามันไม่ใช่วันที่ดีสำหรับเราเท่าใหร่นัก เพราะในตอนนี้ที่เรากำลังพิมพ์ข้อความนี้อยู่ เราอยู่ในช่วงเวลาที่ถือได้ว่าเปราะบางเป็นอย่างมาก
คือมันไม่ใช่วันที่สว่างสดใสที่สุดหรอกนะ แต่มันก็ไม่ได้มืดมนจนถึงขั้นที่เรียกว่ามองไม่เห็นหนทางไปต่อ แต่เราคิดว่าทุกคนน่าจะเคยเป็นมาก่อน เป็นช่วงเวลาที่รู้สึกสับสน รู้สึกหลงทาง ล่องลอยไปเรื่อยๆแบบไม่เห็นหนทาง
ความรู้สึกเคว้งคว้างแบบนี้ทำให้เรารู้สึกหลายๆอย่างในหัวขึ้นมา ซึมลงบ้าง มีเศร้าอยู่บ้าง บางทีก็เหม่อหลอยกับความคิด กับการพยายามจะทำทุกอย่างให้มันดีขึ้น เรารู้สึกท้อกับการพยายามจะดิ้นรนเพื่อให้ดีขึ้น
ความคิดแบบนี้มันฉุดรั้งตัวเราให้จมดิ้งไปในห้วงความคิดที่ลึกและมืด นั่นทำให้เวลาที่มีอยู่ ต้องหมดไปกับการพยายามดึงสติตัวเองให้ดีขึ้น เพื่อดิ้นรนหาหนทางที่จะกลับมายืนให้แข็งแรงทั้งสองขาเหมือนเดิมอีกครั้งนึง
ใจจริงแล้วนะ เราก็ไม่ได้เกลียดเรื่องไอ้อาการที่ว่ามาเท่าใหร่นักหรอก บางทีเราเองก็อยากจะได้เวลาที่ได้จมดิ่งอยู่กับความคิดตัวเองซะบ้าง
แต่บางทีดิ่งกับความคิดมากเกินไปจนเกือบแย่เลย...
พวกนายเคยได้ยินคำว่า Quarter-life crisis กันมั้ย ? มันเป็นอาการคล้ายกับ Mid-Life Crisis นั่นแหละ แต่เกิดขึ้นกับคนในรุ่นเราๆมากขึ้น หรือมันก็คือพวกโรคเครียดวัยกลางคนนั่นแหละ แต่เกิดขึ้นกับเด็กวัยรุ่นซักช่วงประมาณวัย หลังจบมหาลัย อะไรเทือกนั้นน่ะ
ถ้ายังไม่ชัดเราขออ้างอิงหน่อยนะ จากเว็บเดอะไซต์โมเมนตัม
เรามีอาการแบบนี้มาซักพักแล้วว่ะแก เรารู้สึกว่า ชีวิตการทำงานในแต่ละวันมันช่างยากเย็นเหลือเกิน เหน็ดเหนื่อยกับการสู้ทั้งภายนอกภายในตัวเอง
เจ้านายไม่เข้าใจการทำงานของเรา ลูกน้องที่เอาแต่ใจเห็นแต่ประโยชน์ของตัวเองเป็นใหญ่อย่างเดียว แฟนที่ไม่เข้าใจรูทีนการทำงานของเรา พ่อแม่ที่ คาดหวังกับในตัวเราเอาไว้อยู่ (แม้ว่าท่านจะไม่ได้พูดก็เถอะ)
เรากดดันตัวเองเอาไว้มากมาย.. ทั้งๆที่เราก็ยังไม่สามสิบเลยด้วยซ้ำ แต่ว่าในทุกวันนี้สังคมมันสั่งให้เราต้องพยายามอย่าล้มเหลว และต้องประสบความสำเร็จแบบเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ บางครั้งเราก็รู้สึกว่าเหมือนต้องทำให้ได้ทั้งที่ก็ไม่ได้มีใครบอกให้รีบเร่งกับมัน แต่เราก็พยายามจะทำให้ดีที่สุดอยู่ดี
จนวันนึงเรานั่งเฉยๆมองหน้าจอคอมพิวเตอร์แล้วตั้งคำถามว่า เราทำแบบนั้นไปเพื่ออะไรวะ ความเครียดที่สะสม ความปวดเมื่อยล้าทั้งตัวที่ลงมือทำงานเหล่านี้ ใครเห็นคุณค่ามันบ้างนอกจากตัวเรา
เราตั้งคำถามมากมายและก็เริ่มมีน้ำตาออกมาโดยไม่รู้ตัว....
