26 พ.ค. 2020 เวลา 10:20 • การศึกษา
9 อันดับเหตุการณ์การสังหารสัตว์ที่น่าสงสารที่สุด
นับตั้งแต่อดีตมนุษย์ต่างทำร้ายทำสงครามฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่พบได้ทั่วไปในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ และนอกจากนี้ในประวัติศาสตร์ยังได้บันทึกเกี่ยวกับการสังหารสัตว์จำนวนมาก ในวันนี้เราจะพาทุกท่านมาชม 9 อันดับเหตุการณ์การสังหารที่น่าสงสารที่สุด
#9 การฆ่าสุนัขลากเลื่อนที่แคนาดาในปี 2011
หลังจากเสร็จสิ้นการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวในปี ค.ศ 2010 ที่แวนคูเวอร์จำนวนนักท่องเที่ยวที่ต้องการนั่งรถลากเลื่อนโดยสุนัขลดน้อยลงมาก
อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวสุนัขลากเลื่อนเข้าสู่ภาวะวิกฤตและบริษัทบางแห่งไม่สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้หากไม่ลดค่าใช้จ่ายซึ่งหมายถึงการลดจำนวนสุนัขลง จากเหตุการณ์นี้นำไปสู่การฆ่าสุนัขจำนวนมาก พวกมันถูกยิงและถูกปาดคอจนตาย
สุนัขหลายสิบตัวถูกฆ่าตายในคืนเดียวสิ่งที่น่าแปลกใจก็คือเรื่องนี้ถูกค้นพบเพราะว่าผู้จัดการของบริษัทยื่นข้อเรียกร้องกับคณะกรรมการของคนงานเพื่อขอค่าชดเชยจากการได้รับความเดือดร้อนที่เกิดขึ้น ความเครียดทำให้เขาโพสต์ภาพบาดแผลของสุนัขที่เขาเพิ่งฆ่า ต่อมามีการค้นพบหลุมฝังศพสุนัขจำนวน 56 ศพ แม้ว่าจะมีสุนัขเป็นเหยื่อกว่า 100 ตัวก็ตาม
#8 การสังหารหมู่สัตว์ที่เปอร์โตริโกในปี 2007
ในปี ค.ศ 2007 ในเปอร์โตริโกบริษัทที่มีชื่อว่า Animal Control Solutions ได้รับการว่าจ้างจากรัฐท้องถิ่นให้ช่วยควบคุมจำนวนสุนัขและแมวจรจัด น่าเสียดายที่ทางออกของพวกเขาเกี่ยวข้องกับการต้องสังหารสุนัขและแมวจำนวนมาก ที่แย่กว่านั้นคือส่วนใหญ่ไม่ได้เป็นสุนัขหรือแมวจรจัดแต่เป็นสัตว์เลี้ยงที่มีเจ้าของ แม้ว่าคนส่วนใหญ่จะเป็นคนที่อาศัยอยู่ในโครงการที่ยากจนในเมือง
เมื่อพวกเขาตื่นขึ้นมาและพบว่าสัตว์เลี้ยงอันเป็นที่รักของพวกเขาถูกฆ่าตาย หรือหากพวกมันโชคดีมีชีวิตรอดก็จะมีอาการกระดูกหัก หลังจากเหตุการณ์นั้นชาวเปอร์โตริโกหลายพันคนต่างพากันออกไปประท้วงตามท้องถนน และท้ายที่สุดบริษัทดังกล่าวก็ต้องรับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้น
#7 การสังหารสุนัขจรจัดในช่วงที่ยูเครนเป็นเจ้าภาพฟุตบอลยูโรในปี 2012
สมาคมสิทธิสัตว์หลายแห่งประณามการฆ่าสุนัขจรจัดที่นำโดยรัฐบาลยูเครนในช่วงฟุตบอลยูโร 2012 ในยูเครนมีสุนัขเร่ร่อนอยู่เป็นจำนวนมากและเจ้าหน้าที่กล่าวว่าจะมีผลกระทบในทางลบต่อผู้มาเยือนประเทศ ดังนั้นพวกเขาจึงวางแผนที่จะล้างภาพลักษณ์ที่ไม่ดีเหล่านั้นและจัดการกับแมวและสุนัขจรจัด
อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ดังกล่าวไม่ได้ผลพวกเขาได้รับชื่อเสียงในด้านที่ไม่ดีจากการฆ่าสุนัข บางคนบอกว่ามีสัตว์อย่างน้อย 9,000 ตัวที่ถูกฆ่าตายใน 3 เมืองที่แตกต่างกัน ภาพถ่าย 2-3 ภาพแสดงซากสัตว์ที่ตายแล้วกลายเป็นไวรัลไปทั่ว
เมื่อถูกกดดันรัฐบาลยูเครนสั่งให้เทศบาลท้องถิ่นสร้างที่พักพิงสัตว์ให้มากขึ้นสำหรับสุนัขจรจัดแทนที่จะกำจัดพวกมัน
#6 การสังหารสัตว์เลี้ยงก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่อังกฤษในปี 1930
เรื่องราวนี้เกิดขึ้นในช่วงก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 จะมาถึงอังกฤษ ชาวอังกฤษตื่นตระหนกกับสงครามที่กำลังจะมาถึง รัฐบาลอังกฤษจึงได้จัดทำแคมเปญขนาดใหญ่เพื่อให้คำปรึกษาประชาชนในการกำจัดสัตว์เลี้ยงอันเป็นที่รัก เพื่อหลีกเลี่ยงการเสียชีวิตหรือทรมานระหว่างการทิ้งระเบิด มีสัตว์เลี้ยงที่เข้าร่วมโครงการถึง 750,000 ตัวภายใน 1 สัปดาห์ในปี 1939 แต่มีบางคนแย้งว่ามันไม่จำเป็นเลย พวกเขาแค่ตื่นตระหนกมากไปก็เท่านั้น
สิ่งที่น่ากลัวมากกว่าภัยคุกคามจากระเบิดสำหรับสัตว์เลี้ยงคือการขาดอาหารเนื่องจากไม่มีการแบ่งปันส่วนสำหรับสัตว์และอาหารเป็นสิ่งที่หายากในช่วงสงคราม อย่างไรก็ตามสัตว์เลี้ยงจำนวนมากไม่ได้ถูกทอดทิ้งโดยเจ้าของ แล้วพวกเขายังได้สร้างเขตรักษาพันธุ์ที่จัดตั้งขึ้นสำหรับสุนัขและแมวในช่วงสงครามและได้ช่วยชีวิตสัตว์นับแสน
#5 การสังหารสัตว์ในสวนสัตว์อุเอโนะประเทศญี่ปุ่นในปี 1943
เรื่องราวต่อไปนี้เป็นเรื่องราวของการฆ่าสัตว์เพื่อป้องกันอันตรายในช่วงสงครามเท่านั้นไม่เกี่ยวข้องกับแมวและสุนัขเป็นสัตว์ที่อยู่ในสวนสัตว์ รัฐบาลญี่ปุ่นเชื่อว่าสัตว์สามารถหลบหนีออกจากสวนสัตว์ได้ในระหว่างการทิ้งระเบิด และจะเป็นอันตรายต่อประชาชนดังนั้นพวกเขาจึงวางแผนที่จะฆ่าพวกมันก่อนที่เรื่องดังกล่าวจะเกิดขึ้น
เหตุการณ์นี้อาจทำให้รู้สึกปวดใจไม่มากนักเพราะจำนวนสัตว์ที่ถูกฆ่าอยู่ที่ 25 ถึง 50 ตัวเท่านั้น แต่วิธีการที่พวกมันต้องตายนั้นโหดร้ายและทารุณ สัตว์ขนาดใหญ่รวมถึงช้าง 3 ตัวและฮิปโป 2 ตัว ถูกปล่อยให้อดอาหารจนตาย ช้างใช้เวลาหลายสัปดาห์กว่าจะตาย สัตว์อื่นๆ เช่นเสือถูกวางยาพิษ เหตุการณ์นี้ยังถูกใช้เป็นโฆษณาชวนเชื่อในช่วงสงครามเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการโจมตีทางอากาศที่กำลังจะมาถึง สัตว์ต่างๆถูกยกย่องว่าตายเพื่อประเทศถึงแม้ว่าพวกมันจะไม่ได้เลือกชะตากรรมนั้นเองก็ตาม
#4 การสังหารแมวครั้งใหญ่ในปารีสปี 1730
ในปี 1730 กรุงปารีสมีแรงงานกลุ่มหนึ่งพวกเขาได้ทรมานและฆ่าแมวทั้งหมดที่หาได้รวมถึงสัตว์เลี้ยงอันเป็นที่รักของภรรยาเจ้านาย เรื่องจริงเรื่องนี้ถูกบันทึกไว้ในสมุดบันทึกของเด็กฝึกงานด้านการพิมพ์ที่ร่วมกับผู้สมคบคิดฆ่าแมวหลายร้อยตัวในคืนเดียว ชายหนุ่มที่ทำงานในโรงพิมพ์ได้รับเพียงเศษอาหาร แต่กับแมวนั้นภรรยาเจ้านายกลับเลี้ยงดูพวกมันอย่างดี ดังนั้นพวกเขาจึงตัดสินใจแก้แค้นแมวหลายตัว รวมถึงสัตว์เลี้ยงของภรรยาเจ้านายถูกจับและนำไปใส่ในกระสอบหลายตัวถูกฆ่าตายในจุดที่มีแท่งเหล็ก บางตัวก็ถูกแขวนคอตาย
#3 เทศกาลเผาแมวและการขว้างปาแมวในยุโรปยุคกลาง
ในยุคกลางแมวมีส่วนเกี่ยวข้องกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์และซาตาน ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่พวกมันจะถูกฆ่าตายเป็นจำนวนมาก ในกรณีส่วนใหญ่พวกมันถูกเผาด้วยไฟในจัตุรัสกลางเมือง ขณะที่มีผู้คนเต้นและเชียร์รอบๆ ในโอกาสดังกล่าวแม้แต่กษัตริย์แห่งฝรั่งเศสก็มีส่วนร่วม อย่างไรก็ตามในบางที่พวกมันก็ต้องตายในรูปแบบอื่นๆตัวอย่างเช่นในเมือง Ypres พวกมันถูกโยนลงจากหอระฆังในจัตุรัสและมีผู้คนมารอชมเหตุการณ์ดังกล่าว ทุกวันนี้ทุกๆ 3 ปีระหว่างการเดินขบวน Kattenstoet ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เป็นมิตรกับแมวจะมีผู้คนที่แต่งตัวเหมือนแมวและเต้นรำบนถนนเพื่อรำลึกถึงอดีตที่ผ่านมา
#2 ไข้หวัดหมูในอียิปต์ปี 2009
ในช่วงที่ไข้หวัดหมูระบาดในปี 2009 ได้สั่งให้มีการฆ่าประชากรหมูทั้งหมด สัตว์มากกว่า 3 แสนตัวถูกฆ่าตายในเวลาอันสั้น แม้ว่าจะไม่มีกรณีของโรคไข้หวัดหมูที่เคยบันทึกไว้ในอียิปต์ก็ตาม การประกาศใช้มาตรการป้องกันเพื่อหลีกเลี่ยงการปนเปื้อนที่อาจเกิดขึ้นได้ อย่างไรก็ตามคนอื่นๆกล่าวว่านี่คือมาตรการการลงโทษคนที่นับถือศาสนาอื่น เนื่องจากประชากรส่วนใหญ่ในประเทศนับถือศาสนาอิสลาม โดยศาสนาอิสลามห้ามบริโภคเนื้อสุกร ไม่ว่าหมูจะมีไข้หวัดหรือไม่พวกมันก็จะถูกฆ่า อย่างไรก็ตามมาตรการภายหลังได้ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อรัฐบาล ปกติหมูในอียิปต์นั้นได้รับการเลี้ยงแบบดั้งเดิมโดยพวกมันจะกินเศษอาหารที่ถูกทิ้งตามขยะ เปรียบเสมือนเป็นเครื่องรีไซเคิล หลังจากที่พวกมันหายไปถนนในกรุงไคโรนั้นก็เต็มไปด้วยขยะจำนวนมากทำให้ผู้คนต้องเจอกับโรคร้ายประเภทต่างๆ
#¹ เทศกาล Gadhimai ในเนปาล
เทศกาลสังเวยสัตว์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกเกิดขึ้นทุกๆ 5 ปีในเนปาล มันถูกเรียกว่าเทศกาล Gadhimai เพื่อบูชาแก่เทพธิดาแห่งอำนาจของชาวฮินดูซึ่งก็คือ Gadhimai
เรามักจะนึกถึงชาวฮินดูในฐานะนักกินมังสวิรัติที่ไม่ทำร้ายวัว แต่เห็นได้ชัดว่าไม่สามารถใช้กับควาย ไก่ แพะ หมูและหนูได้ มีสัตว์จำนวนหลายแสนตัวที่ถูกฆ่าตาย โดยในปี 2009 มีการประมาณว่ามีสัตว์ที่ถูกฆ่าตาย 250,000 ถึง 500,000 ตัวซึ่งถูกฆ่าตายในช่วง 3 วันของเทศกาลที่มีผู้นับถืออย่างน้อย 1 ล้านคนเข้าร่วม วิธีการคือผู้เข้าร่วมนำสัตว์ของตัวเองมาร่วมงาน สัตว์จะถูกฆ่าด้วยมีด kukukuri เลือดของสัตว์เหล่านั้นว่ากันว่าจะนำมาซึ่งความโชคดี หลังจากนั้นก็จะมีการขายซากสัตว์ให้กับผู้ที่ต้องการ เทศกาลนี้จะเกิดขึ้นอีกครั้งในปี 2024
โฆษณา