21 พ.ค. 2020 เวลา 00:41 • ปรัชญา
วัฐจักร
เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป
ทุกสิ่งในโลกล้วนเป็นวัฏจักรดังนี้ ไม่มีสิ่งใดรอดพ้นไปได้
เปล่าค่ะ...วันนี้ฉันไม่ได้จะมาเล่าธรรมะอะไรให้ท่านผู้อ่านฟังหรอก...แค่เรื่องที่ฉันจะเล่า มันเกี่ยวข้องกับประโยคที่ยกขึ้นมาในข้างต้นแบบเต็มๆ ก็เท่านั้น
ก็อย่างที่เคยบอกไปแล้วนะคะ...ว่าบ้านของฉันทำร้านค้าเล็กๆ ...
ซึ่งฉันจำได้อย่างขึ้นใจ ในตอนที่เพิ่งจะเปิดร้านใหม่ๆ ว่ารุ่นพี่ที่เปิดร้านแบบเดียวกันกับฉันได้เอ่ยบอกประโยคราวๆ นี้ออกมา...
รุ่นพี่เขาว่า พอแกเปิดร้านนะ แกจะได้เจอกับอะไรที่ชวนให้ปลงหลายๆ อย่าง ร้านในละแวกที่ใกล้กันกับแก จะมีร้านมาเปิดใหม่ จากนั้นร้านก็จะขายดีถึงดีมาก จากนั้นก็จะเงียบ แล้วจากนั้นเขาก็จะจากไป แล้วก็จะมีร้านใหม่เข้ามาเปิด แล้วก็วนสู่วัฏจักรอย่างนี้ไปเรื่อยๆ ไม่มีที่สิ้นสุด
เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป แท้ๆ
และก็ราวกับรุ่นพี่เป็นรุ่นพี่ญาณทิพย์ เพราะมันเป็นแบบนั้นจริงๆ ..
.จริงๆ เรื่องแบบนี้ในเชิงเศรษฐกิจและสังคม (ที่ผู้เขียนแทบไม่มีความรู้ในเชิงวิชาการติดหัว) อาจจะเป็นอะไรที่ดูธรรมดา
โดยเฉพาะในโลกยุคปัจจุบันที่การทำธุรกิจแต่ละอย่างมีอายุที่สั้นลงกว่าแต่ก่อนมาก
เรียกว่าเมื่อก่อน คนรุ่นพ่อรุ่นแม่ทำกิจการอะไรขึ้นมาสักอย่าง กิจการนั้นอาจมีอายุอยู่ได้สิบกว่าปี (ถ้าจะไม่บริหารดีจนเจ๊งไปเองเสียก่อนนะ)
แต่ในยุคปัจจุบัน ทางเลือกต่างๆ ที่เกิดขึ้นมามากมาย ก็ทำให้บางทีกิจการที่ตั้งขึ้นมาอาจจะมีอายุอยู่ได้แค่ปีหรือสองปีแค่นั้น
คนที่เป็นเจ้าของกิจการก็ต้องหาวิธีปรับตัวเพื่อความอยู่รอดกันไป....คิดแล้วก็เหนื่อยนะ....แต่ถ้าใจรัก...ก็เป็นอะไรที่ท้าทายไม่หยอก....
และด้วยความที่กิจการมันมีอายุสั้นลงอย่างเห็นได้ชัดนี่แหละที่ทำให้ฉันได้คิดอะไรที่มากขึ้นไปกว่าเดิม...
ฉันเห็นเปลือกของมนุษย์ได้อย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น...จากการที่เป็นร้านขายของ...ฉันได้พบเจอกับผู้คนค่อนข้างเยอะ...
ก็มีทั้งที่ดีและไม่ดี บางคนก็น่ารักทำให้ฉันรู้สึกดีว่า...เอ่อ...สังคมยังโอเคอยู่นี่หว่า....ส่วนบางคน...ก็....เอ่อ...อย่าพูดเลย...พูดแล้วของขึ้น
เอาละวกมาที่เรื่องที่ฉันเล่าค้างเอาไว้...เรื่องเปลือกที่ว่าละนะ...พูดอย่างตรงไปตรงมาเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาเลยก็คือ...
ภาพที่เราเห็นอาจไม่ใช่เรื่องที่มันเกิดขึ้นจริง...คนที่ฉันรู้จักหลายคน ภายนอกดูเป็นคนมั่งมี...
แต่ลึกเข้าไปภายใน...กำลังโดนหนี้ที่ตนเองก่อไล่ตามหลังมาอย่างไม่ลดละ...หลายคนถึงกับต้องขายบ้านขายช่องเพื่อที่จะย้ายออกไปหาที่อยู่ที่ถูกกว่า
ตอนที่ฉันพบเจอเรื่องนี้ในตอนแรกๆ ...ฉันไม่ได้คิดอะไรไปกับเรื่องแบบนี้...แต่เมื่อเจอบ่อยๆ เข้าก็ทำให้ฉันอดที่จะคิดอะไรขึ้นมาไม่ได้....
คนที่ฉันรู้จักคนหนึ่ง แนะนำให้ฉันซื้อรถ เพราะในตอนนั้นมีมาตรการลดราคาให้กับคนที่ไม่เคยมีรถมาก่อน...เรียกว่าถ้าไม่ซื้อตอนนี้โง่แน่ๆ ....คราวหน้าอาจไม่มีอีกนะ...คนคนนั้นพูดกับฉันแบบนี้ละ.....
แล้วจากนั้นไม่นาน....รถของพี่เขาก็หายไป....พร้อมกับการที่ฉันไม่ได้เจอหน้าพี่เขาไปพักใหญ่...และพอมาเจอกันอีกครั้ง...ก็พบว่าพี่เขาดูมีอายุขึ้นมากทั้งๆ ที่เวลาผ่านไปได้ไม่ถึงปีเสียด้วยซ้ำ....
และพี่เขาก็หายไปอีกพักใหญ่ พร้อมกับการที่ฉันได้ข่าวมาว่าพี่เขาขายบ้านที่ตัวเองอยู่หลังนี้ที่นี่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว....
สำหรับเรื่องนี้ฉันมองสองทางค่ะ
หนึ่ง...พี่คนนี้ฉลาดนะ....เขาตัดภาระชิ้นโตออกไปจากชีวิตเขาได้ในที่สุด...
การผ่อนรถในภาวะที่เศรษฐกิจไม่ดีอาจเป็นอะไรที่ยาก...แต่การผ่อนบ้านเดี่ยวควบรถคงเป็นอะไรที่ยากกว่า...เอาเป็นว่าเนื้อชิ้นไหนร้ายก็ตัดเนื้อชิ้นนั้นไป...
เรื่องนี้ขอคารวะการตัดสินใจของเขาค่ะ....คือ...บางทีก็ไม่ง่ายเลยนะ ที่จะยอมรับว่าตนเองได้ทิ้งหน้าตาทางสังคมไปแล้วหากทำเรื่องแบบนี้...
เพราะเสียงนินทาที่ตามหลังไปหลังจากขายรถขายบ้านย่อมมีอยู่แล้ว
สอง...ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง...
คำนี้เป็นคำที่ลอยเข้ามาในหัวของฉันคำแรกเลยละหลังจากที่เขาจากไป...ฉันเคยได้รับคำพูดดีๆ มากมายจากใครก็ไม่รู้ว่าฉันไม่มีอันจะกิน ไม่มีเงิน เพราะฉันไม่มีรถ
การที่ฉันไม่มีรถ...ผ่านกระบวนการคิดอย่างหนักมาแล้วนะ...ฉันไม่เห็นความสำคัญในการที่จะมีมัน...
ฉันไม่ได้ออกไปไหนมากมาย....เดือนหนึ่งมากสุดก็สี่ห้าครั้ง...แล้วในที่ที่ฉันอยู่ก็อุดมไปด้วยรถสาธารณะมากมาย...ทำไมฉันจะต้องซื้อรถด้วยนะ...ลองคำนวณค่าใช้จ่ายดู...การมีรถสร้างภาระให้ฉันมากกว่าเสียอีก....
การที่ฉันตัดสินใจไม่ซื้อรถทำให้ฉันไม่ต้องแบ่งจ่ายรายได้หลายทาง...แน่นอนว่าผลที่ตามมาคือการที่ฉันปลดหนี้บ้านได้อย่างรวดเร็ว....
ห้าปีหนึ่งเดือน คือการที่ฉันสามารถเอาโฉนดที่ดินของบ้านหลังนี้มาครอบครองได้....แต่ฉันก็ยังจนอยู่ต่อไปนะ เพราะฉันไม่รถ...
เอาเถอะ...สุดท้ายนี้เกมระหว่างฉันกับคนรวยเหล่านั้นคงยังดำเนินอยู่ต่อไป...และฉันก็มั่นใจว่าเกมนี้ฉันไม่ใช่คนแพ้แน่ๆ
ฉันแค่มีชีวิตอยู่แบบพอดี พอประมาณ ฉันมีความสุขที่เป็นอย่างนี้...และฉันเป็นฉัน...ฉันไม่โง่เอาเปลือกมาใส่หรอก...มันทั้งหนักและอึดอัดจะตาย....
โฆษณา