ฝืนยิ้มก็จะไม่ไหวแล้ว
จะทำยังไงให้มันดีขึ้นกว่าเดิม ต้องทำแบบไหนถึงจะไปเร็วกว่านี้ ต้องจับอะไรถึงจะสามารถมีโอกาสประสบความสำเร็จ ต้องมีไอ้นั่น มีไอ้นี่มั้ย
สุดท้ายคิดจนหัวแตกแล้วก็ว่างเปล่า แล้วก็เคว้งอีกครั้งนึง ตอนนี้เวลาเกือบตีสี่กว่าๆ ที่เรานั่งเขียนข้อความเหล่านี้ เรารู้สึกเคว้งอีกครั้ง แต่ในครั้งนี้มันแตกต่างออกไปจากเดิม
มีเพลงๆนึงที่เราอยากจะแบ่งปันให้กับคนหนุ่มสาวที่ยังหลงทางอยู่ได้ลองฟังมันดู เพราะเพลงนี้ ทำให้เรามานั่งพิมพ์อะไรแบบนี้ขึ้นมา เราคิดว่าเราคิดได้แล้วว่าเราไม่อยากจะเคว้งอีกต่อไปแล้วล่ะ เราอยากเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม
"ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลยถ้าในวันนี้เราจะยังไม่สำเร็จ ไม่มีอะไรให้อวด ไม่สมหวังในอะไรหลายๆอย่างอีกมากมาย อย่างน้อยก็ยังมีชีวิตให้สู้ต่อไป"
โลกนี้ยังมีเรื่องดีๆอีกมากมายให้เราได้พบเจอกับมันน่ะนะ
เราไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าการนั่งฟังเพลงไปเรื่อยเปื่อยของเราจะทำให้น้ำตาเราไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว ส่วนตัวแล้วเราเคยได้ฟังเพลงของ Angela Aki มานานมากแล้ว แต่ไม่เคยได้ตั้งใจฟังเพลง Tegami เลยซักครั้ง
วันนี้ไม่รู้อะไรดลใจให้เราเปิดฟังมัน แล้วเราก็ค้นพบว่ามันเพราะดีนะ รู้สึกอบอุ่นใจขึ้นมาแปลกๆแต่ก็ไม่รู้ความหมายของมันจนกระทั่งหาเวอร์ชั่นที่มีซับไตเติลภาษาไทยมาอ่าน
โห...
นี่แม่งเราเลยว่ะ นี่มันคือชีวิตเราตอนนี้เลย อย่างที่บอกไป น้ำตามันไหลออกมาเอง เหมือนมีเพื่อนมานั่งตบไหล่ข้างๆแล้วบอกว่า "ไม่เป็นไรมึง ใจเย็นๆไม่ต้องไปรีบอะไรหรอก ยังไม่ตายก็ดิ้นรนหาทางกันต่อว่ะ"
เราตัดสินใจในหัวอย่างทันทีว่าเราอยากจะเขียนระบายความรู้สึกนี้ขึ้นมา นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำไมถึงเกิดบล็อกนี้ขึ้นมา เราก็แค่อยากจะมา "เล่า" เรื่องที่เราอยากเล่าให้ฟังนั่นแหละ
ขอบคุณเพลงนี้ที่มาทำลายความไม่มั่นใจของเราไป ความกลัวอะไรบางอย่างของเราได้รับการแก้ไข และเราก็ตั้งใจว่าจะทำบล็อกนี้ออกไปเรื่อยๆด้วย เพื่อที่จะเล่าเรื่องของเรานี่แหละ
สุดท้ายนี้ อยากจะฝากไปบอกถึงใครก็ตามที่กำลังต่อสู้กับความเคว้งคว้าง และกำลังหลงทางอยู่ข้างนอกในโลกอันแสนกว้างใหญ่นี้อยู่ว่า สู้ๆว่ะแก เรารู้ว่ามันยากมากๆ แต่พวกเราเข้มแข็งกว่านั้น พวกเราต้องผ่านมันไปเว้ย
ขอให้พรุ่งนี้เป็นวันที่ดีอีกวันนึง
ด้วยความหวังดีจากคนแปลกหน้าคนนึงในบล็อกออนไลน์แห่งนี้ :)
โฆษณา