Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
สารคดี ท่องเที่ยว แรงบันดาลใจ
•
ติดตาม
19 พ.ค. 2020 เวลา 16:05 • ท่องเที่ยว
ย้อนรอยห้องเรียนเรือนแพ...กับครูสามารถ
ครูผู้เป็นแรงบันดาลใจหนัง "คิดถึงวิทยา" (1)
by ภู เชียงดาว
เหตุการณ์ผ่านไปสิบกว่าปีแล้ว...แต่ภาพเหล่านั้นยังตรีงใจไม่ลืมเลือน...
ภาพของครูหนุ่มกับลูกศิษย์คนหนึ่งกำลังช่วยกันดึงเรือหางยาวออกจากฝั่ง ครูคนนั้นค่อยๆ จับด้ามพายดันกับกราบเรือลำใหญ่อีกลำหนึ่งที่จอดนิ่งสงบอยู่ตรงนั้น ให้หันหัวเรือหางยาว บ่ายหน้าออกสู่เวิ้งน้ำ ไปสู่ลำน้ำปิงกว้างและไกลออกไปอย่างช้าๆ
เสียงเครื่องยนต์กระหึ่ม และเรือค่อยๆ เคลื่อนไปในความเร็วที่สม่ำเสมอ ด้วยฝีมือการขับเรือของลูกศิษย์คนเก่งของเขา
ครูสามารถ สุทะ ครูผู้เป็นแรงบันดาลใจ หนัง "คิดถึงวิทยา"
บรรยากาศรายรอบงดงาม อากาศสด สะอาด เราทักทายและรู้จักกันและกัน
ครูหนุ่มคนนั้นชื่อ “สามารถ สุทะ” เด็กนักเรียนคนนั้น ชื่อ “ซำเหมา” หรือ ด.ช.วัฒนพงษ์ สุ่มผง นักเรียนชั้นประถมปีที่ 6 ของลูกชาวประมง
ครูสามารถบอกว่า แต่ก่อนนั้น ต้องเหมาเรือชาวบ้านเข้าไป ลำละ 1,000 บาท แต่ตอนนี้ทางโรงเรียนมีเรือส่วนตัว มีคนเขาบริจาคมาให้ ก็ลดค่าใช้จ่ายค่าเช่าเรือไป แต่ก็ต้องมีทุนสำรองสำหรับค่าน้ำมันเรือ
“จากท่าเรือไปถึงห้องเรียนเรือนแพ ใช้น้ำมันประมาณเท่าไรตอนนี้” ผมถาม
“ไป-กลับ ก็ตกประมาณ ห้าร้อยบาทต่อการเดินทางในแต่ละครั้ง”
ระหว่างชีวิตเราล่องไปตามลำเรือลำน้ำแม่ปิงไปอย่างไม่รีบเร่ง ครูหนุ่มนั่งอยู่บนหัวเรือชี้อให้เราดูทิวทัศน์ของสองฟากฝั่ง
“นั่น เขาเรียกกันว่าผาพระนอน และนั่น ผาผึ้ง แต่ก่อนทางเจ้าหน้าที่อุทยานฯ เคยจัดกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวมาปีนหน้าผากันตรงนั้น แต่เดี๋ยวนี้เลิกจัดไปแล้ว”
บางถ้อยคำ คำบอกเล่าของครูทำให้ผมรู้สึกสะดุด สะอึก และอึ้งไปชั่วขณะ
“รู้มั้ย...ใต้น้ำที่เราล่องเรือกันอยู่นี้ มีซากวัด หมู่บ้านเก่าแก่อยู่ใต้บาดาลนี้ด้วยนะ...”
