25 พ.ค. 2020 เวลา 08:30 • ไลฟ์สไตล์
ถอดรหัส "เงิน 4 ด้าน" ทำข้อไหนดีกว่ากันแน่
คงไม่มีใครไม่รู้จักหนังสือขายดีตลอดกาล พ่อรวยสอนลูก (Rich Dad, Poor Dad) ที่เขียนโดยคุณ 'โรเบิร์ต คิโยซากิ' ใช่ไหมครับ
ผมจำได้ว่าอ่านหนังสือเล่มนี้ครั้งแรกเมื่อตอนอายุประมาณ 10 ขวบ ซึ่งยอมรับว่าตอนนั้นอ่านไม่รู้เรื่องเลยครับ 😅
แต่พอโตขึ้นมาถึงจุดหนึ่ง...
สิ่งแรกที่ผมเรียนรู้จากหนังสือเล่มนี้ก็คือ
"เงิน 4 ด้าน"
ซึ่งเป็นทฤษฎีของคุณ โรเบิร์ต ที่แบ่งประเภทงานออกเป็น 4 ส่วน ได้แก่
1
E : Employee ลูกจ้าง
S : Self-Employed เจ้าของกิจการขนาดเล็ก
B : Business Owner เจ้าของบริษัทขนาดใหญ่
I : Investor นักลงทุน
โดยแบ่งอีกว่า E และ S เป็นอาชีพประเภท 'Active Income' คือต้องทำงานตลอดหยุดแล้วไม่มีรายได้
ส่วน B และ I อยู่ในประเภท 'Passive Income' คืออาชีพที่แม้จะหยุดหรือผ่อนแรงลงก็ยังมีรายได้เข้ามาครับ
ผมจำได้ว่าเคยถูกสอนโดยบริษัทธุรกิจเครือข่าย (MLM) เจ้าหนึ่งว่า
การเป็นลูกจ้าง (E) นั้นรวยยากรวมถึงไม่สามารถหยุดงานที่ทำได้ ในขณะที่เจ้าของกิจการขนาดเล็ก (S) นั้นรวยกว่าแต่ก็เหนื่อยมากและหยุดไม่ได้เช่นเดียวกัน ส่วนการเป็นนักลงทุน (I) นั้นก็ต้องใช้เงินลงทุนที่สูง
เพราะฉนั้นดีที่สุดคือการเป็น (B) เจ้าของบริษัท ซึ่งพอทำงานถึงจุดหนึ่งสามารถหยุดทำงานและยังมีรายได้! พอทางบริษัทพรีเซ้นต์จบ ผมก็สมัครเข้าไปทำงานเลยครับ 😅
ถามว่าสิ่งที่บริษัทธุรกิจเครือข่ายสอนผมเป็นสิ่งที่ผิดไหม?
ก็ไม่ผิดแต่คงไม่ถูกทั้งหมดครับ
ซึ่งผมเองใช้เวลาไปเยอะเหมือนกันกว่าจะเข้าใจ
สิ่งที่คุณ โรเบิร์ต ตั้งใจจะบอกจริงๆ เกี่ยวกับทฤษฎีนี้
1
(1) อันดับแรกเลย ทุกอาชีพสามารถรวยได้ครับ
6
ไม่ว่าจะเป็นฝั่งไหนของตาราง เรามักเคยเห็นคนที่ประสบความสำเร็จในแต่ละด้านมาแล้วทั้งสิ้น ทั้งลูกจ้าง เจ้าของกิจการ เจ้าของบริษัท หรือนักลงทุน
1
ผมไม่อยากให้ทุกคนมี Mindset ตั้งต้นว่า ถ้าจะรวยเราต้องทำช่องนี้เท่านั้น แต่ควรมองหาสิ่งที่เหมาะกับเราจริงๆ จากทั้ง 4 ช่องทางครับ
(2) อาชีพทุกช่องไม่ได้เหมาะกับคนทุกคน
อย่างเช่นผมที่เคยอยู่ในบริษัทธุรกิจเครือข่ายมาบ้าง ยอมรับครับว่ามีคนที่ตั้งใจทำและมันถูกจริตเขา ซึ่งเขาก็สามารถประสบความสำเร็จได้จริง ในขณะที่ธุรกิจประเภทนี้ไม่เหมาะกับผมเอาเสียเลย
หรือแม้แต่อาชีพประเภท Active Income ที่มักถูกดูแคลน แท้จริงแล้วยังมีอีกหลายคนครับที่รักงานของเขา งานกลายเป็นเหตุผลในการขับเคลื่อนชีวิต และสามารถทำได้ทุกวันโดยไม่เบื่อเลย
(3) เราไม่จำเป็นต้องเลือกด้านใดด้านหนึ่ง
ถ้าวันนี้เราทำงานเป็นพนักงานบริษัท (E) เวลาผ่านไปเงินเดือนเริ่มเยอะขึ้น เราเริ่มอยากตัดออมเงินบางส่วนไปลงทุน (I) เราก็สามารถทำทั้ง E และ I ไปพร้อมกันโดยที่ไม่จำเป็นต้องเลือกช่องใดช่องหนึ่งถูกไหมครับ
ที่จริงแล้วแต่ละช่องเป็นเพียงการแยกประเภทของอาชีพให้เราได้มองเห็นคุณลักษณะที่แตกต่างกันไป แต่คนหนึ่งคนอยากจะทำ 2 หรือ 3 ช่องก็สุดแล้วแต่แรงเราจะทำไหวเลยครับ
สรุปแล้ว "เงิน 4 ด้าน" คงไม่มีข้อไหนดีกว่ากันหรอกครับ ทุกด้านมีข้อดีของตัวเองแตกต่างกันไป ไม่ว่าเรากำลังทำอาชีพด้านใดอยู่
1
ถ้าเป็นทางที่เราสนใจและรักที่จะทำแล้ว เราจะเป็นผู้ที่ประสบความสำเร็จได้แน่นอนครับ
#พ่อบ้านลงทุน
References
➡️ หนังสือพ่อรวยสอนลูก โดย 'โรเบิร์ต คิโยซากิ'

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา