Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
หามาเล่า
•
ติดตาม
24 พ.ค. 2020 เวลา 15:00 • การศึกษา
ตำนานเสือสมิง
ในด้านความเชื่อของคนไทยเกี่ยวกับเรื่องของเจ้าป่าเจ้าเขา ส่วนใหญ่หลายๆคนก็คงจะเคยได้ยินกันมาบ้างว่า เวลาที่เราจะเข้าป่า ทุกครั้งจะต้องมีการกราบไหว้ มีการขอขมาเจ้าที่เจ้าทาง เพราะว่าพวกเขาเหล่านี้อยู่ปกปักรักษาผืนป่านี้มาก่อนเรา
สำหรับใครบางคนที่เข้าป่า ขึ้นเขา มีจุดประสงค์ที่ไม่ดี ยกตัวอย่างเช่น การล่าสัตว์ การตัดไม้ทำลายป่า หรือการเผาป่า เจ้าป่าเจ้าเขาก็จะมาลงโทษคนเหล่านั้นในรูปแบบที่แตกต่างกันออกไป
ซึ่งความเชื่อเหล่านี้เชื่อว่าหลายๆคนก็น่าจะรู้กันอยู่แล้ว และหนึ่งในความเชื่อที่คนเชื่อถือกันมาก และเชื่อว่ามันมีอยู่จริงเกี่ยวกับเจ้าป่าเจ้าเขา นั่นก็คือเรื่อง "เสือสมิง"
โดยตามข้อมูล พจนานุกรมราชบัณฑิตยสถานปี 2542 ได้ให้ความหมายเกี่ยวกับเสือสมิงไว้ว่า แต่เดิมเสือสมิงเป็นคนมาก่อน แต่คนๆนั้นได้ทำการร่ำเรียนวิชาอาคมทางด้านศาสตร์มืดที่ค่อนข้างแข็งแกร่งมาก จนสามารถแปลงกายเป็นเสือได้ หรืออีกหนึ่งอย่างตามความเชื่อที่คนเชื่อถือกันมากก็คือ เป็นเสือที่กินมนุษย์เข้าไปเป็นจำนวนมาก จนทำให้วิญญาณของผู้ตายเข้าไปสิงร่างเสือตัวนั้น และทำให้เสือตัวนั้นสามารถจำแลงแปลงกายเป็นคนได้ในที่สุด
1
และความเชื่อทางด้านศาสตร์มืดเขายังบอกอีกว่า หากใครต้องการที่จะแปลงกายเป็นเสือสมิงได้ หรือทำการควบคุมเสือสมิง จะต้องมีการร่ำเรียนทางศาสตร์มืดเกี่ยวกับเสือทั้งหมดเลย ไม่ว่าจะเป็นวิธีการเรียก วิธีการควบคุม หรือแม้แต่วิธีการเลี้ยง แล้วรวมถึงการควบคุมสัตว์เดรัจฉานทั้งหมดด้วย
ซึ่งถ้าหากว่าคนๆนั้นร่ำเรียนวิชาตรงนี้ได้ทั้งหมดแล้ว ก็จะสามารถแปลงกายเป็นเสือสมิงได้ หรือสามารถเรียกวิญญาณเสือเข้ามาปกปักรักษา หรือเอาไปทำร้ายคนอื่นก็มีเช่นกัน
แต่ความเชื่อนี้เขาก็ยังเพิ่มเติมไว้อีกว่า ในกรณีที่สามารถแปลงกายเป็นเสือสมิงได้แล้ว ในตอนนั้นจะยังไม่เป็นเสือสมิงโดยสมบูรณ์ แต่หากต้องการที่จะทำให้สมบูรณ์ ภารกิจสุดท้ายของการแปลงเป็นเสือสมิงคือการฆ่าคนนั่นเอง และตรงนี้ก็คือเบื้องต้นเกี่ยวกับเสือสมิง ที่ตามความเชื่อเขาเชื่อกันมา
1
