22 พ.ค. 2020 เวลา 09:58 • บันเทิง
Breaking Bad เส้นทางอาชญากรของนักเคมีอัจฉริยะ
ตอนที่ 2 : อาวุธเคมีของวอลเตอร์ ไวท์
เราได้ทราบข้อมูลซีรีส์ เรื่องย่อ รวมถึงเรื่องของนักเคมีที่กลายมาเป็นพ่อค้ายาเสพติดกันไปแล้ว ในตอนนี้ เราจะกล่าวถึงสิ่งที่เป็นความโดดเด่นอีกอย่างหนึ่งของซีรีส์เรื่อง Breaking Bad นั่นก็คือ " อาวุธเคมี "
การเข้าสู่วงการค้ายาของวอลเตอร์ ไวท์ ทำให้เขาได้เข้าไปพัวพันกับแกงค์ค้ายาเสพติด และบ่อยครั้งก็มีความขัดแย้งเกิดขึ้น ทำให้ทั้งไวท์และเจสซี่ พิงค์แมนตกอยู่ในอันตราย ซึ่งหากเราได้ดูซีรีส์แนวอาชญากรรมเรื่องอื่นๆ ฉากต่อสู้เหล่านี้คงเป็นการสู้กันด้วยมีด หมัด หรือปืน
.
แต่ใน Breaking Badนั้น อาวุธของไวท์เจ๋งไปกว่านั้นมาก เพราะเขาใช้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ผลิตอาวุธเคมีขึ้นมาเพื่อต่อกรกับศัตรู ซึ่งอาวุธและสารอันตรายต่างๆที่อยู่ในซีรีส์นั้น หลายอย่างคืออาวุธที่เคยมีการใช้งานจริง บางอย่างก็เป็นอาวุธที่เป็นไปได้ในทางทฤษฎี แต่ผลลัพธ์อาจไม่ตรงกับที่ซีรีส์นำเสนอ ซึ่งอาวุธเคมีที่ปรากฏในซีรีส์นั้นมีอยู่ด้วยกันสามอย่าง คือ
1
1. ก๊าซฟอสฟีน
เป็นก๊าซที่เกิดจากปฏิกิริยาทางเคมีโดยการให้ความร้อนกับฟอสฟอรัสในสารละลายโปแตสเซียม (โปแตสเซียมคาร์บอเนต) โดยมากจะใช้ในอุตสาหกรรมการเกษตรเพื่อจำกัดแมลงชนิดต่างๆที่เป็นศัตรูพืช อย่างไรก็ดีก๊าซฟอสฟีนไม่ได้มีผลต่อแมลงเท่านั้น ก๊าซนี้ยังทำอันตรายต่อคน และสัตว์เลือดอุ่นชนิดอื่นๆด้วย
ฟอสฟีน คือ ก๊าซที่ไม่มีสี แต่มีกลิ่นเล็กน้อยคล้ายๆกับกลิ่นของกระเทียม จัดเป็นหนึ่งในสารที่มีพิษร้ายแรง เมื่อสูดดมก๊าซนี้เข้าไปในร่างกายจะทำให้เกิดผลต่อระบบทางเดินหายใจ โดยผู้ที่สูดดมจะมีอาการมึนเมา คลื่นไส้ อาเจียน
ถ้าได้รับในปริมาณมากก็จะทำให้ระบบหายใจล้มเหลว หมดสติและเสียชีวิตได้
ก๊าซนี้ปรากฏในฉากหนึ่งของซีรีส์ เป็นตอนที่ไวท์ต้องเผชิญหน้ากับผู้ปรุงยาเจ้าถิ่น ไวท์ถูกข่มขู่ให้เปิดเผยสูตรปรุงยาของเขา เนื่องจากยาไอซ์ที่เขาทำเป็นที่ต้องการในตลาดอย่างมาก พวกมันจึงต้องการผลิตให้ได้ความบริสุทธ์เช่นเดียวกับที่ไวท์ทำ
.
ระหว่างที่ปืนกำลังจ่อหัวเขาอยู่ ไวท์ก็ทำทีเป็นสอนปรุงยา แต่สิ่งที่เขาทำออกมานั้นไม่ใช่ยาไอซ์อย่างที่พวกมันต้องการ เพราะสิ่งที่เขาทำ คือ " ก๊าซฟอสฟีน "
สุดท้ายพ่อค้าปรุงยาสองคนก็ถูกรมสารพิษจนแน่นิ่งไป
2. วัตถุระเบิด
เมื่อไวท์ต้องบุกเข้าไปยังถิ่นของแกงค์ค้ายาเพื่อเจรจาเรื่องสินค้า มันคือความเสี่ยงครั้งหนึ่งในชีวิตของเขา ถ้าหากไวท์เจรจาไม่สำเร็จ เขาอาจโดนซ้อมหรือไม่ก็ถูกฆ่าตาย แต่ไวท์ก็เลือกที่เดินเข้าไปเพียงลำพังโดยที่ไม่เกรงกลัวใดๆ ส่วนหนึ่งเพราะเขามีอาวุธลับที่แอบผลิตขึ้นมา มันคืออาวุธเคมีที่ค่อนข้างประหลาด ด้วยรูปลักษณ์ภายนอกที่สวยงามเป็นผลึกคริสตัลใส แต่อานุภาพการระเบิดของมันรุนแรงมาก
ก่อนเข้าถึงนายใหญ่ของแกงค์ ผู้เข้าพบทุกคนจะต้องถูกตรวจอาวุธ ซึ่งไวท์ก็ผ่านไปได้โดยไม่มีปัญหา
.
ไม่มีใครรู้เลยว่าเกล็ดยาไอซ์ที่เขาถือมานั้น มันคือวัตถุระเบิดที่เขาสังเคราะห์ขึ้นมา แค่เพียงเหวี่ยงมันลงพื้นจนเกิดแรงปะทะ ระเบิดชนิดนี้ก็พร้อมที่จะทำงาน ไวท์อธิบายหลักการทำงานของมันเอาไว้ว่า
" ปฎิกิริยาทางเคมี เกิดจากตัวแปรสองตัวคือ สสารและพลังงาน เมื่อปฏิกิริยาเกิดขึ้นอย่างช้าๆ พลังงานจะเปลี่ยนแปลงไปเพียงเล็กน้อย จนแทบไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงเลย ตัวอย่างเช่น สนิมที่จับตัวอยู่ใต้ท้องรถ มันจะค่อยๆก่อตัวและกัดกร่อนเหล็กอย่างช้าๆ แต่ถ้าปฏิกิริยาเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว แม้แต่สสารที่ไม่อันตรายก็จะแสดงปฏิกิริยาที่สามารถระเบิดพลังงานออกมาได้
.
การระเบิดเป็นผลมาจากปฏิกิริยาทางเคมีที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันและตัวทำปฏิกิริยาที่เร็วกว่า ยิ่งพวกมันเปลี่ยนแปลงเร็วเท่าไหร่ การระเบิดก็จะยิ่งรุนแรงมากขึ้นเท่านั้น"
สิ่งที่วอลเตอร์ ไวท์ ผลิตมานั้น มีชื่อเรียกทางเคมีว่า " เมอร์คิวรีฟูลมิเนต " (Mercury fulminate)เป็นวัตถุระเบิดที่มีส่วนผสมของปรอท
วิธีการทำคือการละลายปรอทในกรดไนตริกและเพิ่มเอทานอลลงในสารละลาย ซึ่งวิธีการที่ไวท์นำมาใช้ในซีรีส์ คือ การขว้างผลึกนี้ลงบนพื้นให้เกิดแรงปะทะ การระเบิดก็จะเกิดขึ้น
2
หลังจากที่ซีรีส์ตอนนี้ออกฉาย สารคดีช่อง Discovery ก็ได้ทดลองทำ" เมอร์คิวรีฟูลมิเนต "โดยได้เชิญนักเคมีผู้เชี่ยวชาญคนหนึ่งมาทำการผลิต ซึ่งผลที่ได้ปรากฎว่าสารชนิดนี้ไม่ได้เป็นคริสตัลใสเหมือนในซีรีส์ แต่มันมีรูปร่างเป็นผงสีน้ำตาล ซึ่งผู้เชี่ยวชาญได้บอกว่า โดยทั่วไปแล้วสารชนิดนี้จะอยู่ในรูปแบบผง การจะทำให้เป็นผลึกใสแบบในซีรีส์นั้นจะต้องผ่านกระบวนการที่ซับซ้อนมากขึ้น
1
ผง " เมอร์คิวรีฟูลมิเนต " และการทดลองระเบิดฟักทอง
การทดลองที่เกิดขึ้นครั้งนี้ใช้ " เมอร์คิวรีฟูลมิเนต " ในปริมาณที่น้อยกว่าซีรีส์
(ในซีรีส์คือปริมาณ 50 กรัม แต่ในสารคดีใช้เพียง 5 กรัม) และเพื่อให้สามารถควบคุมความปลอดภัยได้ พวกเขาจึงไม่ได้เขวี้ยงลงบนพื้นเหมือนในซีรีส์แต่ใช้กระบวนการอื่นในการจุดระเบิดแทน ซึ่งแม้จะใช้ในปริมาณที่น้อยกว่าแต่ผลของมันก็รุนแรงจนสามารถระเบิดฟักทองลูกยักษ์ให้หายไปในพริบตา
2
3. ไรซิน
หนังสือ Guinness World Records ปี 2007 (พ.ศ. 2550) ได้จัดอันดับให้ไรซินเป็นสารพิษจากพืชที่มีความรุนแรงมากที่สุดในโลก พิษของมันรุนแรงกว่าพิษในงูเห่าถึงสองเท่า และรุนแรงกว่าไซยาไนด์ถึง 1,000 เท่า
ไรซิน (Ricin)เป็นสารพิษประเภทโปรตีน ที่สกัดได้จากเมล็ดละหุ่ง ซึ่งปริมาณที่เป็นพิษรุนแรงจนทำให้มนุษย์เสียชีวิตได้คือ 0.2 มิลลิกรัม
1
ไรซินสามารถเข้าสู่ร่างกายได้โดยการสูดดม ฉีดเข้าเส้นเลือด หรือรับประทาน โดยพิษของมันจะเข้าไปยังยั้งการสังเคราะห์โปรตีนของร่างกาย ผู้ที่ถูกพิษไรซินจะมีอาการคลื่นไส้อาเจียน เลือดออกภายใน หายใจลำบาก จนถึงแก่ความตายเนื่องจากอวัยวะภายในและระบบไหลเวียนเลือดล้มเหลว
ไรซิน เป็นสารพิษที่นิยมใช้กันมากในหมู่สายลับรัสเซียสมัยก่อน เพราะเป็นสารที่มีพิษรุนแรงและตรวจพบได้ยาก
เจ้าไรซินนี้ยังเคยถูกเคลือบผ่านจดหมายและส่งไปให้ประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกาถึงสองคน คือ บารัค โอบาม่า และ โดนัล ทรัมป์ แต่จดหมายทั้งสองฉบับนี้ก็ไม่สามารถทำอะไรผู้นำสหรัฐได้ เนื่องจากมีการตรวจพบโดยเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงก่อนที่มันจะส่งไปถึงทำเนียบขาว
มีกรณีของการลอบสังหารโดยใช้ไรซินที่โด่งดังอยู่กรณีหนึ่ง เป็นการลอบสังหาร เกรกอรี มาร์คอฟ ผู้นำฝ่ายค้านของบัลแกเรีย ในปี 1978 เขาถูกฆ่าโดยยาพิษไรซินซึ่งถูกยิงออกมาจากก้านร่ม บนสะพาน“วอเตอร์ลูบริดจ์” ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ซึ่งสาเหตุในการลอบสังหารเขาน่าจะมีมูลเหตุมาจากความขัดแย้งในสหภาพโซเวียต
ไรซินถือเป็นสารพิษที่มีความสำคัญอย่างมากใน Breaking Bad ไวท์เก็บมันไว้เป็นไม้เด็ดในการลอบสังหารศัตรู และมันก็เป็นหนึ่งในจิกซอว์ชิ้นสำคัญที่นำไปสู่บทสรุปอันสมบูรณ์แบบของซีรีส์เรื่องนี้อีกด้วย
ปัจจุบันซีรีส์เรื่องBreaking Bad ได้จบลงไปแล้ว แต่ทีมผู้สร้างได้ขยายจักรวาลของหนังเพิ่มเติมมาอีกสองเรื่องคือ El Camino เป็นเรื่องราวของเจสซี่ พิงค์แมน ที่ดำเนินเรื่องต่อจากตอนจบของซีรีส์ ถือเป็นบทสรุปของตัวละครที่ทำออกมาเพื่อเอาใจแฟนซีรีส์โดยเฉพาะ (ควรดูซีรีส์ให้จบก่อนดูหนังเรื่องนี้) และ ซีรีส์เรื่อง better call saul (มีปัญหาปรึกษาซอล) ที่เป็นเรื่องราวของซอล ทนายความจอมเจ้าเล่ห์ ก่อนที่เขาจะพบและทำธุรกิจกับวอลเตอร์ ไวท์
สามารถรับชมทั้งสองเรื่องนี้ได้จาก Netflix
ภาพโปสเตอร์ El Camino (ซ้าย) : Better Call Saul (ขวา)
บทส่งท้าย : อาวุธเคมีจัดเป็นอาวุธที่มีพลังทำลายล้างสูง ทำให้แต่ละประเทศตระหนักถึงอันตรายที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต จึงมีการตั้งอนุสัญญาว่าด้วยอาวุธเคมีขึ้น โดยประกอบไปด้วยประเทศสมาชิกกว่า 192 ประเทศ ซึ่งใจความสำคัญของอนุสัญญานี้จะเน้นไปที่การห้ามพัฒนา, ผลิต, สะสม หรือใช้อาวุธเคมีไม่ว่าในกรณีใดๆ
อย่างไรก็ตาม ยังพบว่ามีการใช้อาวุธเคมีอยู่ โดยเฉพาะในสงครามซีเรีย มีการใช้อาวุธเคมีไปกว่า 360 ครั้ง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นฝีมือของรัฐบาลซีเรีย จนทำให้มีประชาชนบาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก และในที่สุดประเทศซีเรียก็ถูกกดดันอย่างหนักจากประชาคมโลกจนต้องทำลายอาวุธเคมีทั้งหมด และเข้าร่วมเป็นหนึ่งในประเทศสมาชิกของภาคีอนุสัญญาว่าด้วยอาวุธเคมี ในปี 2013
2
ผมไม่แน่ใจนักถึงจุดประสงค์ของการสร้างอาวุธ ...
.
มันอาจถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นหลักประกันความสงบให้กับมนุษย์ มันคือเครื่องมือที่ช่วยปกป้องเราจากการรุกรานของศัตรู แต่อีกนัยหนึ่ง...อาวุธก็สร้างอำนาจให้กับผู้ที่ถือครองมันเช่นกัน
.
เป็นอำนาจที่ท้าทายต่อศีลธรรมขั้นสูงสุดของความเป็นมนุษย์ โดยมีทางเลือกเพียงสองทางเท่านั้นสำหรับผู้มีอำนาจที่ครอบครองมัน
.
" สงคราม " หรือ " สันติภาพ "
ภาพประกอบจาก :
โฆษณา