25 พ.ค. 2020 เวลา 19:17 • ท่องเที่ยว
ความรักทำให้ผมออกเดินทางคนเดียว
ก่อนอื่นต้องบอกไว้ก่อนเลยว่าผมชื่อ โก้ ตอนนี้ผมก็อายุ27ปีแล้ว ก็ทั้งทำงานรับจ๊อบพิเศษในด้านภาพถ่าย กองถ่ายทั่วไปแล้วก็เรียนไปด้วย ไม่ต้องแปลกใจนะครับว่า27ปีแล้วทำไมยังเรียน ฮ่าๆ ผมลงเรียนช้า
ไม่ได้เกเรนะครับแต่ชอบอย่างอื่นมากกว่าการเรียนตอนนั้นเลยไปทำอันอื่นก่อน บอกประวัติตัวเอง ซะยาวเลย
เรื่องเล่าสมัยเพื่อนไปไหนไปกัน
เมื่อก่อนตอนมัธยมสักม.5ม.6 ผมก็ชอบไปเที่ยวกับเพื่อนๆมันเป็นช่วงเวลาที่สนุกมากๆ ได้ปลดปล่อยตัวเองอยากจะทำอะไรก็ทำขับรถไปไกลๆที่ไหนก็ได้ ว่าแต่มีเพื่อน การเที่ยวตอนนั้นอย่างแรกที่ผมคิดว่าสำคัญนั่นก็คือเพื่อนและ เงิน ฮ่าๆ ถ้ามีเพื่อนกับเงินเยอะๆเราก็ไปไหนก็ได้ ชื้อโน้นนี่นั่นได้ เวลาไปกับเพื่อนๆกินทุกอย่างแวะทุกที่มีตั้งวงด้วย ฮ่าๆ ตอนนั้นทำอะไรก็ได้ ไม่รู้จักความรักไม่มีแฟน ในหัวก็มีแต่สนุกกับเพื่อนเท่านั้นเวลาได้ออกเดินทางไปเที่ยว แต่พออายุเริ่มเยอะขึ้นผมก็เริ่มที่จะมีความรัก แบบหนุ่มสาวมันทำให้ผมมีความรู้สึกที่ต่างไปจากเมื่อก่อนเพราะผมมีคนรัก เมื่อมีคนรักขณะนั้น การพบเจอเพื่อนก็น้อยลงเพราะชีวิตเราก็เหมือนมีอีกคนอยู่ด้วยดังนั่นการตัดสินใจมันมีเพิ่มขึ้น แต่มันโอเคนะครับก็มีความสุข เพื่อนก็ไม่ว่าอะไร เพราะนานๆทีก็พบกันอยู่แล้ว ส่วนเเฟนนั้นก็ไม่ได้ห้ามอะไรเลย ฮ่า ทุกคนคงเข้าใจคำว่าแฟนคนแรก ข้าวใหม่ปลามันก็ว่าได้
แล้วทำไมผมต้องออกเดินทางคนเดียว
ผมไม่เคยคิดเลยว่าจะไปไหนมาไหนคนเดียว ผมค่อยข้างเป็นคนขี้อายและไม่ค่อยพูดคุยกับใครที่ไม่รู้จัก แต่ทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมไม่ถนัดมันก็เกิดขึ้น เพราะความรัก ที่เมื่อก่อนผมคิดว่ามันจะมีความสุขมาโดยตลอด แต่มันกลับมาเปลียนไป รักครั้งแรกก็เป็นแบบนี้ล่ะครับ เมื่อผมมีรักครั้งแรกได้ ผมก็อกหักครั้งแรกได้เหมือนกัน
การเดินทางคนเดียวครั้งแรกเริ่มต้น ในวัย23
พอเกิดปัญหาวันนั้น ผมก็ยอมรับกับมันแล้วก็เก็บกระเป๋าเสื้อผ้าทันที เงินก็มีไม่มาก ผมก็ออกเดินทางโดยที่ไม่ได้บอกใคร แต่ว่าก็ไปในที่ ที่เคยไปมาแล้วนะครับที่เชียงคาน พอที่จะรู้การเดินทาง เพราะไปกับเพื่อนมาแล้ว มันก็เป็นการนั่งรถประจำทางทั่วไป แต่ขณะที่ไปนั่นในใจผมก็กลัวหลายๆอย่าง แต่จังหวะนั้นคืออยากไป ไปให้สุด จนถึงที่หมาย ก็ใช้เวลาเกือบวัน แล้วที่เชียงคานทุกคนก็รู้อยู่แล้วว่าเป็นที่ท่องเที่ยว เอาแล้วไงผมมาด้วยอารมณ์ไม่ดูว่าวันอะไร มันคือวันหยุดของทุกคน วันนั้นคือวันพ่อแห่งชาติ คนเยอะมาก สิ่งแรกที่ผมต้องหาคือ ที่พัก ผมดินทุกซอย ทุกหลัง หาที่ที่ในราคาที่มันพอจ่ายได้ สุดท้ายคือ เต็มหมด เงินผมก็ไม่เยอะ จะไปพักที่แพงก็ไม่ได้ ทุกคนรู้ไหมครับ ความรู้สึกที่ว่าเสียใจเศร้ากับความรักมันหายไปเลย จังหวะนั้นคือต้องเอาตัวให้รอด
เริ่มกับการเอาตัวรอดกับการเที่ยวที่ไม่ได้วางแผน
ผมก็ ถามหา ตามหา ที่พักตั้งแต่บ่ายสามกว่าๆ ตามหาเป็นชั่วโมงก็ไม่ได้. เลยมานั่งพักที่ร้านกาแฟโบราณแห่งหนึ่งที่อยู่ถนนคนเดินเชียงคานผมก็กะว่าจะนั่งพักหาไรเย็นๆดื่ม พอเข้าไปในร้านก็เจอคุณยาย ผมก็เข้าไปนั่ง คุณยายก็ถามว่าเอาไรดีหนู? ผมก็บอกไปว่าขอเป็นนมสดปั่นเย็นๆสักแก้วครับ ยายก็เรียกให้คนมาทำ. ในใจตอนแรกผมคิดว่าคุณยายจะทำเองซะอีก คงเป็นหลานสาวของแก ยังเด็กราวๆมัธยมปลาย พอเครื่องดื่มเสร็จผมก็นั่งดื่มแล้วก็คิดในใจพรางๆไปด้วย ว่า จะทำยังไงดี จากนั่นผมก็เอ่ยปากถามน้องแม่ค้าว่า ที่นี่มีที่พักแนะนำไหม ผมมาคนเดียว ไม่ได้จองอะไรไว้เลย น้องก็หันไปถามคุณยาย ทั้งสองก็พูดไปทางเดียวกันว่า มันเป็นวันหยุดคนก็เยอะ ผมก็ได้แต่ยิ้มยอมรับมัน นั่งดื่มต่อไป แต่สักพักก็ได้ยินเสียงยายร้องตะโกนถามบ้านตรงข้ามว่า มีที่พักว่างกันไหม เนียไอ้หนุ่มมาคนเดียว ช่วยกันหาให้หน่อยสิ คือยายก็ร้องถามป้าแถวๆนั้น แล้วผมก็ได้ยินเสียงคนคุยกัน ในความรู้สึกตอนนั้น มันไม่ได้เห็นว่าเขาจะช่วยกันหาเพราะการทำธุรกิจแต่มันเป็นการช่วยเหลือผม เพราะ5โมงเย็นแล้ว มันทำให้ผมเห็นอีกมุมๆหนึ่งจากคนที่นั้น. แต่ความหวังของการหาที่พักของคนที่นั่นช่วยผม ก็หมดหวัง เพราะมันไม่มีเลย
ผมก็หมดหนทางเลย เอ่ยไปถามน้องอีก ว่า รถจากเชียงคานไปเลยจะเลิกวิ่งตอนไหนในใจผมคิดว่าถ้าเราไม่นั่งอยู่ที่ไหนสักที่ก็กลับไปพักที่ตัวจังหวัดเลย จากนั้นผมก็หยิบกระเป๋าแล้วเดินขึ้นไปทางที่รถประจำทางเพื่อจะกลับ
ความหมดหวังก็ยังมีความโชคดีอยู่
ช่วงนั่นอากาศหนาวใกล้6โมงเย็นก็จะมืดเร็วหน่อย ผมก็เดินจะไปที่รถประจำทาง อีกไม่ถึง10ก้าวก็ถึง แต่อยู่ดีๆก็มีเสียงผู้หญิงแววมาว่า พี่ๆ เดี่ยวก่อน นั่นน้องที่อยู่ร้านกาแฟนิ พี่ๆมันมีบ้านพักที่หนึ่งของญาติๆหนู พี่ขึ้นรถมาเลยเดี่ยวพาไป ในความคิดผมคือดีใจมากประทับเป็นครั้งที่สอง จากนั้นก็ถึงบ้านที่ติดริมถนนใหญ่ซอยด้านบน ซึ่งผมก็เคยเดินผ่านมาแล้ว มีป้าคนหนึ่งยืนรออยู่ ป้าก็พูดทักทายผมก่อนเลย เป็นไงพ่อหนุ่มป้าก็พึ่งรู้จาก เจ้าออย (น่าจะเป็นน้องเมื่อกี้) เล่าให้ฟังว่ามีนักท่องเที่ยวมาคนเดียวหาที่พักไม่ได้เลยจะกลับ มาๆ
ผมก็ได้แค่ยิ้มแล้วถามป้าว่า ผมเดินผ่านมาบ้านป้าแล้ว แล้วผมก็เห็นป้ายติดว่าเต็มครับ ผมเลยไม่เข้าไปถาม ใช่จ่ะ บ้านห้องพักป้าเต็มแล้ว แต่ป้าจะกางเต้นท์ให้หนูนอนนะอยู่ในบ้านนี่ล่ะ ความรู้สึกดีก็มีอีกรอบ. มันทำให้ผมไม่ต้องห่วงที่นอน แล้วป้าก็มาถามว่าจะตักบาตรไหม? ผมตอบว่า ตัก ครับ ป้าก็จะได้เตรียมของใส่บาตรตอนเช้าไว้ให้ โอเค ผมอาบน้ำเสร็จก็คิดว่าจะออกไปเดินเล่นหาอะไรดื่มเย็นๆสักหน่อย
ค่ำคืนถนนคนเดินที่มีแต่เรื่องราว
เดินมาจากบ้านพักของป้าก็ไกลพอสมควร มาถึงถนนคนเดินผมก็หาของกินเลย ได้หมูปิ้งมาสองไม้ ก็เดินไปกินไป ดูของไปด้วย ผู้คนก็มากมายต่างมากับเพื่อนๆครอบครัวเหมือนที่นี่มีกิจกรรมหลากหลาย เพราะเป็นวันสำคัญวันพ่อก็เห็นพ่อลูกหลายคู่มาเที่ยว ผมก็ถ่ายภาพไปเรื่อย มาหยุดอยู่ที่ร้านขายเเผ่นเพลง ผมก็ได้อุดหนุนเขาไป เป็นเพลงสากลยุค60 70 ประมานนี้ ที่ลานกิจกรรมก็มีรำวงชาวบ้าน ดูคึกคักเลยในค่ำคืนนี้ เดินมาสักพักก็เริ่มกระหาย ผมอยากจะจิบเบียร์เย็นๆเลยเดินหาดูร้านแล้วก็เจอ ร้านเล็กๆที่ริมโขงมีลูกค้าประมาณ2โต๊ะ
อารมณ์เศร้าเริ่มกลับมา
พอผมเข้ามาให้ร้านผมก็มองหาคนขายก็ไม่รู้ว่าใครผมเลยไปถามลูกค้ากลุ่มใหญ่ว่าที่นี่ขายเบียร์ไหมครับ ทั้งๆที่ในใจคือก็เห็นเขากินกันอยู่. พี่ๆเขาก็ตอบมาว่ามีครับแต่เจ้าของร้านไม่อยู่แต่เดี่ยวหยิบให้ครับ จากนั้นผมก็นั่งดื่มเบียร์ไป พี่ๆอีกโต๊ะก็มาทักทาย ก็พูดคุยกัน พี่ๆเขามาจาก กรุงเทพ ต่างก็ชมผมโน่นนี่นั่น เจ๋งมากมาเที่ยวคนเดียว ผมก็ยิ้ม แต่ในขณะแอลกอฮอล์เข้าไปในร่างกายในใจกลับนึกถึงเรื่องที่ทำให้ผมต้องมาที่นี่ มันทำให้ผมนิ่งไปช่วงจังหวะนึง ในหัวคิดวุ่นวายไปหมดไม่รู้จะทำอย่างไรดีมันเริ่มที่จะดิ่ง เหมือนมันเศร้านะเเต่ก็ระบายหรือพูดออกมาไม่ได้
เจ้าของร้านจำเป็น
ขณะที่ผมคิดอะไรไปเรื่อยก็มีเสียงมาจากโต๊ะพี่จากกทม.ร้องมาว่า น้องๆ ฝากร้านหน่อยดิพวกเราจะกลับที่พักล่ะ เจ้าของร้านฝากร้านไว้ แล้วฝากน้องต่อล่ะกันเบียร์ในตู้หยิบได้เลย ทำให้ผมงง ไปเลยทีเดียว ใครจะกล้า ผมก็กะว่าเบียรหมดก็คงทิ้งร้านไว้แล้วก็กลับเพราะมีคู่รักอยู่อีกโต๊ะ ขณะที่พี่กทม.ออกจากร้านไม่นาน ชายหนุ่มตัวเล็กไว้ผมค่อยข้างยาวไว้หนวดก็เดินเข้ามา เป็นไงกันบ้างครับ นั่นล่ะครับพี่เขาคือเจ้าของร้าน แกก็ทักทายดูท่าทางจะอาร์ทติสท์พอสมควร. แล้วแกก็ถามว่าฟังเพลงอะไร ผมตอบไปว่า ผมชอบเก่าๆ
จากนั้นเเกก็เปิดเพลงร็อคแอนด์โรลให้ฟังพร้อมจับโน้นนี่นั่นไปด้วย สักพักแกก็มาบอกผมว่า น้องเดี่ยวพี่ฝากร้านแป๊บนะ พี่ไปชื้อเบียร์ก่อน อยู่ในตู้เหลือสองขวด ก็หยิบได้เลยนะ ขวด 60 เอาตังวางไว้นั่นเเหละ ผมยังไม่ได้พูดอะไร แกก็บอกว่าเดี่ยวมา ผมเลยต้องอยู่เฝ้าให้แก พอแกไปก็มีลูกค้าเข้ามาชื้อเบียร์ ผมก็ได้ขายแทนจังหวะนั้นผมก็สนุกนะครับ เพราะความฝันของผม ก็คือผมก็อยากมีอะไรแบบนี้ ร้านเป็นของตัวเอง แกลลอรี่ คงจะมีความสุขมากๆถ้าได้ขายเบียร์ กาแฟ เปิดเพลงให้คนอื่นฟัง แล้วได้คุยกับคนไม่รู้จักไปด้วย เวลาผ่านไปสักพัก พี่เจ้าของร้านแกก็กลับมาเอาเบียร์มาไว้แล้วแกก็พูดอีกว่า พี่ฝากร้านอีกหน่อยนะ เบียรในตู้หยิบเลย ต้องไปดูอีกร้านแป๊บ ผมได้แต่ งง แล้วก็นั่งต่อ ในใจคือ เขากล้าทิ้งร้านได้อย่างไงว่ะ ไม่เคยรู้จักไม่เคยเห็นหน้า ถ้าเอาจริงๆกลับที่พักโดยไม่ต้องจ่ายก็ได้ แต่ผมก็คิดว่าพี่เขาเจ๋งและเท่ดีผมเลย เฝ้าร้านให้แกและไม่โกงแกด้วย
นานสักพักแกก็กลับมา แกก็มานั่งกับผมแล้วถามว่าเป็นไงสนุกไหม ผมก็ตอบสนุก แล้วผมก็ถามกลับว่า ทำไมกล้าฝากร้านกล้าทิ้งร้านไว้กับผม แกก็ยิ้ม ทำไมจะไม่กล้า นายก็ดูเป็นคนดี แล้วก็เห็นนายกล้ามาเดียวคนเดียวแบบนี้ ผมว่านายก็ไม่ได้ต่างจากผมเยอะ ชอบทำอะไรคนเดียว แล้วแกก็ยิ้ม. สทนากับพี่เขาสักพัก เวลาเริ่มดึกผมก็ขออนุญาติกลับที่พัก พอมาถึงที่พักก็อาบน้ำเข้าเต้นท์ที่ป้าเตรียมไว้ให้ พอนอนลงผมก็นึกคิดว่า ตอนที่อยู่ร้านพี่เขาสนุกมากเลยมันเหมือนกระจกที่เวลาผมส่องผมอยากทำอะไรแบบนั้น ถือว่าโชคดีที่ได้ไปที่ร้านพี่เเก
เช้าวันใหม่
เสียงผู้คนที่บ้านพักเริ่มดังขึ้นทำให้ผมตื่นแล้วรีบจับโทรศัทพ์ ดูเวลาเวลา ใกล้จะหกโมงเช้า อากาศเย็นมากๆแทบไม่อยากลุกเลย เสียงป้าเเหลมมาจากหน้าบ้านพ่อหนุ่มป้าเตรียมของใส่บาตรไว้ให้แล้วนะ รีบอาบน้ำพระก็ใกล้จะมาแล้ว ความรู้สึกผมเหมือนอยู่บ้านแล้วมีคนที่บ้านมาปลุกให้ไปใส่บาตรเลย ผมก็ได้แค่ยิ้ม จากนั้นผมก็รีบไปอาบน้ำเเต่งตัวหยิบกระเป๋าและกล้อง แล้วออกไปใส่บาตร ป้าบอกว่าหน้าบ้านเราพระจะมาเร็วกว่าตรงถนนคนเดิน พอพระมาผมก็ใช้ป้าถ่ายรูปให้ แล้วผมก็บอก ว่า ผมขอไปถ่ายรูปคนตักบาตรเช้าที่ถนนคนเดินก่อนนะครับ
ถนนคนเดินยามเช้า
ผู้คนเยอะมากพร้อมใจกันตื่นเช้าๆมารับอากาศเย็นมานั่งเรียงแถวบริเวณถนนคนเดิน เพื่อที่จะใส่บาตร ผมก็ไม่พลาดที่จะถ่ายรูปเก็บไว้กิจกรรมช่วงเช้าเริ่มหมด ผมก็เดินไปหาของกินดีกว่า ก็ได้หมูปิ้งอีกเช่นเคย ผมก็ไปนั่งกินที่ริมโขงตอนเช้าๆนี่มันดีมากเลยนะอากาศดี
ในใจผมก็คิดว่าทำไมที่นี่ดีจัง ไม่อยากกลับเลยแต่ก็ต้องกลับ เพราะเราก็ไม่ใช่คนที่นี่ เงินเราก็น้อย ต้องกลับไปทำงาน แวะชื้อโปสการ์ดส่งให้ตัวเองแล้วก็แวะขอบคุณน้องกับคุณยายร้านกาแฟ แต่จังหวะไม่เป็นใจร้านกาแฟยังไม่เปิด ขณะนี้ก็เวลาสายๆหน่อย ผมก็ต้องเดินทางกลับ ร่ำลาป้าเจ้าของที่พักแล้วฝากขอบคุณน้องออยที่ช่วยหาที่พัก จากนั้นผมก็เดินทางกลับบ้าน (บ้านอยู่ขอนแก่นนะครับ)
ขณะนั่งรถกลับ
ระหว่างรอเวลารถออกก็มีคนในพื้นที่มาขึ้นรถ มีนักท่องเที่ยวเป็นกลุ่มๆด้วย พอรถถึงเวลาออกคนขับรถก็ขึ้นมาเก็บเงินค่ารถแล้วก็ออกรถ เป็นรถหกล้อรับลมเย็นเย็นทำให้ได้คิดอะไรไปเพลิน ในใจผมตอนนี้ก็คือไม่อยากกลับ ผมมองไปที่คนในรถ ต่างก็เป็นคนแปลกหน้า ไม่รู้ว่าใครเป็นใครมาจากที่ไหน แต่ทุกๆคนที่เราเห็นที่ยังมีการใช้ชีวิต คือคนเราสามารถทำความรู้จักกันได้ ผมยิ้มแล้วในใจนึกถึงตัวเองที่มาที่นี่ นึกถึงใครหลายๆคนที่ได้พบเจอได้พูดคุย ทุกสิ่งเหล่านั้นมันก็อยากสิ่งที่อยากพูดออกมาไม่ได้ ในขณะอยู่บนรถ ว่าขอบคุณ ขอบคุณที่พาตัวเองมาเจออะไรแบบนี้ การไปเที่ยวกับเพื่อนก็สนุกอีกหลากหลายรูปแบบแต่การเอาตัวเองไปอยู่ที่ที่คนไม่รู้จักและไม่รู้จักใครดู มันก็ดีไปอีกแบบ ขอบคุณแฟนคนแรกที่ทำให้ผมกำจัดความคิดได้ในรูปแบบใหม่ๆ ครั้งต่อไป ผมต้องไปเก็บเอาสิ่งใหม่ๆเรื่องราวใหม่ๆให้กับชีวิต ความรักกำหนดเราได้บางอย่างแต่ไม่ใช่ทุกอย่างเสมอไป การไปคนเดียวมันก็มีอะไรดีๆแบบนี้ ต้องมีครั้งต่อไปแน่ๆ ขอบคุณจริงๆ
ผมเชื่อว่าใครหลายๆคนก็เคยเป็นแบบผม
เราสามารถที่จะลองได้ การเดินทางคนเดียวไม่ได้แย่ไม่ได้โดดเดี่ยว ไม่ได้ลำพัง เสมอไป
เวลามีเพื่อนก็ไปกับเพื่อน
จังหวะที่อยากจะไปคนเดียวก็ไป
ไปเก็บเอาสิ่งดีๆกลับมา
เรื่องราวโดย โก้ ธีรศักดิ์ พิลาแสง
โฆษณา