อย่างที่บอกไปว่า ความเชื่อก็ยังเป็นความเชื่อ แต่ความเชื่อตรงนี้ ยังมีข้อสังเกตที่น่าสนใจคือ ได้มีเหตุการณ์ประหลาดๆ หลายอย่างเกิดขึ้น และมีบันทึกข้อมูลลายลักษณ์อักษรไว้ เรื่องของตำนานเสือสมิง มีเรื่องเล่าอยู่เยอะแยะมากมาย ตามที่ได้ไปหาข้อมูลมา มีทั้งเรื่องของตำนานที่บอกต่อๆกันมา ตำนานที่เป็นความเชื่อที่เขาเห็น เป็นภาพเลือนลาง หรือเป็นตำนานที่เขามโนขึ้นมาก็มีเยอะแยะมากมายเช่นกัน
แต่ตำนานที่น่าสนใจมากที่สุดมีอยู่ 2 ตำนาน ซึ่งสองตำนานนี้เป็นเรื่องที่คนพูดถึงกันมาก พูดเป็นเสียงเดียวกัน และไม่ได้พูดแค่พื้นที่เดียวแต่พูดในหลายๆพื้นที่ในประเทศไทย บอกเหมือนกันว่ามันเกิดสิ่งๆนี้จริงๆ
ตำนานแรกคือตำนานเกี่ยวกับเรื่องของคำบอกเล่าของพระธุดงค์ ได้บอกไว้ว่าได้มีพระธุดงค์รูปหนึ่งทำการธุดงค์ไปถึงสำนักสงฆ์แห่งหนึ่งในบริเวณใต้เชิงเขาในป่าลึก ซึ่งตามตำนานท่านได้บอกไว้ว่า ในตอนแรกมองไกลๆเหมือนไม่ใช่สำนักสงฆ์เลย เพราะภาพที่เห็นเป็นเหมือนสำนักสงฆ์ร้าง ที่สภาพมีแต่ของเก่าผุพัง และมีหยากไย่ใยแมงมุมเต็มไปหมด ซึ่งในตอนแรกเมื่อท่านเห็นแบบนั้น ท่านก็คิดว่าคงจะเป็นสำนักสงฆ์ร้าง และไม่มีพระสงฆ์อยู่ แต่พอเดินเข้าไปใกล้ๆ และเข้าไปสังเกตการณ์ในสำนักสงฆ์นั้น ปรากฏว่าพระธุดงค์ท่านนี้ได้เจอกับพระรูปหนึ่งกำลังนอนจำวัดอยู่ ซึ่งลักษณะของพระรูปนั้นที่ท่านเห็นในแว๊บแรกคือ พระรูปนี้มีหน้าตาที่ดุร้าย และมีความรู้สึกว่าเหมือนกำลังจ้องมองเสืออยู่ ในตอนนั้นเองพระรูปนั้นก็ได้ตื่นขึ้นมา และทำการทักทายพระธุดงค์พร้อมกับเชิญชวนพระธุดงค์ว่า ท่านทำการธุดงค์มาไกล ถ้าท่านจะธุดงค์ไปต่อแนะนำว่าให้จำวัดอยู่กับเขาก่อนหนึ่งวัน เพราะในผืนป่าแห่งนี้มีเสือดุร้ายอยู่จำนวนเยอะมาก ด้วยความเป็นห่วงจึงแนะนำให้อยู่ก่อน และพอถึงรุ่งเช้าค่อยไปธุดงค์ต่อจะดีกว่า พระธุดงค์ได้ยินแบบนั้นก็รู้สึกแปลกๆ เพราะว่าในตลอดเวลาที่ท่านธุดงค์มานั้น ท่านไม่เจอสัตว์ร้าย เจอแต่สัตว์ป่าทั่วไป และไม่ได้มีพิษภัยอะไร แต่ทำไมพระรูปนี้ถึงชวนพระธุดงค์นอนจำวัดกับเขาด้วย เลยเกิดความสงสัยขึ้นมา แต่ด้วยระยะเวลาที่ธุดงค์ในตอนนั้นเป็นช่วงเวลาเย็น เลยจำเป็นจะต้องจำวัดอยู่ที่นั่น แต่ไม่ได้จำวัดกับพระในสำนักสงฆ์นั้น เขาได้ปฏิเสธพระรูปนั้นและได้บอกไปว่า เราจะขอพักอยู่บริเวณลานกว้างแถวๆสำนักสงฆ์นี้แทนแล้วกัน ซึ่งพอพระธุดงค์ได้บอกไปแบบนั้น ทางพระที่จำวัดอยู่ก็ไม่ได้มีท่าทีอะไร ไม่ได้ปฏิเสธอะไร และบอกว่าให้เชิญอยู่ตามสบายเลย ในคืนนั้นเองพระธุดงค์ก็ได้นึกออกพอดีว่าในขณะที่เขากำลังเข้าป่าผืนนี้มา เขาได้รับคำเตือนจากชาวบ้านในขณะที่กำลังเดินเข้ามาว่า ท่านพระธุดงค์หากท่านจะธุดงค์เข้าไปในป่านี้และจะเข้าไปพัก แนะนำว่าให้ธุดงค์ไปให้สุดป่าและจะเจอวัดที่นึง ที่มีพระอาศัยอยู่จำนวนมาก และให้ไปพักที่นั่นดีกว่า เพราะว่าในป่านี้มีพระที่ร่ำเรียนวิชาทางสายอาคมมืด จนชาวบ้านเล่ากันว่าพระรูปนี้อาจจะเป็นเสือสมิงแปลงกายมาก็เป็นได้ เพราะว่ามีพระหลายรูปที่ธุดงค์เข้าไปในป่านี้ ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันเลยว่า ในเวลาตอนกลางคืนที่พระส่วนใหญ่เข้าไปพัก มักจะได้ยินเสียงเสือกำลังเดินวนรอบๆอยู่ในบริเวณที่พระนอนอยู่ ซึ่งเรื่องเล่าตรงนี้ไม่ได้เกิดขึ้นกับพระแค่รูปเดียว แต่เกิดขึ้นกับพระหลายรูปมาก และพระแต่ละรูปกลับมาด้วยสภาพที่สะบักสะบอม พระธุดงค์ได้ยินแบบนั้นก็รู้สึกว่า เป็นไปได้ไหมที่สำนักสงฆ์แห่งนี้อาจจะเป็นเสือสมิงแปลงกายมา เขาเลยได้ทำการหยิบควายธนูขึ้นมา และลงคาถาอาคมว่า หากมีใคร หรือหากมีสิ่งอะไรเข้ามาปองร้าย เข้ามาทำการรบกวน ขอจงให้ควายธนูของเขาปัดเป่าและไล่สิ่งนั้นออกไปให้หมด ในคืนนั้นเองหลังจากที่พระธุดงค์ได้หลับไปแล้ว และวางควายธนูไว้ป้องกันตัวเอง ปรากฏว่าช่วงที่นอนอยู่ เขาได้ยินเสียงเหมือนควายธนูกำลังหายใจอย่างรุนแรง และตะกุยดินพร้อมที่จะต่อสู้กับอะไรบางอย่าง และในตอนนั้นเองก็ได้ยินเสียงเหมือนมีการปะทะกันของสัตว์สองชนิด แต่พระธุดงค์รูปนั้นก็ไม่ได้มีการลุกขึ้นมาดูแต่อย่างใด ได้แต่นอนหลับตาและตั้งจิตภาวนาว่าขอให้ผ่านวันนี้ไปอย่างรวดเร็วด้วยเถิด ซึ่งเสียงที่พระธุดงค์ได้ยินนั้น ก็ได้มีการปะทะกันอยู่สักพักก่อนที่จะเงียบหายไป และในเวลารุ่งเช้าต่อมา พระสงฆ์รูปนี้ก็ต้องการที่จะธุดงค์ต่อแล้ว เลยได้ทำการเข้าไปที่สำนักสงฆ์ร้างแห่งนั้นเพื่อที่จะเข้าไปกราบลาหลวงพี่ที่จำวัดอยู่ แต่ภาพที่เขาเห็นในตอนนั้นนั่นก็คือ พระรูปนั้นที่เขาเห็นในตอนแรกมีสภาพสะบักสะบอมเหมือนไปต่อสู้กับอะไรมา จีวรฉีกขาด นอนแน่นิ่งไม่พูดไม่จาและหายใจอ่อนมาก เลยทำให้พระธุดงค์สงสัยว่าพระรูปนี้เขาไปทำอะไรมาในตอนกลางคืน แต่ในตอนนั้นเองเขาก็ไม่ได้อยากคิดอะไรมาก เขาเลยได้ทำการลาพระสงฆ์ที่จำวัดอยู่และทำการออกเดินทางต่อแต่ก่อนที่จะออกเดินทางนั้นพระสงฆ์รูปนั้นก็ได้ฝืนตัวเองลุกขึ้นมาพร้อมกับบอกพระธุดงค์ว่า ถ้าท่านเหนื่อยอยากพักต่อท่านสามารถจำวัดที่นี่ได้อีกคืนหนึ่ง พระธุดงค์ก็ได้ปฏิเสธและได้เดินทางออกจากสำนักสงฆ์นั้นไป และนี่คือตำนานแรกที่เขาพูดกันมา และแต่ละคนเชื่อว่านี่อาจจะเป็นเสือสมิงที่แปลงกายมา ต้องการที่จะจองเวรจองกรรมหรืออวดอ้างวิชาให้ดูว่า อย่าได้เข้ามาในพื้นที่แถวนี้อีก เพราะพื้นที่แถวนี้เป็นของเขานั่นเอง
