23 พ.ค. 2020 เวลา 12:04 • สุขภาพ
ภัยจากน้ำตาลกับเทรนด์ทางเลือกทดแทน
เครดิตภาพจาก pixabay
หันมาดูแลสุขภาพกัน จะได้เที่ยวกันนาน ๆ นะคะ
ตามที่ได้รู้กันอยู่แล้วว่าการกินน้ำตาลในปริมาณที่มากเกินไปเป็นอันตรายต่อสุขภาพ เช่น โรคอ้วน เสี่ยงเกิดสิว ทำให้เซลเสื่อมสภาพ เสี่ยงไขมันพอกตับ และเสี่ยงเป็นโรคมะเร็ง ปริมาณน้ำตาลที่องค์การอนามัยโลก(World Health Organization: WHO) แนะนำให้ผู้ใหญ่และเด็กบริโภคน้ำตาลไม่เกิน 6 ช้อนชา หรือ 24 กรัม/วัน ในขณะที่คนไทยบริโภคน้ำตาลอยู่ในระดับสูงมาก คือ มากกว่า 20 ช้อนชา/วัน
ปัจจุบันผู้บริโภคชาวอเมริกันหันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้นและบริโภคอาหารและเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลในอาหารและเครื่องดื่มลดลงอย่างมาก ทางเลือกการทดแทนผลิตภัณฑ์แทนความหวานที่ให้พลังงาน ต่ำ คือ น้ำตาลอัลกอฮอล์ และสารให้ความหวานธรรมชาติ เช่น
1.ผลิตภัณฑ์จาก หญ้าหวาน (Stevia) เป็นสารให้ความหวานธรรมชาติที่นิยม เนื่องจากทางองค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกาได้มีการรับรองไว้ และให้ความหวานมากกว่าน้ำตาล 200-300 เท่า ไม่ให้พลังงาน (-100 % เทียบกับน้ำตาล)
หญ้าหวาน (Stevia)
2.ไซลิทอล (Xylitol) เป็นน้ำตาลอัลกอฮอล์ ใช้ให้ความหวานเพื่อทดแทนน้ำตาล ซึ่งมีอยู่ในธรรมชาติ พบได้ในผัก ผลไม้หลายชนิด และไซลิทอลใช้ในทางการแพทย์เป็นอาหารทางสายของผู้ป่วย ให้ความหวานเท่าน้ำตาลและให้พลังงานต่ำ (-40 % เทียบกับน้ำตาล)
3.น้ำตาลอิริทริทอล (Erythritol) เป็นน้ำตาลอัลกอฮอล์ สกัดจากข้าวโพด และมันฝรั่ง ให้ความหวานน้อยกว่าน้ำตาลแต่ให้พลังงานต่ำ (-95 % เทียบ กับน้ำตาล)
4.น้ำเชื่อมบัวหิมะ (Yacon Syrup) ได้จากบัวหิมะซึ่งเป็นพืชในตระกูล ทานตะวัน พบในอเมริกาใต้
5.น้ำตาลจากมะพร้าว ความหวานจากธรรมชาติที่ผลิตจากสายพันธุ์ของต้น ดอกตูมของต้นมะพร้าว
6.น้ำผึ้ง ให้ความหวานจากธรรมชาติ
7.ผลิตภัณฑ์จาก หล่อฮั่งก้วย (Monk Fruit extract) เป็นสารให้ความหวาน ธรรมชาติ ให้ความหวานมากกว่าน้ำตาล 150-300 เท่า และไม่ให้พลังงาน (- 100 % เทียบกับน้ำตาล)
ตัวอย่างผลิตภัณฑ์สารให้ความหวานดูได้จาก
การหันมารักสุขภาพที่ทำให้พฤติกรรมการบริโภคน้ำตาลของชาวอเมริกัน เปลี่ยนไป ทางภาคเอกชนในสหรัฐยังสนับสนุนการผลิตสารให้ความหวานที่หลากหลายเพื่อเป็นทางเลือกให้อีกด้วย
นอกจากนั้นในต่างประเทศเช่นสหรัฐอเมริกา อังกฤษ ไอร์แลนด์ สเปน ฝรั่งเศส และอีกหลายประเทศ มีการเก็บภาษีความหวานก่อนหน้าประเทศไทย
ส่วนไทยเรามีการเริ่มทยอยเก็บภาษีความหวานแล้ว และมีการปรับอัตราภาษีความหวานเป็นอัตราก้าวหน้าส่งผลให้เครื่องดื่มที่มีน้ำตาลหลายตัวขยับ ราคาสูงขึ้น แต่การที่อุตสาหกรรมมีการออกเครื่องดื่มประเภท
“ ซีโร่ ชูการ์” หรือ “ โลว์ ชูการ์”
น่าจะช่วยในด้านสุขภาพได้ดีกว่าการขึ้นภาษีความหวานเพราะผู้บริโภคต้อง รับภาระราคาที่สูงขึ้น
จากกระแสคนรักสุขภาพที่เกิดขึ้นทั่วโลก ปัจจุบันในไทยก็มีร้านอาหารเพื่อ สุขภาพไร้น้ำตาลอย่าง “Club No Sugar Ketogenic” หรือ “Almond ร้าน อาหารไม่แป้ง ไม่ชูรส ไม่น้ำตาล ” บางคนทำอาหารมากินเองที่ทำงาน สามารถลดปริมาณน้ำตาลหรืออาจใช้สารทดแทนซึ่งทำได้ก็ดีที่สุด
เมื่อรู้ถึงภัยของการบริโภคน้ำตาลที่มากเกินไป ก็ลองมาปรับพฤติกรรมการ กินโดยกินผลไม้สดแทนน้ำผลไม้ ซึ่งก็มีความหวานตามธรรมชาติอยู่แล้ว กาแฟดำไม่ใส่น้ำตาล หรือหลีกเลี่ยงขนมหวาน เชื่อว่าเทรนด์การใช้สารทดแทนน้ำตาลคงจะเป็นทางเลือกสำหรับคนขาดหวานไม่ได้
ข้อมูลอ้างอิงบางส่วนจาก
ศูนย์ข้อมูลเพื่อธุรกิจไทยในสหรัฐฯ
สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ https://cities.trueid.net/post/67438
โฆษณา