23 พ.ค. 2020 เวลา 04:05 • ธุรกิจ
ประธานาธิบดีทรัมป์ ขู่เตรียมตอบโต้จีนกลับอย่างรุนแรง หลังประธานาธิบดีจีน สี จิ้นผิง ประกาศเตรียมจัดตั้งระบบและกฎหมายควบคุมฮ่องกงอย่างเข้มข้น พร้อมยกเลิกการกำหนดเป้า GDP !!! / โดย คลินิกการลงทุน
ประธานาธิบดีทรัมป์ ขู่เตรียมตอบโต้จีนกลับอย่างรุนแรง หลังประธานาธิบดีจีน สี จิ้นผิง ประกาศเตรียมจัดตั้งระบบและกฎหมายควบคุมฮ่องกงอย่างเข้มข้น พร้อมยกเลิกการกำหนดเป้า GDP !!! / โดย คลินิกการลงทุน
เมื่อคืนนี้ ดัชนี Dow Jones ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลงเล็กน้อยเพียง 8.96 จุด หรือลบไป 0.04% เท่านั้น ดัชนี S&P 500 และดัชนี Nasdaq ก็ปรับลงเล็กน้อยเช่นเดียวกัน ส่วนดัชนี VIX ปรับตัวขึ้น 4.64% บ่งชี้ถึงระดับความกลัวและความผันผวนในตลาดที่เพิ่มสูงขึ้นเล็กน้อย โดยหุ้นที่มีการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับแรก เป็นหุ้นกลุ่มเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ทั้งหมด ได้แก่ Alibaba ADR (-5.87%), NVIDIA (+2.86%), Tesla (-1.30%), Facebook (+1.52%) และ Amazon (-0.40%)
Source: investing.com
ขณะที่ ทางฝั่งของตลาดหุ้นยุโรปและเอเชียส่วนใหญ่ค่อนข้างทรงตัวทั้งในแดนบวกและแดนลบ ส่วนดัชนี SET index ตลาดหุ้นไทย บ้านเราเมื่อวานนี้ ร่วงลงกว่า 16 จุด หรือลบไป 1.27% แต่ที่ร่วงหนักที่สุด ก็คือ ดัชนี Hang Seng ตลาดหุ้นฮ่องกงที่ร่วงลงหนักถึง 5.56% หลังจากที่จีนได้เตรียมผ่านกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติสำหรับฮ่องกง เพื่อควบคุมความสงบเรียบร้อยในฮ่องกง ทำให้จีนสามารถบริหารจัดการฮ่องกงได้อย่างเต็มที่
Source: investing.com
ล่าสุด เมื่อวันก่อนนี้ จีนได้จัดการประชุมสภาประชาชนแห่งชาติจีนประจำปี ซึ่งถือเป็นงานทางการเมืองที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของประเทศจีน และมีผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์กว่า 3,000 คนเข้าร่วมในงานนี้ โดยทางด้านประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ของจีน ก็ได้ประกาศว่า จีนจะจัดตั้งระบบและกฎหมายในการควบคุมฮ่องกง เพื่อยุติ “หนึ่งประเทศ สองระบบ” ที่ทำให้เกิดการประท้วงในฮ่องกงยาวนานหลายเดือน ซึ่งจะทำให้จีนสามารถควบคุมและจัดการฮ่องกงได้อย่างเข้มงวดเต็มที่ โดยไม่ต้องกลัวผลที่ตามมา
โดยการประกาศของประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ในครั้งนี้ เป็นการส่งสารถึงประธานาธิบดีทรัมป์ ของสหรัฐฯ ว่าจีนไม่ได้กลัวสหรัฐฯ หลังจากที่ประธานาธิบดีทรัมป์ ขู่จีนว่า ถ้าหากจีนใช้มาตรการจัดการกับผู้ชุมนุมประท้วงในฮ่องกง และจำกัดการเคลื่อนไหวตามระบอบประชาธิปไตยในฮ่องกง สหรัฐฯ จะทำการตอบโต้อย่างรุนแรง
Chinese President Xi Jinping (C), Premier Li Keqiang (R) and Politburo Standing Committee member Wang Yang (L) sing the national anthem during the opening session of the National People's Congress on Friday. | Leo Ramirez/AFP
ขณะเดียวกัน จีนยังได้ประกาศว่า อาจจะยกเลิกการกำหนดเป้าหมายตัวเลขเศรษฐกิจ หรือ GDP ในปีนี้ เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 นั้นทำให้เกิดความไม่แน่นอนขึ้นอย่างมาก จนเศรษฐกิจจีนในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ติดลบไปถึง 6.8% ซึ่งถือเป็นการเลิกตั้งเป้าหมายเศรษฐกิจเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 30 ปีของจีน
นอกจากนี้ จีนยังได้วางแผนออกพันธบัตรรัฐบาลสกุลเงินหยวน วงเงินประมาณ 1 ล้านล้านหยวน หรือกว่า 45 ล้านล้านบาท อีกทั้งยังมีมาตรการลดภาษีอีก ซึ่งรวมกันแล้วจะช่วยให้จีนสามารถกระตุ้นตัวเลขเศรษฐกิจ หรือ GDP เพิ่มขึ้นมาได้ประมาณ 2% และสัญญาว่าจะยังคงมุ่งมั่นป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ต่อไป เพื่อปกป้องสุขภาพของประชาชนจีนอย่างต่อเนื่องเต็มที่
ในตอนนี้สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างจีนและฮ่องกง เริ่งมีความตึงเครียดมากขึ้น อีกทั้งยังอาจการตอบโต้จากทางสหรัฐฯ ตามมาอีก และอาจจะลุกลามกลายเป็นสงครามการค้าตามมาอีกครั้ง ซึ่งต้องติดตามกันอย่างใกล้ชิดว่าแต่ละฝ่ายจะออกมาเคลื่อนไหวอย่างไรต่อไป
Chinese President Xi Jinping and U.S. President Donald Trump in Beijing, China. Artyom Ivanov | TASS | Getty Images
ทางด้านตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ เมื่อวันก่อน มีการประกาศตัวเลขตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานของสหรัฐฯ (US Initial Jobless Claim) ประจำสัปดาห์ มียอดคนตกงานเพิ่มขึ้นอีกถึง 2.4 ล้านคน ใกล้เคียงกับที่ตลาดคาดการณ์ไว้ โดยหากรวมยอด 9 สัปดาห์ที่ผ่านมามียอดคนตกงานรวมเกือบ 40 ล้านคนแล้ว โดยทางด้านนักวิเคราะห์มองว่า ตัวเลขคนตกงานหรืออัตราว่างงานของสหรัฐฯ จะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นไปจนถึงระดับ 20-30% ซึ่งในตอนนี้อัตราว่างงานของสหรัฐฯ (US unemployment rate) อยู่ที่เกือบ 15% แล้ว
Source: https://www.statista.com/chart/21660/unemployment-rate-in-the-us/
สำหรับตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทั่วโลก ล่าสุด (23 พ.ค.) พุ่งสูงขึ้นทะลุ 5.3 ล้านรายแล้ว มีจำนวนผู้เสียชีวิตกว่า 3.4 แสนราย และมีจำนวนผู้ที่รักษาหายแล้วกว่า 2 ล้านราย โดยประเทศที่มียอดผู้ติดเชื้อสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ สหรัฐฯ, บราซิล, รัสเซีย, สเปน และอังกฤษ ตามลำดับ
Source: worldometers
ส่วนตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในสหรัฐฯ ล่าสุด พุ่งขึ้นอยู่ที่กว่า 1.6 ล้านรายแล้ว มียอดผู้เสียชีวิตรวมกว่า 9.7 หมื่นราย และมียอดรักษาหายแล้วกว่า 4 แสนราย โดยรัฐนิวยอร์คมีจำนวนผู้ติดเชื้อมากที่สุดอยู่ที่กว่า 3.67 แสนราย ยอด Active cases กว่า 2.7 แสนราย และเสียชีวิตกว่า 2.9 หมื่นราย ขณะที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่รายวัน (Daily new cases) ของสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 22 พ.ค. ที่ผ่านมา มีแนวโน้มลดลงมาอยู่ที่ 24,197 หมื่นราย
Source: worldometers
ส่วนตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในไทย ล่าสุด (21 พ.ค.) มียอดผู้ติดเชื้อรวมอยู่ที่ 3,037 ราย ยอด Active cases มีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่องเหลือเพียง 71 ราย มียอดผู้เสียชีวิตแล้ว 56 ราย และรักษาหายแล้ว 2,910 ราย ขณะที่ยอดผู้ติดเชื้อใหม่รายวัน (Daily new cases) มีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อวานนี้ไม่มีการตรวจพบผู้ติดเชื้อใหม่ (0 เคส)
Source: worldometers
อย่างไรก็ตาม หลายฝ่ายกังวลว่าการกลับมาเปิดเมืองและธุรกิจต่างๆ อีกครั้ง อาจจะทำให้เกิดการระบาดในระยะที่ 2 ตามมาอีกได้ และอาจจะทำให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้นอีกครั้ง ซึ่งหลังจากการกลับมาเปิดเมืองในครั้งนี้ จำทำให้ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 มีแนวโน้มเป็นอย่างไรต่อไป ? ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด ที่สำคัญคือ การ์ดอย่าตกเด็ดขาด สู้ๆ ครับ !!! ✌️
💰💎📌 สนใจเปิดพอร์ตลงทุนกับ "หลักทรัพย์หยวนต้า (Yuanta Securities)" ติดต่อได้ที่ Inbox เพจ "คลินิกการลงทุน" คลิกที่ "Contact Us" ด้านล่างนี่ได้เลยครับ 👇👇👇
ประธานาธิบดีทรัมป์ ขู่เตรียมตอบโต้จีนกลับอย่างรุนแรง หลังประธานาธิบดีจีน สี จิ้นผิง ประกาศเตรียมจัดตั้งระบบและกฎหมายควบคุมฮ่องกงอย่างเข้มข้น พร้อมยกเลิกการกำหนดเป้า GDP !!! / โดย คลินิกการลงทุน
ช่องทางติดตาม "คลินิกการลงทุน"
#คลินิกการลงทุน
โฆษณา