ว่ากันว่า แต่เดิมนั้น ชีวิตผู้คนที่นี่ได้ตั้งถิ่นฐานหมู่บ้านกันตามริมลำห้วย ลำน้ำก้อสายเล็กๆ แห่งนี้ทั้งสองฟากฝั่ง ครั้นพอรัฐมีการสร้างเขื่อนภูมิพลขึ้นที่บริเวณเขตพื้นที่ อ.สามเงา จ.ตาก จึงทำให้ระดับน้ำเหนือเขื่อนเอ่อท่วมขึ้นมาตามขุนเขา ลำห้วยสายเล็กสายน้อยทางตอนเหนือ
เป็นที่รับรู้กันอยู่ทั่วไปว่า ผลของการสร้างเขื่อนภูมิพล ได้ทำให้น้ำท่วมในพื้นที่เหนือเขื่อนตั้งแต่เขต อ.สามเงา จ.ตาก มาถึง เขต อ.ลี้ จ.ลำพูน ยาวไกลไปถึงเขต อ.ดอยเต่า จ.เชียงใหม่
ซึ่งหมู่บ้านก้อแห่งนี้ ก็ถูกผลกระทบด้วยเช่นเดียวกัน
“ชาวบ้านเล่าให้ฟังว่า ตอนที่มีการสร้างเขื่อนที่สามเงา ทางการเขาคงไม่ได้มีการสำรวจว่า ทางเหนือเขื่อน ในแต่ละหุบเขา ลำห้วยแต่ละสายนั้นมีชุมชนชาวบ้านเขาแถบนั้นหรือเปล่า ชาวบ้านที่นี่เขาไม่รู้ตัวกันเลย พอสร้างเขื่อนเสร็จ น้ำก็เอ่อหนุนขึ้นสูงเรื่อยๆ ชาวบ้านคงนึกว่าเป็นเรื่องธรรมชาติ ต่างพากันย้ายอพยพจากริมน้ำ ขึ้นไปอยู่ข้างบนกันหมด” ครูสามารถ ตะโกนบอกเล่าให้ฟัง ท่ามกลางเสียงคำรามของเครื่องยนต์ของเรือหางยาวที่กำลังแล่นผ่านซอกเขาและโตรกผา
ปัจจุบัน ซากของหมู่บ้านยังคงอยู่ใต้น้ำ และในหน้าแล้ง น้ำลด เราจะมองเห็นยอดของเจดีย์ วิหารวัดโผล่ยอดมาให้ชาวบ้านได้เห็นได้รับรู้ถึงวิถีของความเปลี่ยนแปลง
ผมนิ่ง, จ้องมองลงไปเบื้องหน้า พร้อมครุ่นคิดและตั้งคำถามกับตัวเองไปต่างๆ นานา ไม่รู้ว่าชาวบ้านคนเก่าคนแก่ของหมู่บ้านที่นี่ เขาจะรู้สึกกันอย่างไรกันบ้างนะ เมื่อหมู่บ้านของบรรพบุรุษต้องจมอยู่ใต้บาดาล ซากอารยธรรมจมอยู่ใต้น้ำลึกและลึกลับ
เรือหางยาวแทรกไปบนแนวคลื่นแตกเป็นริ้วเป็นเส้นสายเป็นระลอก และเสียงเครื่องยนต์แผดคำรามกึกก้องสะท้อนไปทั่วแผ่นน้ำและซอกเขา
ซำเหมา
“ซำเหมา” ลูกศิษย์ของครูหนุ่มยังคงบังคับการเดินทางของเรือหางยาวมุ่งไปข้างหน้าอย่างผู้ชำนาญและจัดเจนในวิถีลูกหลานชาวประมง
ซำเหมา บอกกับผมว่า ขับเรือง่ายกว่าขับมอเตอร์ไซค์เสียอีก
คงใช่...สำหรับ ซำเหมา เพราะผมยังเห็นรอยถลอกปอกเปิกตามแข้งขาของเขา นั่นคืออุบัติเหตุหลังจากซำเหมา ขึ้นมาเรียนคอมพิวเตอร์ข้างบนโรงเรียนบ้านก้อจัดสรร แล้วในช่วงเย็น ซำเหมาได้ยืมมอเตอร์ไซค์ของญาติๆ หัดขับ ผลก็คือล้มลงไม่เป็นท่า
ใช่...เรากำลังมุ่งหน้าไปเยือน ห้องเรียนเรือนแพแก่งก้อ...
และไปสัมผัสวิถีของชุมชนเรือนแพบริเวณแก่งก้อ
แก่งก้อ อยู่ในเขตบ้านก้อจัดสรร หมู่ 4 ตำบลก้อ ห่างจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติแม่ปิงไปประมาณ 23 กิโลเมตร เป็นที่ตั้งของหน่วยพิทักษ์ป่า (หน่วยที่ 2) แก่งก้อเป็นเวิ้งน้ำขนาดใหญ่เกิดจากลำห้วยแม่ก้อไหลมาบรรจบแม่น้ำปิง นักท่องเที่ยวสามารถมาพักเรือนแพ นั่งเรือชมทิวทัศน์สองฝั่งแม่น้ำปิงซึ่งมีเขาหินปูนถูกกัดเซาะ เกิดหินงอกหินย้อยอย่างงดงาม ตามเส้นทางยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีก เช่น น้ำตกอุ้มปาด ห้องเรียนเรือนแพ ถ้ำช้างร้อง วัดพระธาตุแก่งสร้อย
รวมไปถึงเมืองสร้อย ซึ่งมีตำนานเล่าว่าเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรเมืองสร้อยอายุกว่า 800 ปี มีเจ้าเมืองปกครองสืบต่อกันมาหลายยุคสมัยและมีพญาอุดมเป็นผู้ปกครองเมืองคนสุดท้าย จากนั้นเมืองสร้อยก็จมอยู่ในท้องน้ำ ยังคงมีซากกำแพงเก่าให้เห็นอยู่ ส่วนเจดีย์ชำรุดตามกาลสมัย เส้นทางนี้นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางต่อเพื่อชมบริเวณหน้าเขื่อนภูมิพลได้อีกด้วย
เขตอุทยานแห่งชาติแม่ปิง เดิมนั้นเป็นพื้นที่ ป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่หาด-แม่ก้อ ได้ประกาศจัดตั้งเป็นอุทยานแห่งชาติ เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2524 มีพื้นที่ 1,003 ตารางกิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่อำเภอดอยเต่า จังหวัดเชียงใหม่ อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน และอำเภอสามเงา จังหวัดตาก ที่ทำการอุทยานแห่งชาติแม่ปิงตั้งอยู่ในท้องที่ตำบลแม่ลาน อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน
“รู้มั้ย ห้องเรียนเรือนแพที่ผมสอนอยู่ สังกัดโรงเรียนบ้านก้อจัดสรร เขต อ.ลี้ จ.ลำพูน ก็จริง แต่ที่ตั้งของเรือนแพในบริเวณลำน้ำปิงนั้นอยู่ในเขต อ.สามเงา จ.ตาก” ครูสามารถบอกเล่าพร้อมเสียงหัวเราะ
ผมแหงนมองหุบเขาสลับซับซ้อน กลางเวิ้งน้ำ กับการนั่งเรือหางยาวจากท่าเรือเกือบชั่วโมง ครูบอกว่า ได้คำนวณระยะทางการเดินทางด้วยเรือทางน้ำแล้ว ทั้งขาไปขากลับต้องใช้น้ำมันมากกว่า 10 ลิตร จึงจะถึงจุดหมายที่เรียกว่า 'ห้องเรียนเรือนแพ'
ในที่สุด เราก็มาถึงห้องเรียนเรือนแพ เป็นเรือนแพทำด้วยไม้อย่างเรียบง่าย หลังคามุงด้วยสังกะสี มีระเบียงยื่นออกไปในลำน้ำ ด้านหลังติดเกยกับชายฝั่ง มีเรือนแพสองหลังอยู่ติดกัน ด้านหน้าใช้เป็นห้องเรียน ส่วนด้านหลังใช้เป็นที่พัก ห้องเก็บของ ห้องครัว
นอกจากนั้น ยังมีชั้นดาดฟ้าของเรือนแพ มีเสาธงชูสูงขึ้นไปในอากาศ พร้อมธงชาติผืนใหญ่โบกสะบัดกับลมแม่น้ำไปมา ชั้นบนดาดฟ้านี่แหละที่ครูได้ใช้เป็นลานให้เด็กนักเรียนได้ขึ้นไปยืนเข้าแถวทำความเคารพธงชาติในทุกๆ เช้าและเย็น
ครูสามารถ สุทะ เป็นครูเพียงคนเดียว ที่อาสามาสอนที่ห้องเรียนเรือนแพแห่งนี้
เขาเป็นคน อ.แม่จัน จ.เชียงราย จบการศึกษาจาก วิทยาลัยพลศึกษา เชียงใหม่ เป็นนักกีฬามวยปล้ำ เคยเป็นตัวแทนทีมชาติ ไปแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ที่ประเทศเวียดนาม และก่อนที่เขาจะมาเป็นครูสอนอยู่ในห้องเรียนเรือนแพแก่งก้อ ซึ่งเป็นห้องเรียนสาขา ของโรงเรียนบ้านก้อจัดสรร เขาเคยเป็นครูมัธยมสอนอยู่ที่ ร.ร.เมธีวุฒิกร วัดพระธาตุหริภุญชัย จ.ลำพูน
ก่อนจะมาสมัครเป็นครูที่นี่ เขาเคยจ้างเหมาเรือ พันบาทเข้ามาดูสภาพของห้องเรียนเรือนแพ ก่อนจะตัดสินใจเข้ามาอยู่
“ชีวิตมันต้องกล้าจะเปลี่ยนแปลง” เขาบอกกับตัวเอง
เขาเล่าให้ฟังว่า คืนนั้น,เขาขึ้นไปนั่งอยู่บนดาดฟ้าของเรือนแพ แหงนมองดวงจันทร์สาดสะท้อนผิวน้ำวิบวับ ลมสะบัดชายธงชาติดับปับๆ ยิ่งฟังเหมือนกับมีบางอย่างฟาดลงในหัวใจแปลบๆ
“ผมมาทำอะไรที่นี่...” เขาหันหน้าคุยกับเสาธง ที่ตั้งอยู่ตรงหน้า รู้สึกเหงา และทำอะไรไม่ถูกเลย
ครั้นจ้องมองเรือหางยาวที่ ผอ.โรงเรียนนำมาส่งและทิ้งไว้ให้ใช้ แต่ก็ได้แต่นั่งมอง เพราะขับเรือยังไม่เป็น
พอรุ่งเช้าอีกวัน, เขาได้ ซำเหมา ลูกศิษย์คนเก่งของเขา เป็นครูสอนขับเรือหางยาว จนคล่อง สามารถขับเรือไปเยี่ยมเยือนครอบครัวชาวประมง นั่นทำให้เขาหายเหงา และได้มีการโอกาสผ่อนคลาย อีกทั้งได้เห็นวิถีชีวิตของชาวประมงที่นี่ แล้วก็พลอยทำให้เข้าใจชีวิตดีขึ้น
ว่าแท้จริงแล้ว คนเราไม่ได้ต้องการอะไรกันมากมาย มีชีวิตอยู่กับความพอเพียง เรียบง่าย อยู่กับธรรมชาติที่ได้ประทานคุณค่าหลายสิ่งหลายอย่างไว้ให้เรา ก็เพียงพอแล้ว...
นับจากวันที่เขาเข้ามาอยู่ห้องเรียนเรือนแพแห่งนี้ ครูสามารถมาอยู่ได้เกือบสองปีแล้ว ซึ่งถือว่าไม่ธรรมดา สำหรับการเลือกมีชีวิตอยู่ในพื้นที่ห่างไกลจากผู้คนเช่นนี้
ในค่ำคืนนั้น ผมไต่บันไดที่ใกล้ผุพัง ขึ้นไปยืนอยู่บนดาดฟ้าของห้องเรียนเรือนแพ...นั่งอยู่ในความมืด ลมแม่น้ำโชยพัดเข้ามากระทบกาย แหงนมองดวงดาวระยิบ วิบแวมอยู่เวิ้งฟ้าลิบๆ ไกล
ในห้วงยามนั้น ผมรู้สึกเหมือนกับว่ากำลังอยู่ในอีกโลก ๆ หนึ่ง
โลกของความสุข สงบ ไม่มีความ ขัดแย้ง แก่งแย่งช่วงชิงอำนาจใด ๆ ในหล้า...
>>โปรดติดตามอ่านตอน 2
************************************
ชื่นชอบ สนใจ คลิกติดตาม อ่านงานเขียนสารคดีเรื่องอื่นๆ กันได้ที่
https://www.blockdit.com/pages/5eb62a4dd216c4128f91ebd9
บันทึก
3
8
3
8
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย