21 พ.ค. 2020 เวลา 16:23 • การศึกษา
จากรองเท้ากีฬา สู่ไอคอนแห่งอเมริกาชน Converse | EP.1
ไม่ทราบว่าที่บ้านของคุณมี Converse สีอะไรกันบ้างครับ?
ผมเชื่อเลยครับว่ารองเท้า Converse ไม่มีวัยรุ่นคนไหนไม่รู้จักอย่างแน่นอน เพราะว่าแบรนด์ของเค้าประวัติศาสตร์เข้มข้นจนเราแทบไม่อยากให้คุณ พลาดเลย
จากสถิติแล้วรองเท้า Converse สามารถทำยอดขายได้ถึงปีละ 700,000 คู่ ต่อปี นั่นหมายถึงว่าทุก ๆ 44 วินาที Converse สามารถขายรองเท้าได้ถึง1 คู่ สาเหตุที่เค้าสามารถทำยอดขายได้ขนาดนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญอย่างแน่นอน
Converse Chuck Taylor All-Star
Converse All-Star
เดิมทีรองเท้า converse ก่อตั้งมาเพื่อทำรองเท้ายางสำหรับใส่ในช่วงฤดูหนาวภายใต้บริษัทที่ชื่อว่า Converse Rubber Shoe Company ริเริ่มโดยนา Marquise Mills Converse ก่อตั้งที่รัฐ Massachusetts ประเทศสหรัฐอเมริกาในปี 1908 และผ่านไปไม่นานจึงได้ผลิตรองเท้า สำหรับเล่นเทนนิสแต่ก็ไปได้ไม่ค่อยสวย ซึ่งตำนานได้ถูกเขียนขึ้นเมื่อในปี ค.ศ 1917 ทาง converse ได้ปรับเปลี่ยนมาทำรองเท้าบาสเก็ตบอลและ
จัดจำหน่ายสู่ท้องตลอดภายในชื่อ converse All-Star
แต่ รองเท้าบาสเก็ตบอลที่ทำออกมาจะเป็นแค่รองเท้าธรรมดาทั่วไป ถ้าหากไม่มีบุคคลชื่อ Charles H. Chuck Taylor ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งขอบริษัท
ซึ่งตัวเขาเองได้เป็นนักบาสเก็ตบอลที่มีชื่อเสียงในยุคนั้น ด้วยตัวเขาเองได้
หลงไหลในรองเท้า converse all-star เป็นอย่างมาก จึงทำให้ได้เข้ามาเป็น
แบรนด์แอมบาสเดอร์ ตัวแทนจำหน่าย และดีไซน์เนอร์ ให้กับทาง converse
Charles H. Chuck Taylor เป็นคนที่ ออกแบบรูปดาวห้าแฉกที่อยู่บริเวณข้อ
เท้าให้กับทาง converse และได้เสนอไอเดียวให้รองเท้าเปลี่ยนเป็นพื้นยาง
เพื่อการกระโดดและการเคลื่อนไหวที่คล่องตัว รวมถึงดัดแปลงนำรูร้อยเชือกรองเท้ามาฉลุเพิ่มด้านข้างตัวรองเท้าสองรู เพื่อช่วยระบายอากาศให้นักกีฬารู้สึกสบายเท้ามากขึ้น จากความตั้งใจในการออกแบบและความคิดที่ใส่ใจ
ความต้องการของผู้บริโภค
ทำให้ Converse All-Star ได้รับความนิยมดังลั่นอย่างกองชุด ขายดีกันจน
ต้องสั่งจอง และเมื่อปี ค.ศ 1936 เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์โอลิมปิกที่มี
การจัดแข่งบาสเก็ตบอล นักบาสชาวอเมริกันทุกคนใส่ Converse All-Star
ซึ่งภายหลัง converse ได้พิมพ์ลายเซ็นของ Chuck Taylor ลงบนโลโก้รูป
ดาวห้าแฉก และตั้งชื่อรองเท้าเป็นรุ่น Chuck Taylor All-Star เพื่อเป็น
เกียรติประวัติให้แก่เขา ผู้มีความสำคัญอย่างยิ่งให้ทางบริษัท converse
Charles H. Chuck Taylor
หลังจากแพร่หลายในหมู่นักกีฬาชื่อดัง ไม่นานนักนักบาสทั้งมือโปรมือสมัครเล่นในมหาลัยต่าง ๆ ทั่วอเมริกาก็พากันใส่ Converse ลงสนามกันแทบ
ทั้งสิ้น เคยมีการเก็บสถิติในปี 1960 พบว่านักบาสกว่า 90% ในอเมริกาสวม Converse All-Star
ความดังยังเฉิดฉายต่อไปยังวงการแสงสีและเสียงเพลง นักดนตรีที่มีชื่อเสียงในยุคนั้นซึ่งเน้นแฟชั่นนอกกระแสบวกกับความหัวสมัยใหม่ จึงได้ใส่รองเท้า
ผ้าใบแทนรองเท้าหนังในการขึ้นเล่นดนตรี (ในสมัยก่อนสังคมอเมริกันชนมองว่าการใส่รองผ้าใบเหมาะสำหรับใส่เล่นกีฬาเท่านั้น และยังไม่เหมาะกับการใส่ในชีวิตประจำวันอีกทั้งยังมีความไม่สุภาพด้วย) หนึ่งในตัวเลือกของ
รองเท้าผ้าใบนั้นก็คือ Converse All-Star นั้นเอง ทำให้รองเท้า converse
เป็นที่นิยมของเหล่าศิลปิน ไล่ตั้งแต่ยุค 70 มาจนถึงยุค 90 เลยทีเดียวและ
มันได้ลามไปจนถึงสังคมต่าง ๆ เช่น ดารานักแสดง นักร้อง นักกีฬา จนทำให้แฟนคลับของเหล่าคนดังแห่ใส่ตามบุคคลที่ตนชื่นชอบ ยอดขายจึงเพิ่มขึ้น
ติดต่อกันหลายปี
Jame dean
Kurt Cobain Nirvana
จุดตกตำ
หลังจากที่ Converse ได้กลายเป็นแบรนด์รองเท้าผ้าใบที่ครองตลาดมา
อย่างยาวนานนั้น ก็สมควรแก่การพลัดเปลี่ยนบัลลังก์ ในปี 2001
converse ถูกฟ้องล้มละลาย เพราะอะไร?
ตั้งแต่การที่ทาง Converse ได้ปล่อยรองเท้ารุ่น Chuck taylor all-star สู่
ตลาดนั้น อย่างทราบกันดีครับยอดขายท่วมท้นมาก แต่ทาง converse ก็ได้
นิ่งนอนใจกับการที่พึ่งพาเจ้า Chuck taylor all-star มากเกินไปจนไม่ค่อย
ปล่อยรองเท้ารุ่นใหม่ ๆ สู่ตลาด ถึงมีแต่ก็น้อยมากแถมยังขาดนวัตกรรมด้วย
ในทางกลับกันบริษัทคู่แข่งอย่าง Nike Adidas Puma ได้พัฒนาเทคโนโลยีสู่ตลาดและได้แย่งส่วนแบ่งของ converse มาเรื่อย ๆ จนกระทั่งในปี 2001
บริษัท converse Rubber Shoe Company ก็ได้ล้มละลาย
เดชะบุญ ทางบริษัท Nike มองว่า converse ยังสามารถไปได้ต่อ จึงได้ทำ
การซื้อกิจการทั้งหมดของ converse ไปในราคา 305 ล้านเหรียญสหรัฐ
(ตีกลมๆเป็นเงินไทยที่ 9400 ล้านบาท) ตั้งแต่ปี 2003 เป็นต้นไป converse
ได้กลายเป็นบริษัทลูกของ Nike จึงทำให้หลังปี 2003 จะไม่มีรองเท้า
converse คู่ไหนเป็น made in USA อีกแล้วเพราะ Nike มีโรงงานอยู่ทั่วทั้ง
โลกตราบถึงทุกวันนี้ หากว่าใครมีรองเท้า converse ที่เป็น made in USA
ให้เก็บรักษาเอาไว้ดีดีนะครับในอนาคต ราคาน่าจะสูงมากเลยทีเดียว
ขอบคุณทุกท่านที่อ่านเนื้อหามาจนถึวจุดนี้ครับ หากอยากติดตามเนื้อหา
เกี่ยวกับต้นกำเนิดและความเป็นมาของรองเท้า รุ่นอื่นๆอีกก็สามารถติดตามที่ เพจนี้ได้นะครับ Sneakerstory
โฆษณา