19 พ.ค. 2020 เวลา 09:45 • การศึกษา
เมื่อวานพูดถึงเป้าหมายแรงจูงใจในการไปเรียนต่อที่เยอรมัน อย่าเพิ่งหมดไฟ ท้อถอยรู้ว่าหนักและเหนื่อย แต่ให้นึกถึงในอนาคตเมื่อออกไปทำงาน มาเยอรมนี มีแต่ข้อดีของการมาเรียนต่อ สู้ๆนะจ๊ะ ลำบากวันนี้ก็เพื่อสบายในวันข้างหน้า
มาดูมหาวิทยาลัยที่เขาจัดอันดับ ranking กัน 10 มหาวิทยาลัย ในประเทศเยอรมนี แล้วไปลองดูข้อมูลนะว่าน่ามาเรียนต่อขนาดไหน
อันดับ 10 มหาวิทยาลัยไฟรบวร์ค (Universität Freiburg)
ที่ตั้ง เมืองไฟรบวร์คอิมไบรส์เกา รัฐบาเดิน-เวอร์เทมแบร์ค
 
มหาวิทยาลัยไฟรบวร์ค มีชื่อเต็มๆ ว่า “มหาวิทยาลัยอัลเบิร์ตลุดวิกแห่งไฟรบวร์ค “
เป็นมหาวิทยาลัย ที่ได้ชื่อว่า มหาวิทยาลัยวิจัยแห่งรัฐ ก่อตั้งเมื่อปี 1457 นับว่าเป็นสถาบันที่เก่าแก่เป็นลำดับที่ 5 ของประเทศ
ที่นี่มีขื่อเสียงด้านการสอนคณะมนุษยศาสตร์, สังคมศาสตร์ และวิทยาศาสตร์มาอย่างยาวนาน โดยเริ่มแรก คณะที่อยู่คู่กันมาตั้งแต่ก่อตั้งมีอยู่ด้วยกัน 4 คณะคือ เทวศาสตร์, ปรัชญา, แพทยศาสตร์ และ กฎหมาย อีกทั้งในปี 2007 และปี 2009 ยังได้รับการขนานนามว่าเป็นสุดยอดด้านการวิจัยและด้านการสอนด้วยค่ะ
 
สำหรับค่าเล่าเรียนจะยกเว้นให้นักเรียนที่เป็นพลเมืองของประเทศและนักเรียนในเครือสหพันธ์ EU และ EEA ได้เรียนฟรี ส่วนนักเรียนต่างชาติจะต้องจ่ายค่าเล่าเรียนเป็นจำนวนเงิน 1,500 ยูโรต่อเทอม (ประมาณ 53,330 บาท) แต่อย่างไรก็ตามก็เปิดโอกาสให้เรียนฟรีเหมือนกันนะ แต่ต้องมีเงื่อนไขดังต่อไปนี้
 
1) เคยจบการศึกษาระดับมัธยมในเยอรมนี
2) มีที่พักอาศัยและเป็นผู้อยู่อาศัยถาวรในเยอรมนี
3) เรียนในหลักสูตร 2 ปริญญาต่อเนื่อง (ยกเว้นระดับปริญญาตรี)
4) เรียนต่อในระดับปริญญาเอก
5) นักเรียนในโครงการ Erasmus
6) นักเรียนแลกเปลี่ยนระยะสั้นระหว่างสถาบัน
 
ในส่วนของรายละเอียดค่าใช้จ่ายนั้นจะแตกต่างกันไปแต่ละระดับหรือสาขา นอกจากนี้ยังมีค่าธรรมเนียมอื่นๆ ที่อาจจะต้องจ่ายเพิ่มอีกด้วย เช่น ค่าบัตรโดยสาร ค่าสวัสดิการ ฯลฯ โดยจ่ายเป็นจำนวน 155 ยูโรต่อเทอม (ประมาณ 5,542 บาท)
 
เว็บไซต์มหาวิทยาลัย
อันดับ 9 มหาวิทยาลัยทือบิงเงิน (Universität Tübingen)
ที่ตั้ง เมืองทือบิงเงิน รัฐบาเดิน-เวือร์ทเทมแบร์ก
 
มหาวิทยาลัยทือบิงเงิน หรือชื่อทางการว่า ‘มหาวิทยาลัยเอเบอร์ฮาร์ด คาร์ล แห่งทือบิงเงิน”(Eberhard Karls Universität Tübingen)
เป็นสถาบันที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในประเทศเยอรมนี ที่นี่ถือว่าเป็นแหล่งการศึกษาที่มีวิสัยทัศน์กว้างขวาง และเน้นให้ความอิสระแก่ผู้เรียน ทั้งในด้านการศึกษา การวิจัย การแสดงออก
...และรวมไปถึงการตระหนักถึงความเท่าเทียมกันของมนุษย์ และการให้เกียรติซึ่งกันและกัน
...สำหรับใครที่สนใจเรียนต่อที่ทือบิงเงิน ตอนนี้ที่สถาบันได้ทำการเปิดการเรียนการสอนทั้งหมด 7 คณะ แต่การเรียนการสอนนั้นมีคุณภาพมาก
และสาขาที่มีชื่อเสียงที่สุดของที่นี่คือ แพทยศาสตร์, กฎหมาย และ เทววิทยาและศาสนา
 
ในส่วนของค่าเล่าเรียนสำหรับนักเรียนต่างชาติที่ไม่ได้อยู่ใน EU และ EEA นั้นอยู่ที่ 1,500 ยูโรต่อเทอม (ประมาณ 53,330 บาท) ส่วนค่าธรรมเนียมอื่นๆ เช่น ค่าสวัสดิการ ค่าโดยสาร ฯลฯ ตั้งแต่ปีการศึกษา 2019 จะเก็บเป็นจำนวน 158.30 ยูโรต่อเทอม (ประมาณ 5,660 บาท) รายละเอียดค่าใช้จ่ายสามารถดูได้จากที่นี่
 
เว็บไซต์มหาวิทยาลัย
อันดับ 8 มหาวิทยาลัยเทคนิคแห่งเบอร์ลิน (Technische Universität Berlin)
ที่ตั้ง ใจกลางกรุงเบอร์ลิน
 
มหาวิทยาลัยเทคนิคแห่งเบอร์ลิน หรือเรียกย่อๆ ว่า TU-Berlin ที่นี่ถือว่าเป็นมหาวิทยาลัยแห่งการวิจัยที่มีชื่อเสียงของประเทศ และยังเป็น 1 ในสมาชิกของ TU9 (กลุ่มพันธมิตรมหาวิทยาลัยชั้นนำด้านวิศวกรรมในเยอรมันนี)
โดยทาง TU Berlin มีแนวคิดที่จะสร้างลูกหลานให้เชี่ยวชาญทางด้านเทคนิคและการจัดการเพื่อการบริหารบริษัทซึ่งตอบสนองความต้องการของนักอุตสาหกรรมทั้งในและต่างประเทศ
ดังนั้นที่นี่จึงโดนเด่นในเรื่องของวิศวกรรมมากๆ เลโดยเฉพาะในสาขาวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์, วิศวกรรมเครื่องกล และ เศรษฐศาสตร์และการจัดการ และที่ดีงามคือ
ที่นี่เปิดรับนักศึกษาต่างชาติเข้ามาเรียนมากถึงร้อยละ 24 ของจำนวนนักศึกษาทั้งหมด ถือว่าเยอะมากกก
 
สำหรับหลักสูตรการเรียนการสอนที่ TU-Berlin นั้นมีให้น้องๆ เลือกเรียนมากมาย
ทั้งหลักสูตรที่สอนเป็นภาษาเยอรมันและหลักสูตรภาษาอังกฤษ รวมถึงมีคอร์สช่วงภาคเรียนฤดูร้อนกับภาคฤดูหนาวให้น้องๆ ได้ไปหาประสบการณ์เพิ่มเติม และเนื่องจากเป็นมหาวิทยาลัยรัฐ ค่าเรียนของที่นี่จึงไม่ได้สูงมาก และไม่ต่างจากที่อื่นมากนัก
 
