25 พ.ค. 2020 เวลา 17:22
ดาเนียล บทที่ 4
ดาเนียลแก้ความฝันครั้งที่สอง
ให้กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์
วันหนึ่งกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ได้ฝันว่าตรงกลางแผ่นดิน มีต้นก่อหลวงขนาดใหญ่มาก ซึ่งขนาดของมันใหญ่ชนิดที่สามารถมองเห็นได้จากที่สุดปลายแผ่นดินก็ยังสามารถมองเห็นได้ นอกจากนี้ยังมีสัตว์เยอะแยะมากมายมาอาศัยอยู่บริเวณนั้น
วันหนึ่งมีเสียงจากฟ้าสวรรค์ตรัสลงมาบอกว่าให้ตัดและทำลายต้นไม้นั้น และนี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นในความฝันของกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ กษัตริย์ไม่รู้ว่าความฝันนั้นหมายถึงอะไรจึงเรียกดาเนียลมาแก้ฝันให้ เพราะดาเนียลเคยแก้ฝันให้กับพระราชามาแล้ว
เมื่อดาเนียลได้ฟังเกี่ยวกับความฝันนี้ เขารู้สึกทุกข์ใจที่จะพูดออกมา จนถึงกับกล่าวว่าขอให้ความฝันนี้เป็นความฝันของศัตรูของพระองค์เถิด ความเป็นจริงแล้วต้นไม้ต้นนี้ก็คือกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์นั่นเอง ต้นก่อหลวงขนาดใหญ่โตนี้เปรียบเหมือนกับประเทศของกษัตริย์ที่ได้เติบโตและกลายเป็นราชอาณาจักรที่กว้างขวางบาบิโลนเป็นแผ่นดินที่รวบรวมหลายประเทศเข้าด้วยกัน ตั้งแต่ประเทศแถบอาหรับ จนถึงครึ่งหนึ่งของยุโรป นอกจากนี้มีคนลงมาจากฟ้าสวรรค์และตัดต้นไม้นี้เสีย ตัวของกษัตริย์เองก็ต้องเป็นแบบนี้เช่นกัน ผลสุดท้ายกษัตริย์จะถูกขับไล่และต้องไปเสวยหญ้าเหมือนกับวัว ไม่ใช่แค่หนึ่งหรือสองวันแต่บอกว่าต้องใช้ชีวิตแบบนี้ถึงเจ็ดปี จนกว่าจะได้รู้ว่าตนเองเป็นคนที่เย่อหยิ่งแค่ไหน และเมื่อได้เข้าใจถึงสิ่งนี้ จึงจะสามารถกลับคืนสู่ตำแหน่งกษัตริย์ดังเดิมได้ ใจที่ลืมพระคำของพระเจ้า หลังจากที่กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ได้ฟังสิ่งที่ดาเนียลแก้ความฝันให้ กษัตริย์น่าจะมีจิตใจว่า “สุดท้ายฉันจะต้องกลายเป็นสัตว์หรอ ฉันไม่ควรมีใจเย่อหยิ่งแบบนี้ ฉันควรถ่อมใจ” เมื่อเวลาผ่านไปสิบวันยี่สิบวัน หรือ หนึ่งเดือน ก็อาจจะยังลืมสิ่งที่ดาเนียลบอกไม่ได้ แต่หากผ่านไปสองเดือน สามเดือน คำพูดที่ดาเนียลเคยบอกไว้ก็เริ่มจางหายไปจากจิตใจของกษัตริย์
(ดาเนีีีียลแก้ฝัันให้กษััตริิย์เนบููคััดเนสซาร์ ก่อนที่จะเสวยหญ้าเหมือนกับวัว) เช่นเดียวกันถ้าพวกเราไม่ได้ฟังพระคำ แค่ประมาณอาทิตย์สองอาทิตย์ก็อาจจะลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าเคยฟังพระคำเรื่องอะไรมา “พอสิ้นสิบสองเดือน พระองค์เสด็จดำเนินอยู่บนดาดฟ้าพระราชวังที่บาบิโลน” “และพระราชาตรัสว่า นี่เป็นมหาบาบิโลนมิใช่หรือ ซึ่งเราได้สร้างไว้ด้วยอำนาจใหญ่ยิ่งของเรา ให้เป็นราชฐานและเพื่อเป็นศักดิ์ศรีอันสูงส่งของเรา” ดาเนียล 4: (29-30) เมื่อผ่านไปสิบสองเดือน กษัตริย์ได้ลืมคำแก้ฝันของดาเนียลทั้งหมด วันหนึ่งกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ได้ขึ้นไปบนดาดฟ้าพระราชวัง ยืนดูราชอาณาจักรของตัวเอง และพูดว่าที่ประชาชนทุกคนอยู่อย่างสงบได้เพราะกำลังความสามารถของฉัน เพราะฉันฉลาด ขยัน มีความสามารถ ประเทศจึงมั่นคงได้ แต่พอตรัสยังไม่ทันขาดคำ ก็มีเสียงตกลงมาจากฟ้าสวรรค์บอกว่า
(กษัััััตริย์เนบูคัดเนสซาร์ที่ขึ้นบนดาดฟ้าตรัสว่า รำพันถึงตนเองที่เป็นผู้สร้างบาบิโลน) “โอ กษัตริย์เนบูคัดเนซาร์ เราลั่นวาจาไว้กับเจ้าแล้วว่า ราชอาณาจักรได้พรากไปเสียจากเจ้าแล้ว” เพราะเหตุที่กษัตริย์ตรัสแบบนี้ ในทันใดนั้นเองกษัตริย์จึงต้องลงจากตำแหน่งและต้องใช้ชีวิตที่กินหญ้าเหมือนกับวัว ต้องอยู่นอกราชวัง พระกายเปียกน้ำค้างจากฟ้าสวรรค์ ผมก็ยาวมากอย่างกับขนนกอินทรี ถ้าคำพูดของดาเนียลที่แก้ฝันให้อยู่ในใจของกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ เมื่อเขาขึ้นไปบนดาดฟ้าพระราชวังก็คงไม่สามารถเย่อหยิ่งและพูดแบบนั้นได้เลย
สิ่งที่พระเจ้าทนไม่ได้ คือมนุษย์ใช้ชีวิตที่เป็นกษัตริย์เอง สิ่งที่เราต้องคิดจากตรงนี้ก็คือ ไม่ว่าคุณจะขโมย ล่วงประเวณี ตอนที่มนุษย์เราทำสิ่งที่ชั่วร้ายเช่นนี้ พระเจ้าไม่ได้โมโหหรือสาปแช่ง หรือตอนคุณที่เป็นคนดีมากๆ ถวายเงินให้พระเจ้า คุณคิดว่าพระเจ้าจะทรงดีใจอย่างนั้นหรือ แท้จริงแล้วต่อให้คนเราดีแค่ไหน พระเจ้าก็ไม่ได้สนใจ แต่คนเรามักจะคิดเองว่า ถ้าหากทำดีพระเจ้าก็จะดีใจ ถ้าหากว่าทำสิ่งที่ชั่วร้ายพระเจ้าก็จะไม่ชอบก็จะเกลียดชัง "ถ้าท่านทำบาป ท่านจะได้อะไรที่กระทบกระเทือนพระองค์ ถ้าการทรยศของท่านทวีขึ้น ท่านทำอะไรแก่พระองค์ ถ้าท่านเป็นคนชอบธรรม ท่านถวายอะไรแก่พระองค์ หรือพระองค์ทรงรับอะไรจากมือของท่าน ความอธรรมของท่านก็เป็นอันตรายแก่คนอย่างท่าน และความชอบธรรมของท่านก็เป็นประโยชน์แก่มนุษย์ โยบ 35:6‭-‬8 นี่คือสิ่งที่มนุษย์คิด แต่ไม่ว่าจะทำสิ่งที่ชั่วร้ายหรือสิ่งที่ดี สำหรับพระเจ้าก็รักมนุษย์เหมือนกัน เช่นเดียวกับดวงอาทิตย์ ไม่ว่าจะเป็นต้นไม้ พื้นดิน ทะเล หรือหุบเขา ไม่ว่าจะเป็นที่ไหนก็ตาม ดวงอาทิตย์ก็ยังส่องแสงให้ทุกๆ สิ่งเหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์ที่ดีหรือชั่วร้ายพระเจ้าก็รักมนุษย์เหมือนกัน “เพราะใจของเจ้าผยองขึ้นและเจ้าได้กล่าวว่า ข้าเป็นพระเจ้า ข้านั่งอยู่ในที่นั่งแห่งพระเจ้าในท้องทะเล แต่เจ้าเป็นเพียงมนุษย์ มิใช่พระเจ้า แม้เจ้าจะพิจารณาตนเองว่าฉลาดอย่าพระเจ้า” เอเสเคียล 28 : 2 "เจ้ายังจะกล่าวอีกหรือว่า ‘ข้าเป็นพระเจ้า’ ต่อหน้าคนที่ฆ่าเจ้า ถึงเจ้าเป็นเพียงมนุษย์ มิใช่พระเจ้า อยู่ในมือของคนที่ให้เจ้าบาดเจ็บ เอเสเคียล 28:9 สิ่งที่พระเจ้าไม่ชอบก็คือการที่มนุษย์เราใช้ชีวิตที่กลายเป็นกษัตริย์เอง ชีวิตนี้เป็นของฉัน ไม่ต้องการให้ใครมาก้าวก่าย เวลาหนึ่งปีผ่านไป เนบูคัดเนสซาร์ก็ลืมสิ่งที่ดาเนียลบอกทั้งหมด ทั้งที่ดาเนียลได้เตือนแล้วและพูดออกไปอย่างยากลำบาก แต่กษัตริย์กลับลืมทั้งหมด คนมากมายก็เป็นแบบนี้เช่นกันใช้ชีวิตโดยทอดทิ้งพระคำและติดตามความคิดของตัวเองไป
เหตุผลที่พระเจ้าได้ตั้งกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์เป็นกษัตริย์ โลกของเรามีพระเจ้าเป็นผู้ปกครองดูแลไม่ใช่กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ เขาไม่ได้เป็นกษัตริย์เพราะมีความสามารถหรือความเก่งกาจ จริงๆแล้วพระเจ้าจะให้ตำแหน่งกษัตริย์นี้กับใครก็ได้ แต่ในพระคัมภีร์บอกว่าทรง "ตั้งผู้ที่ด้อยที่สุดให้อยู่เหนือ" นั่นหมายความว่า การที่ท่านเป็นกษัตริย์ได้เพราะท่านโง่เขลาที่สุด ต่ำต้อยที่สุด ไม่มีค่าที่สุดพระเจ้าจึงทรงตั้งท่านขึ้นเป็นกษัตริย์ต่างหาก “คำพิพากษานั้นเป็นคำสั่งของผู้พิทักษ์ คำตัดสินนั้นเป็นวาทะขององค์บริสุทธิ์ เพื่อผู้มีชีวิตอยู่จะได้ทราบว่าท่านผู้สูงสุดทรงปกครองอยู่เหนือราชอาณาจักรของมนุษย์ และประทานราชอาณาจักรนั้นแก่ผู้ที่พระองค์จะประทาน และตั้งผู้ที่ด้อยที่สุดให้อยู่เหนือ” ดาเนียลบท 4 :17 รับคำดูหมิ่นด้วยความยินดี ถ้าหากว่าเราอยู่ในฐานะที่ต่ำต้อยและถูกดูหมิ่น ตอนนั้นไม่มีสิ่งใดต้องบ่น หากเรายอมรับคำนั้นไว้ด้วยความยินดี อย่าบ่นเพราะโง่ หรือเพราะโดนดูหมิ่น หรือเพราะว่ายากจนเลยครับ เพราะพระเจ้าสัญญาว่า พระองค์เลือกให้ผู้ที่มีปัญญาอับอาย ในเวลาแบบนี้จึงเป็นโอกาสดี ที่จะได้รับความรักจากพระเจ้า เป็นตำเเหน่งที่ดีเพื่อจะอยู่โดยความรักจากพระเจ้า สามารถที่จะขอบคุณและปรนนิบัติพระเจ้ารวมถึงคนรอบข้างได้ ในพระคำ 1 โครินธ์ บทที่ 1 ข้อที่ 27-28 “แต่พระเจ้าได้ทรงเลือกคนที่ถือว่าโง่เขลา เพื่อทำให้คนมีปัญญาอับอาย และได้ทรงเลือกคนที่โลกถือว่าอ่อนแอ เพื่อทำให้คนที่แข็งแรงอับอาย” “พระเจ้าได้ทรงเลือกสิ่งที่โลกถือว่าต่ำต้อยและดูหมิ่น และเห็นว่าไร้สาระ เพื่อทำลายสิ่งซึ่งโลกเห็นว่าสำคัญ” “ฉันเป็นคนที่โง่เขลา ถูกดูหมิ่นและเหยียบย่ำ แต่พระเจ้ารักคนแบบฉัน” ด้วยความเชื่อนี้ พระเจ้าจะตั้งเราขึ้น สิ่งนี้คือพระสิริของพระเจ้าและพระเจ้าอยากจะสอนสิ่งนี้กับพวกเรา กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ได้ใช้ชีวิตเป็นเหมือนอย่างสัตว์ตลอดเวลา 7 ปี และวันหนึ่งก็ได้สติกลับคืนมา “เมื่อสิ้นสุดวาระนั้นแล้ว ตัวเราเนบูคัดเนสซาร์ก็แหงนหน้าดูฟ้าสวรรค์ และจิตปกติของเราก็คืนมา และเราก็สาธุการแด่ผู้สูงสุดนั้น และสรรเสริญถวายเกียรติยศแด่พระองค์ผู้ดำรงอยู่เป็นนิตย์” เขาสรรเสริญและขอบคุณกับพระเจ้าได้ เป็นเพราะพระเจ้าทำให้คนที่เย่อหยิ่งต้องต่ำลง การที่เราต้องใช้ชีวิตเหมือนสัตว์เพราะไม่ทิ้งจิตใจที่เย่อหยิ่ง ดาเนียลบทที่ 4 ข้อที่ 34 เมื่อเชื่อพระคำของพระเจ้า คำดูหมิ่น ความอ่อนแอเป็นสิ่งที่น่าขอบคุณและทำให้เราเติบโตขึ้น “และอวัยวะที่เราถือว่ามีเกียรติน้อย เราก็ยังทำให้มีเกียรติยิ่งขึ้น และอวัยวะที่ไม่น่าดูนั้น เราก็ทำให้น่าดูยิ่งขึ้น เพราะว่าอวัยวะที่น่าดูแล้ว ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องตกแต่งอีก แต่พระเจ้าได้ทรงให้อวัยวะของร่างกายเสมอภาคกัน ทรงให้อวัยวะที่ต่ำต้อยเป็นที่นับถือมากขึ้น” 1 โครินธ์ บทที่12 ข้อที่ 23 -24 พระเจ้าทรงกระทำให้คนที่ดูต่ำต้อย อ่อนแอ ถูกดูหมิ่นกลับเป็นคนที่ได้รับการนับถือ เพื่อไม่ให้ใครสักคนอวดได้ โลกนี้เป็นได้โดยพระเจ้าไม่ใช่สติปัญญาของคนเรา การที่เราถูกดูหมิ่น มีความบกพร่อง ก็ขอบคุณและปรนนิบัติพระเจ้าจากตำแหน่งนั้น และพระเจ้าสัญญาว่าจะเพิ่มเติมสติปัญญาให้กับเรา แต่หากเราลืมพระคำของพระเจ้า และใช้ชีวิตไปตามความคิดของตัวเอง ก็ได้แต่เสียเวลามากมายให้กับโลกนี้ เมื่อได้รู้ความจริงนี้อย่างชัดเจน ถึงแม้จะถูกดูหมิ่น ต่ำต้อย หรือจะโง่แค่ไหนก็ไม่ใช่ปัญหา จากตรงจุดนี้เมื่อก้าวออกไปและขอสติปัญญาจากพระเจ้า "พระเจ้าก็จะให้สติปัญญา และนี่เป็นสิ่งพระเจ้าสัญญากับเรา" พระเจ้ากำลังสอนกับพวกเราว่าการใช้ชีวิตตามกำลังความสามารถของตัวเองเป็นสิ่งที่ชั่วร้ายขนาดไหน ทำให้เราได้แต่ใช้ชีวิตปรนนิบัติตัวเอง ปรนนิบัติรูปเคารพ และจิตใจที่ปรนนิบัติพระเจ้าได้ตายไปครับ ถ้าหากว่าเราไม่เชื่อพระคำของพระเจ้า พวกเราเองก็ได้แต่ใช้ชีวิตเช่นนี้ ถึงแม้จะเป็นอวัยวะที่อ่อนแอไม่มีค่า แต่ชีวิตที่มีความหวังและรอคอยในพระเจ้าเป็นชีวิตที่งดงามที่สุด พระคำดาเนียลได้บันทึกเรื่องราวนี้ไว้ เมื่อตอนที่เราได้เห็นได้เข้าใจ จิ ต ใ จ ข อ ง เ ร า ก็ ถ่ อ ม ล ง รั บ ส ติ ปั ญ ญ า ข อ ง พ ร ะ เ จ้ า แ ล ะ ส า ม า ร ถ เ ติ บ โ ต ขึ้ น ได้ ต า ม ที่ พ ระ อ ง ค์ ท ร ง ใ ห้ แ ก่ เ ร า พาสเตอร์ คิม ฮัก ชอล คริสตจักรข่าวประเสริฐกรุงเทพฯ
โฆษณา