2
ส่วนอีกตำนานหนึ่ง ตำนานนี้เกิดขึ้นที่เขาใหญ่ในประเทศไทยเราเขาได้บอกไว้ว่า เขาใหญ่ในช่วงเวลานั้นชาวบ้านกำลังเดือดร้อนกับปัญหาเสือโคร่งขนาดใหญ่ที่มาจากไหนก็ไม่รู้ และบุกเข้ามาในหมู่บ้านพร้อมกับจู่โจมคนในหมู่บ้าน ว่ากันว่าคนในหมู่บ้านหายไปอย่างลึกลับ คนเหล่านั้นอาจจะถูกเสือโคร่งตัวนี้ล่า และจับไปกินหมดเลยก็เป็นได้ และปัญหาเหล่านี้ก็เกิดมาเป็นระยะเวลานานและสร้างปัญหาให้กับชาวบ้านในหมู่บ้านนั้นมาก เขาเลยได้ทำการติดต่อไปที่เจ้าหน้าที่ตระเวนชายแดนเพื่อที่จะให้เข้ามาจัดการกับเสือตัวนี้ เพราะไม่ฉะนั้นอาจจะทำให้ชาวบ้านสูญหายไปเพิ่มอีกก็เป็นได้ แล้วตามข้อมูลเขายังได้บอกอีกว่าได้มีอยู่คืนหนึ่งที่มีเจ้าหน้าที่พักอยู่ในบ้านพักทรงสูง อยู่ดีๆเจ้าหน้าที่ก็ได้รู้สึกถึงแรงสั่นระดับหนึ่ง เหมือนมีอะไรบางอย่างกำลังเขย่าเสาบ้านหรือตะกุยเสาบ้านอย่างรุนแรง เขาเลยได้ทำการออกมาเช็ค และมองไปข้างล่างจากทางหน้าต่างปรากฏว่าเขาเห็นเสือโคร่งขนาดใหญ่กำลังตะกุยเสาบ้านอยู่ ซึ่งในตอนนั้นเองที่เขาเห็นเขารู้เลยว่าเสือตัวนี้แหละคือเสือที่ชาวบ้านพูดถึง เขาเลยได้ทำการหยิบปืนขึ้นมายิงเสือตัวนั้นไปหนึ่งนัด ก่อนที่เสือตัวนั้นจะคำรามออกมาและวิ่งหายไปในป่า ต่อมาในเวลารุ่งเช้าเจ้าหน้าที่ก็ได้ตามรอยเลือดของเสือตัวนั้นไป ปรากฏว่าไปถึงจุดจุดหนึ่งในบริเวณใต้หน้าผา เขาก็ได้พบกับป่องโพรงที่หนึ่ง และคาดว่าอาจจะเป็นที่อยู่ของเสือตนนี้ และรอยเลือดก็ได้มาประจบอยู่ที่หน้าโพรงนี้พอดี และสอดส่องเข้าไป ปรากฎว่าสิ่งที่เขาเห็นนั่นคือ เป็นสิ่งมีชีวิตตัวหนึ่งกำลังนอนแน่นิ่งอยู่ในโพรงนั้น แต่สิ่งมีชีวิตตัวนั้นไม่ใช่สิ่งมีชีวิตธรรมดา เป็นสิ่งมีชีวิตที่ครึ่งล่างเป็นเสือ แต่ครึ่งบนเป็นมนุษย์ ซึ่งตรงนี้ทางชาวบ้านเขาคาดการณ์ว่าน่าจะเป็นเสือสมิงที่ยังคืนร่างไม่สมบูรณ์ แต่ทนพิษบาดแผลไม่ไหวจึงนอนตายคาสภาพนั้น
นี่ก็คือตำนานที่น่าสนใจมากที่สุด และเป็นตำนานที่คนพูดถึงมากเกี่ยวกับเรื่องของเสือสมิง
9 บันทึก
13
2
6
9
13
2
6
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย