Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Jeerawat Meekun
•
ติดตาม
24 พ.ค. 2020 เวลา 08:10 • การศึกษา
รับใช้ชาติ 2 ปี ได้อะไรมากกว่าที่คุณคิด (ประสบการณ์เป็นทหาร 2 ปี ได้อะไร)
คำว่า ทหาร ชายหลายคนอาจคงกลัวคำนี้ หลายคนอาจหลีกเลี่ยงการเป็นทหารด้วยวิธีต่างๆในหลายรูปแบบ ซึ่งผมจะไม่ขอเอ่ยในที่นี้ แต่บทความที่ผมจะมาเขียนนั้น ผมจะขอแชร์ประสบการณโดยตรงของผม ที่ได้มีโอกาสไปรับใช้ชาติ 2 ปี ที่ค่ายสรรพสิทธิประสงค์ อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี ซึ่งก่อนอื่น ผมขอเล่าประวัติย่อๆของผมก่อนเลยแล้วกันนะครับ ผมชื่อ นายจีรวัฒน์ มีคุณ ชื่อเล่นชื่อ เจ เกิดเมื่อวันที่ 12 มกราคม พ.ศ.2540 ผมเป็นคน อ.เขื่องใน จ.อุบลราชธานี ในปี พ.ศ.2561 ในเดือน เมษายน ซึ่งชายไทยที่มีอายุครบ 22 ปี จะต้องเข้ารับการคัดเลือกมาเป็นทหารกองประจำการ ซึ่งผมคือ 1 ในนั้น ในวันที่ 4 เมษายน พ.ศ.2561 ผมได้เข้ารับการคัดเลือกให้เป็นทหารกองประจำการ ผมเลือกวิธีการจับใบดำ-ใบแดง ซึ่งวิธีการมันมีให้เลือกหลากหลายครับ 1.เราจะเลือกผ่อนผัน 2.เลือกสมัครใจเข้ามา ซึ่งการสมัครใจเข้ามานี้ มีระยะเวลารับใช้ชาติที่แตกต่างกัน ตามวุฒิการศึกษาของเราครับ เช่น วุฒิ ม.3 หรือ ต่ำกว่า ม.3 ถ้าเราสมัครใจ เราจะได้รับใช้ชาติ 2 ปีเหมือนเดิมครับ วุฒิ ปวช,ม.6 ถ้าเราสมัครใจ เราจะได้รับใช้ชาติ 1 ปีครับ ส่วนวุฒิ ปวส.,ป.ตรี หรือสูงกว่า เราจะได้รับใช้ชาติ 6 เดือนครับ 3. คือการเสี่ยงโชค จับใบดำ-ใบแดง ซึ่งเป็นวิธีที่ผมเลือกในขณะนั้น ซึ่งการจับใบดำ-ใบแดงนี้ ก็มีระยะเวลารับใช้ชาติที่แตกต่างกัน ตามวุฒิการศึกษาของเราเหมือนกัน แต่จะแตกต่างคือ วุฒิต่ำกว่า ม.3 จะได้รับใช้ชาติ 2 ปี เช่นเดียวกับการสมัครใจครับ ส่วนวุฒิ ปวช,ม.6 จะได้รับใช้ชาติ 2 ปีเช่นกันครับ ส่วนวุฒิ ปวส,ป.ตรี จะได้รับใช้ชาติแค่ 1 ปีครับ
และตัวผมเองมีวุฒิการศึกษาแค่ ม.6 ผมได้เลือกที่จะเสี่ยงโชค คือ จับใบดำ-ใบแดงนั่นเองครับ ในวันนั้นผมได้ทำการตรวจร่างกาย ผ่านเรียบร้อยแล้ว ถึงคราวที่ต้องเสี่ยงโชค เพื่อนผมที่มาด้วยกัน 4 คน ซึ่ง 3 คนแรกที่จับก่อนผม ได้ใบดำทั้งหมดครับ ส่วนผมได้ใบแดงคนเดียว ต้อนที่เขาประกาศว่าผมได้ใบแดง ผมหูดับเลยครับ ไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย และรู้สึกเสียใจนิดๆ แต่ก็ไม่ได้เสียใจอะไรมาก เขาก็เอาผมไปกรอกประวัติคร่าวๆ ส่วนแม่ของผมที่มารอเชียร์นั้น แกร้องไห้เลยครับ ผมก็ไม่ได้เสียใจอะไรมาก
พอถึงวันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ.2561 ถึงคราวที่ผมต้องเข้ากรมฯ เพื่อรับใช้ชาติ เข้าไปที่ กองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 6 ค่ายสรรพสิทธิประสงค์ อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี ก่อนหน้านี้ผมก็ได้ศึกษาเกี่ยวกับการเป็นอยู่ของพลทหารมาแล้วคร่าวๆ ผมจึงไม่ได้ตื่นเต้นอะไรมาก ก็มีการเก็บของที่เรานำมาจากบ้าน ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า รองเท้า เงิน ทอง โทรศัพท์ ทุกอย่างที่เป็นของพลเรือนเขาจะเก็บหมดครับ แม้แต่กางเกงในของเราเขาก็ยังเอาไป 555 พอเก็บเสร็จเขาก็จะแจกจ่ายของที่เป็นของกองทัพบกให้เรา ไม่ว่าจะเป็นเสื้อ กางเกง รองเท้า ผ้าเช็ดตัว คืออารมณ์แบบว่า คุณจะรวยมากจากไหน คุณจะใหญ่มาจากไหน มาอยู่นี่ทุกคนเท่าเทียมกันหมดครับ ใครได้อะไร เพื่อนๆก็ได้เหมือนกันครับ และแล้วผมก็ได้ฝึกทหารมาเป็นเวลา 3 เดือนกับอีก 10 วัน ช่วงเวลาฝึกก็ไม่ได้ใช้โทรศัพท์ ไม่ได้ใช้เงิน ได้กินแต่ของที่เขาจัดให้ครับ จะได้กินดีๆหน่อยก็ตอนเยี่ยมญาติ ในทุกๆวันอาทิตย์ครับ
ผมจะข้ามมาถึงตอนขึ้นกองร้อยเลยแล้วกันนะครับ
พอขึ้นกองร้อย หน้าที่ของแต่ละคนจะแตกต่างกันไป ใครมีความสามารถในด้านไหน เขาจะแยกกันออกครับ เช่น ช่าง คนตัดหญ้า คอมพิวเตอร์ เป็นต้น ส่วนผม พอที่จะใช้คอมพิวเตอร์ได้ เขาเลยเลือกให้ผมมาเป็น บก.ร้อย ซึ่งคอยจีดทำเอกสารต่างๆที่จ่ากองร้อย กับเสมียรกองร้อยสั่งครับ คอยจัดเวรรักษาการณ์หน้าคลังอาวุธให้กับเพื่อนๆพลทหาร ซึ่งใน 1 ปี 6 เดือนแรกนั้น ผมมาทำงานใน บก.ร้อยนี้ ส่วนที่เหลือ 6 เดือนสุดท้าย ผมได้ไปประจำการอยู่ที่ ภูมะเขือ ชายแดนไทย-กัมพูชา จ.ศรีสะเกษ ครับ ซึ่งตำแหน่งที่ผมไปประจำการนั้นคือ พลวิทยุ ครับ ซึ่งเหมือนเดิมครับ หน้าที่ผมคือ เป็นทหาร บก. ประจำอยู่ บก.ร้อย หน้าที่ก็เหมือนกับที่อยู่กองร้อยนั่นแหละครับ คอยทำเอกสารที่จ่ากองร้อยกับเสมียรกองร้อยสั่ง แต่การทำเอกสารนี้ จะแตกต่างกับที่ทำอยู่กองร้อยครับ ผมได้ประจำอยู่ที่นั่น 6 เดือนครับ ได้กลับบ้านเดือนละ 1 ครั้ง ครั้งละ 7 วัน และค่าตอบแทนที่นั่น กับที่กองร้อย แตกต่างกันมากครับ เบี้ยเลี้ยงที่กองร้อย จะได้รับวันละ 96 บาท หักค่าข้าวค่าน้ำ จะเหลือแค่ 36 บาท/วันครับ แต่ที่นี่ได้วันละ 200 บาท/วัน หักค่าข้าวค่าน้ำเหลือ 180/วันครับ ซึ่งค่าข้าวค่าน้ำนี้ ทางกองร้อยเป็นคนหักเรานะครับ
ซึ่งผมอยู่ที่นั่นได้ 6 เดือนแล้ว ถึงเวลาที่ผมจะได้ปลดประจำการแล้วครับ ก่อนปลดประจำการผมได้กลับมาอยู่ที่กองร้อยอีก 1 เดือนก่อนปลด คือเดือน เมษายน พ.ศ.2563 ซึ่งงานที่ผมทำตอนนี้ไม่ใช่งานเดิมแล้วนะครับ เพราะเขาให้ทหารรุ่นน้องที่พึ่งขึ้นมาทำแทนผม ผมได้มาตัดหญ้า ทำงานโยธาที่หนักๆ แต่ผมก็ผ่านมาได้ด้วยดีครับ วันที่ผมปลดประจำการเป็นวันที่ผมภูมิใจมากเลยครับ และอีกอย่างคือ ผมได้รับรางวัล “พลทหารดีเด่น” อีกด้วยครับ สุดยอดไหมละ 555
และสุดท้ายนี้ผมจะมาบอกกับทุกคนถึงข้อดี-ข้อเสียของการได้เป็นทหาร
ข้อดีคือ
1.เราจะได้เพื่อนใหม่อีกมากมาย ทั้งดีและไม่ดี แล้วแต่เราจะเลือกคบ
2.เราจะได้ความเป็นระเบียบ มีวินัยมากขึ้น
3.ส่วนใครที่ชอบทางนี้ เขาจะให้คะแนนสอบต่อเป็นนักเรียนนายสิบ ประมาณ 5 คะแนน แต่ตอนที่ผมปลด มันเป็นช่วงไวรัส covid-19 ระบาด ไม่มีการเกณฑ์ทหารเข้ามา เขาจึงอยากให้ผลัดปลดที่ปลดในปี พ.ศ.2563 อยู่ต่อด้วยความสมัครใจ ซึ่งแน่นอนครับใครที่อยู่ต่อสวัสดิการเพียบครับ 1 ในนั้นคือ การันตีให้ได้เป็นนักเรียนนายสิบประมาณ 80%
4.คือเราได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆมากมาย อะไรที่ไม่เคยทำก็ได้ทำ อะไรที่ไม่เคยกินก็ได้กิน (ผมได้กินไข่ต้มไม่ปลอกเปลือกครับ)
5.คือได้เรียนรู้นิสัยของเพื่อนแต่ละคน
6.ได้มีเงินเก็บซึ่งทางกองร้อยเก็บให้
ส่วนข้อเสียในที่นี้ผมจะไม่ขอพูดแล้วกันนะครับเพราะตัวผมเองคิดว่าไม่มีข้อเสียเลยในการที่ผมไปรับใช้ชาติ 2 ปี
ที่มา FB : Jeerawat Meekun
1 บันทึก
4
4
1
4
4
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย