มาย้อนรอยถึง การมาประเทศญี่ปุ่นครั้งแรก!!!
ประเทศญี่ปุ่นอยู่ในจินตนาการว่า อยากมาเที่ยวสักครั้ง
ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว ขึ้นชื่อเรื่องเทคโนโลยี แต่ยังคงกลิ่นไอความเป็นชาตินิยม มีวัฒนธรรม ศิลปะ และธรรมชาติที่สวยงาม ซึ่งอนุรักษ์ไว้อย่างดี
เราเองก็ชอบดูการ์ตูนญี่ปุ่นมาตั้งแต่จำความได้ สมัยมัธยม เพื่อนๆ ก็ชอบ J-POP (15 ปีที่แล้ว สมัย J-POP ดังเป็นพลุแตก) เราก็ฟังเพลงตามเพื่อนๆ ติดตามซีรีย์ญี่ปุ่นบ้าง ชอบรายการวาไรตี้อย่าง ทีวีแชมป์เปี่ยน และก็ชอบกินอาหารญี่ปุ่น ชอบดูรายการท่องเที่ยวเซย์ ไฮย์ อาหารและขนมที่พี่ติ๊กกิน มันน่ากินมาก!!
ยังไงต้องไปญี่ปุ่น ให้ได้สักครั้งในชีวิต!!!
แต่แล้วโชคชะตา ก็ทำให้เราต้องมาใช้ชีวิตที่ญี่ปุ่น เนื่องจากบริษัทส่งให้มาทำงาน เรียนรู้เทคนิกและนำความรู้กลับไปไทย เป็นความบังเอิญมากถึงมากที่สุด
ปัญหาที่กลัวมากที่สุดคือ ภาษา
ตัวเราเองไม่มีพื้นฐานภาษาญี่ปุ่นเลย ซึ่งเราก็รู้อยู่แล้วว่าประเทศนี้เป็น
ประเทศชาตินิยม ไม่ค่อยพูดภาษาอังกฤษ (คนส่วนหนึ่งที่นี่สามารถสื่อสาร
เป็นภาษาอังกฤษ เเต่ก็ไม่ค่อยพูดเท่าไหร่)
ก่อนไปจึงไปเรียนพื้นฐานภาษาญี่ปุ่น ที่สถาบันแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นระยะเวลาแค่สองเดือน สั้นมากแล้วก็ไม่รู้ว่าจะรอดมั้ย แต่ว่ามันต้องไปแล้ว ก็ลองดูซักตั้ง ไปเรียนรู้เอาที่นู้นล่ะกัน
เมื่อถึงสนามบินนาริตะก็ไม่น่าเป็นห่วงอะไร เพราะมันเป็น International airport จะไปที่ไหน อย่างไร ก็มีภาษาอังกฤษกำกับ โล้งใจกันไป
เมื่อต้องนั่งแอร์พอร์ทบัสเข้าเมือง ก็หวั่นใจกังวลตลอดการเดินทาง ชื่อสถานีก็ไม่คุ้นเคย ง่วงก็ง่วง แอบหลับแต่ก็ต้องรีบตื่นกลัวเลยสถานี แม้จะมีการบอกชื่อสถานีเป็นภาษาอังกฤษ แต่ก็ดันลงผิดสถานี เพราะว่าชื่อมันคล้ายกัน คนขับใจดี ช่วยเช็คสถานีให้อีกครั้ง ขนของขึ้นรถบัสแล้วไปต่อ สุดท้ายก็ถึงที่ หมายปลายทางเรียบร้อย
การใช้ชีวิตที่ญี่ปุ่นก็ได้เริ่มขึ้น ต้องเรียนรู้ทุกอย่างใหม่ และอุปสรรคที่สำคัญที่สุดก็คือ ภาษา นี่แหละ
เพราะการดำเนินการขึ้นทะเบียนเข้าอยู่ที่สำนักงานเขต การเปิดบัญชีธนาคาร การซื้อตั๋วโดยสารรถไฟ การทำงาน ร่วมไปถึงการไปเที่ยว ซื้อของ ทุกอย่างล้วนเป็นภาษาญี่ปุ่น (พนักงานร้านสะดวกซื้อ ร้านขายยา ก็สื่อสารเป็นภาษาญี่ปุ่น แม้เราจะงงและไม่เข้าใจภาษาของเขา เขาก็ยังคงสื่อสารกับเรา ด้านเราก็ฟังแบบงงๆ และก็อยากรู้เหลือเกินว่า เขาพูดอะไรนะ)
ในระยะหนึ่งเดือนแรก เรามีล่ามคอยช่วยเหลือและสอนการทำธุรกรรมต่างๆ แต่หลังจากนั้นเราต้องใช้ชีวิตอยู่เอง
เราจึงเริ่มเรียนภาษาญี่ปุ่นที่นี่ เพื่อการดำรงชีวิตให้รอด สื่อสารให้เข้าใจได้บ้าง :D