เว็บไซต์มหาวิทยาลัย
อันดับ 7 มหาวิทยาลัยแอร์เวเทฮาอาเคิน (Rheinisch-Westfälische Technische Hochschule Aachen
ที่ตั้ง เมืองอาเคิน รัฐนอร์ทไรน์-เวสท์ฟาเลิน
 
มหาวิทยาลัยแอร์เวเทฮาอาเคิน (RWTH Aachen University) ที่นี่เองก็เป็นมหาวิทยาลัยแห่งการวิจัย และขึ้นชื่อที่สุดในเรื่องของเทคโนโลยี จึงได้รับการยกย่องให้เป็นผู้นำทางด้านเทคโนโลยีของยุโรปเลย
และนอกจากจะเป็น 1 ในสมาชิกของ TU9 แล้วยังเป็น 1 ในผู้ก่อตั้ง IDEA ลีคแห่งยุโรปด้วย (กลุ่มมหาวิทยาลัยชั้นนำด้านเทคโนโลยี) โดยเป้าหมายของมหาวิทยาลัยคือ การเป็นหนึ่งทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในทวีปยุโรป ดังนั้นจึงไม่แปลกใจเลยที่จะโดดเด่นทางด้านนี้มากๆ ส่วนคณะที่ได้รับความนิยมได้แก่ คณะวิศวกรรมและเทคโนโลยี, คณะวิทยาศาสตร์กายภาพ และคณะวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์
 
มหาวิทยาลัยเปิดโอกาสให้ทุกคนเรียนฟรี ไม่ว่าจะเป็นนักศึกษาท้องถิ่นและนักศึกษาต่างชาติ แต่จะมีค่าธรรมเนียมส่วนอื่นๆ ในมหาวิทยาลัยที่ต้องจ่ายแทนคือค่าเงินสมทบประกันสังคมและค่าบัตรโดยสาร เป็นจำนวน 42 ยูโรรายละเอียดค่าใช้จ่ายสามารถดูได้ที่นี่
 
เว็บไซต์มหาวิทยาลัย
อันดับ 6 มหาวิทยาลัยเสรีแห่งเบอร์ลิน (Freie Universität Berlin)
ที่ตั้ง กรุงเบอร์ลินฝั่งตะวันตก
 
มหาวิทยาลัยเสรีแห่งเบอร์ลิน หรือเรียกย่อๆ ว่า FU Berlin มีประวัติที่น่าสนใจมากค่ะ เพราะว่าก่อตั้งเมื่อปี 1948 โดยกลุ่มนักศึกษาและนักวิชาการที่โดยไล่ออกจากมหาวิทยาลัยเบอร์ลิน เนื่องจากมีความคิดเห็นทางการเมืองที่ไม่ตรงกันในยุคที่อยู่ภายใต้อำนาจของกลุ่มโซเวียต
 
มหาวิทยาลัย FU Berlin มีคติที่ยึดถือมาตั้งแต่ตอนก่อตั้งว่า Veritas, Justitia, Libertas หรือ ค้นหาความจริง การศึกษาที่เท่าเทียม และอิสระในการวิจัยและการเรียนการสอน จะเห็นได้ว่าที่นี่มีสาขาที่โดดเด่นในเรื่องงานวิจัยมากมาย เช่น มนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์, วิทยาศาสตร์ธรรมชาติและโลก, วิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์และคณิตศาสตร์ เป็นต้น
 
เข่นเดียวกัน ทาง FU Berlin นักศึกษาได้เรียนฟรี ไม่เสียค่าเล่าเรียน แต่จะมีการเก็บค่าธรรมเนียมอื่นๆ เล็กน้อยเช่น ค่าลงลงทะเบียน ค่าสวัสดิการต่างๆ ในมหา’ลัย ค่าขนส่งสาธารณะ ฯลฯ เป็นจำนวน 311.99 ยูโรต่อเทอมซึ่งถือว่าไม่ได้สูงเลยเมื่อเทียบกับคุณภาพทางการศึกษาที่จะได้รับ ส่วนใครสนใจไปเรียนต่อที่นี่ สามารถดูรายละเอียดค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมได้ที่นี่เลยค่ะ
 
เว็บไซต์มหาวิทยาลัย
อันดับที่ 5 มหาวิทยาลัยฮุมบ็อลท์แห่งเบอร์ลิน (Humboldt-Universität zu Berlin)
ที่ตั้ง เขตมิตเต้ อยู่ทางฝั่งตะวันออกของกรุงเบอร์ลิน
 
มหาวิทยาลัยฮุมบ็อลท์แห่งเบอร์ลิน หรือเรียกสั้นๆ ว่า HU Berlin ก่อตั้งขึ้นในปี 1810 โดยเฟรดเดอริค วิลเลี่ยมที่ 3 ที่นี่นับว่าเป็นมหาวิทยาลัยที่ เก่าแก่ที่สุดในกรุงเบอร์ลิน
และด้วยความที่เป็นผู้นำในการคิดค้นระบบการเรียนเชิงวิจัยและวิชาการ HU Berlin จึงกลายเป็นต้นแบบของระบบการศึกษาในมหาวิทยาลัยต่างๆ ทั่วโลกที่ต่างก็เอาเป็นแบบอย่าง
และยังชนะรางวัลโนเบลมากถึง 55 รางวัล ที่สำคัญคือที่นี่มีศิษย์เก่าที่คนทั้งโลกรู้จักอย่าง ‘อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์’ นักวิชาการผู้เป็นผลผลิตจากสถาบันแห่งนี้ค่ะ จึงไม่แปลกใจเลยที่สาขาวิชาที่คนอยากมาเรียนต่อมากที่สุดจะเป็นด้านฟิสิกส์, วิทยาศาสตร์ธรรมชาติ และ ศิลปศาสตร์และมนุษยศาสตร์
 
ที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้เองก็ไม่เก็บค่าเล่าเรียนสำหรับใครก็ตามที่สนใจจะมาเรียนต่อค่ะ แต่ยังคงเสียค่าธรรมเนียมรายเทอมอยู่เหมือนกัน (ค่าบัตรรถสาธารณะ, ค่าหอ, ค่าอาหาร ฯลฯ) โดยรวมแล้วอยู่ที่ประมาณ 300 ยูโรต่อเทอมสำหรับนักศึกษาทั่วไป และ 250 ยูโรต่อเทอมสำหรับนักศึกษาแลกเปลี่ยน รายละเอียดค่าใช้จ่ายสามารถดูได้จากที่นี่ค่ะ
 
เว็บไซต์มหาวิทยาลัย
อันดับที่ 4 สถาบันเทคโนโลยีคาลส์รูเออ (Karlsruher Institut für Technologie)
ที่ตั้ง เมืองคาลส์รูเออ รัฐบาเดิน-เวอร์ทเทมแบร์ก
 
สถาบันเทคโนโลยีคาลส์รูเออ หรือ KIT เป็นมหาวิทยาลัยวิจัยแห่งรัฐที่ใหญ่ที่สุดในเยอรมนี สถาบันนี้เกิดจากการรวมตัวของ มหาวิทยาลัยคาลส์รูเออ กับศูนย์วิจัยคาลส์รูเออ
โดยปัจจุบันทำการเปิดสอนทั้งหมด 11 คณะ ที่ขึ้นชื่อหน่อยก็คงจะเป็นด้านวิทยาศาสตร์ธรรมชาติ วิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ แต่ที่โดดเด่นสุดๆ ก็ต้องยกให้ด้านวิศวกรรมเลยค่ะ เพราะสถาบัน KIT นั้นได้รับการขนานนามว่าเป็น 1 ในมหาวิทยาลัยชั้นนำด้านวิศวกรรมทั้ง 9 แห่งของประเทศเยอรมนี (TU9)
 
น้องๆ คนไหนที่สนใจจะมาเรียนไม่ว่าจะหลักสูตรปริญญาตรี หลักสูตรต่อเนื่องปริญญาโท หรือหลักสูตรครูจะต้องจ่ายค่าเล่าเรียนจำนวน 1,500 ยูโรต่อเทอม แต่ก็มีโอกาสได้รับการยกเว้นค่าเล่าเรียนอยู่เหมือนกันนะ โดยเงื่อนไขคือ
 
1) เป็นนักเรียนของ EU/EEA
2) จบการศึกษาระดับมัธยมในประเทศเยอรมนี
3) เป็นผู้ทุพพลภาพตามที่เงื่อนไขทางมหาวิทยาลัยระบุในระเบียบการ
4) เป็นผู้อพยพ
5) นักเรียนในโครงการ Erasmus
6) นักเรียนระดับปริญญาเอก
 
หากใครสนใจและอยากดูรายละเอียดค่าเล่าเรียนเพิ่มเติม คลิกที่นี่เลยค่ะ
 
เว็บไซต์มหาวิทยาลัย
อันดับที่ 3 มหาวิทยาลัยไฮเดลเบอร์ก (Ruprecht-Karls-Universität Heidelberg)
ที่ตั้ง เมืองไฮเดลเบิร์ก รัฐบาเดิน-เวือร์ทเทมแบร์ก
 
มหาวิทยาลัยไฮเดลเบิร์ก นับว่าเป็น 1 ในมหาวิทยาลัยวิจัยแห่งรัฐที่เก่าแก่ที่สุดเลยก็ว่าได้ เพราะว่าก่อตั้งมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1386 ในช่วงสมัยสมเด็จพระสันตะปาปาเออร์บันที่ 6
สถาบันแห่งนี้เปิดสอนอยู่ด้วยกันทั้งหมด 12 คณะ และโดดเด่นในสาขาของมนุษยศาสตร์, วิทยาศาสตร์ธรรมชาติ, แพทยศาสตร์ และ สังคมศาสตร์ โดยส่วนใหญ่จะทำการเรียนการสอนเป็นภาษาเยอรมันในระดับปริญญาตรี แต่ถ้าเป็นระดับปริญญาโทขึ้นไปจะสอนเป็นภาษาอังกฤษค่ะ
 
สำหรับค่าเทอมตั้งแต่ปีการศึกษา 2017 เป็นต้นไป นักศึกษาต่างชาติต้องจ่ายค่าเล่าเรียน 1,500 ยูโรต่อเทอม แต่ก็มีการยกเว้นค่าเล่าเรียนสำหรับบางกรณีเช่นกัน
 
1) ได้สถานะเป็นผู้อยู่อาศัยถาวรในเยอรมนี
2) ในช่วง 6 ปีก่อนที่เราจะเข้าเรียน ต้องมีพ่อหรือแม่อาศัยอยู่ในเยอรมนีไม่น้อยกว่า 3 ปี
 
ส่วนรายละเอียดค่าเล่าเรียนสามารถดูได้จากที่นี่ค่ะ สำหรับค่าธรรมเนียมอื่นๆ เช่น ค่าบัตรโดยสาร ค่าสวัสดิการ ฯลฯ ต้องจ่ายเป็นจำนวน 154.70 ยูโรต่อเทอม
 
เว็บไซต์มหาวิทยาลัย
อันดับที่ 2 มหาวิทยาลัยลูทวิช-มัคซีมีลีอานแห่งมิวนิก (Ludwig-Maximilians - Universität München)
ที่ตั้ง เมืองมิวนิค รัฐบาวาเรีย
 
มหาวิทยาลัยลูทวิช-มัคซีมีลีอานแห่งมิวนิก หรือที่หลายคนเรียกสั้นๆ ว่า “มหาวิทยาลัยมิวนิก’”(ตัวย่อ LMU) ที่นี่ก็เป็นมหาวิทยาลัยวิจัยแห่งรัฐและเป็นสถาบันที่เก่าแก่เป็นอันดับ 6 ของประเทศเยอรมนี ก่อตั้งในปี 1472 โดยดยุกลูทวิชที่ 9 และพระเจ้ามัคซีมีลีอานที่ 1
 
LMU ถือว่าเป็นมหาวิทยาลัยขนาดใหญ่ของประเทศเลยค่ะ เพราะถ้าวัดจากจำนวนนักศึกษาทั้งหมด ถือว่าใหญ่เป็นอันดับ 2 อีกทั้งยังได้รับการยกย่องว่าเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำของยุโรปด้วยรางวัลโนเบลมากถึง 42 รางวัลอีกด้วย
ปัจจุบันทำการเปิดสอนทั้งหมด 18 คณะและมีหลักสูตรภาษาอังกฤษไว้รับรองนักศึกษาต่างชาติในระดับบัณฑิตศึกษา รวมถึงในสาขาที่นิยมอย่าง จิตวิทยา, ฟิสิกส์, ธุรกิจ และการจัดการด้วยค่ะ
 
ที่LMU ก็เป็นอีกแห่งที่ไม่เก็บค่าเล่าเรียนค่ะ แต่จะเก็บค่าธรรมเนียมในส่วนอื่นๆ เช่น สวัสดิการ ค่าบัตรโดยสาร ฯลฯ ในจำนวน 129.40 ยูโรต่อเทอม ซึ่งไม่สูงมากเลย ส่วนรายละเอียดค่าใช้จ่ายอื่นๆสามารถดูได้ที่นี่เลยค่ะ
 
เว็บไซต์มหาวิทยาลัย
อันดับ 1 มหาวิทยาลัยเทคนิคมิวนิก (Technische Universität München)
ที่ตั้ง เมืองมิวนิค รัฐบาวาเรีย
 
มาถึงอันดับ 1 กันแล้วกับมหาวิทยาลัยเทคนิคมิวนิก หรือ TUM ที่ก่อตั้งขึ้นในปี 1868
โดยกษัตริย์ลูทวิชที่ 2 ด้วยความที่มีคุณภาพทางการศึกษาที่สูงมาก จึงไม่แปลกใจที่ TUM จะได้รับการขนานามว่าเป็นมหาวิทยาลัยแห่งการวิจัยที่ใหญ่ที่สุดในเยอรมนี
และยังจัดอยู่ในกลุ่มของ TU9 อีกด้วย รูปแบบการเรียนการสอนของที่นี่มีความโดดเด่นมาก เพราะว่ามีการเรียนการสอนแบบสหวิทยาการ หรือ การใช้ความรู้จากองค์ความรู้หลายสาขาวิชา หลายศาสตร์เข้ามาประยุกต์ ส่วนสาขาวิชาที่มีชื่อเสียงของที่นี่จะเป็นด้านวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์, วิศวกรรมเครื่องกล, เศรษฐศาสตร์ และ การบริหารธุรกิจ
 
แม้จะเป็นมหาวิทยาลัยที่มีคนอยากเข้าเรียนมากที่สุด และเป็นอันดับ 1 ของประเทศ แต่ TUM ก็ไม่ได้เก็บค่าเล่าเรียนจากนักศึกษานะคะ ทุกคนได้เรียนฟรีหมด แต่ก็จะมีค่าใช้จ่ายเล็กๆ น้อยๆ เฉพาะค่าธรรมเนียมเบื้องต้น เช่น สวัสดิการ บัตรโดยสาร ฯลฯ จำนวน 129.40 ยูโรต่อเทอม เท่านั้นค่ะ ส่วนรายละเอียดค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม สามารถเข้าไปดูได้ที่เว็บไซต์นี้เลย
 
เว็บไซต์มหาวิทยาลัย
จบแล้วกับ 10 อันดับที่อยู่ใน World Ranking Top University แต่อย่าลืมว่าจบมอ6จาดไมยไป ต้องผ่านด่าน สอบเข้าเรียน STK ก่อนนะคะเด็กๆ
โฆษณา