27 พ.ค. 2020 เวลา 08:30 • บันเทิง
[Review] Ready Player One (2018) – ด้วยรักและป๊อบคัลเจอร์
การกลายเป็นที่รักและชื่นชอบนั่นเป็นสิ่งที่ทำได้ยากกว่าการเป็นสิ่งที่เกลียด หากลองค้นลงไปดูแล้ว สิ่งที่เราชอบหรือหลงใหล หลงรักนั่นมักจะเกิดขึ้นในช่วงวัยเด็กที่เรามักจะชื่นชอบอะไรได้โดยง่าย มันจึงวลีที่คนมักใช้ว่า “ เราโตมากับ… ” สิ่งนั้นสิ่งนี้แต่การจะคนที่รักในสิ่งเดียวกันนั้นก็ยิ่งยากยิ่งไปอีก…
อาจจะเป็นหนังที่ผมสนใจตั้งตาคอยมากที่สุดเรื่องนึงก็ว่าได้ นับตั้งแต่วันที่ Warner Bros. เตรียมตัวสร้างหนังและเจรจาให้ คริสโตเฟอร์ โนแลน มากำกับและสุดท้ายก็เป็นพ่อมดแห่งวงการฮอลลีวู้ดอย่าง สตีเว่น สปีลเบิร์ก มากำกับ กับการดัดแปลงนิยาย Ready Player One ของ เออร์เนสต์ ไคลน์ ที่พูดถึงโลกอนาคตและมีการแข่งขันในเทคโนโลยีเกมโลกเสมือนที่ผู้ชนะที่หาไข่เจอก่อนจะได้เป็นเจ้าของเกมนี้ไป โดยมีจุดเด่นก็คือ การอ้างอิงถึง pop-culture เต็มทั้งเรื่อง เพราะฉะนั้นการนำเรื่องราวนี้มาสร้างเป็นหนังจึงไม่ต่างจากการสนองความต้องการของผู้คนที่เติบโตมากับวัฒนธรรมในแต่ละยุค ไม่ว่าจะเป็นเกม Space Invader, หนังสยองขวัญคลาสสิคหรือแม้แต่หุ่นกันดั้ม
Ready Player One เล่าเรื่องของโลกอนาคตในปี 2045 ที่คนทั่วทั้งโลกต่างหนีความจริงและไปใช้ชีวิตใน OASIS สังคมโลกเสมือนที่ผู้คนสามารถเป็นหรือแม้แต่จะทำอะไรก็ได้ จนกระทั่งวันนึงผู้สร้างอย่าง เจมส์ ฮัลลิเดย์ เสียชีวิตลงและประกาศจะมอบ OASIS ให้แก่ผู้ที่สามารถตามไข่อี่สเตอร์เอ้กพบเป็นคนแรก เวด วัตตส์ วัยรุ่นชายที่หลงรักวัฒนธรรมหนัง-เพลงและเกมยุค ’80 จึงใช้เป็นข้อได้เปรียบในการได้คำใบ้เพื่อใช้ตามล่ากุญแจเพื่อที่จะได้มาซึ่งไข่ และพยายามหาให้เจอก่อนบริษัทคู่อริอย่าง IOI จะยึดครองไป
ด้วยความเป็นหนังที่สร้างจากนิยายขายดีและเต็มไปด้วยข้อมูลแต่ Ready Player One ก็แทบจะเข้าเรื่องทันทีในช่วง 10 นาทีแรกจนเราแทบตั้งตัวไม่ทัน ก่อนจะค่อย ๆ เผยถึงรายละเอียดและจุดหมายของเรื่องในช่วงต้นทำให้เราทราบถึงที่มาที่ไปของระบบ OASIS และเอกลักษณ์ที่หนังจะมี นั้นคือสอดแทรก pop culture ลงไปในระดับน้อง ๆ หรือพี่ ๆ หนังรวมดาว Avengers เลยทีเดียว ก่อนจะมีฉากแอ็คชั่นแทรกเป็นระยะ ๆ และมีมุกตลกคั่นตลอดเวลาที่หนังเดินทางไป
ส่วนดีของหนังเรื่องนี้ก็คิอ องค์ประกอบโดยรวมแทบทั้งหมด เราชื่นชมกับทุกสิ่งอย่างในหนัง ทั้งการดีไซน์ OASIS การวางเรื่องราว ภารกิจหากุญแจทั้ง 3 ด่าน และที่ขาดไม่ได้คือการใส่ pop culture ที่ทำให้คนดูหนังเช่นผม ก็โหยหาอดีตได้ถึงที่สุดแล้ว การกำกับของ สตีเว่น สปีลเบิร์ก อาจจะไม่ได้ไร้ที่ติใน Ready Player One แต่ก็เป็นการปรุงแต่งในแบบที่ผู้คนส่วนมากย่อมถูกปากไปกับมัน ทั้งฉากแอ็คชั่นที่ลุ้นระทึก เทคนิคพิเศษด้านภาพที่ตระการตายิ่งขึ้นเมื่อดูจอใหญ่ มุกขำ ๆ ที่สอดแทรกเข้ามาได้ถูกจังหวะตลอดทั้งเรื่อง รวมถึงการหยอดเหล่าอีสเตอร์เอ้กลงไปในจุดที่เหมาะสมให้คนดูได้ค้นหาเหมือนพาร์ซิวอลในเรื่อง นับว่าเป็นประสบการณ์การดูหนังเรื่องนึงที่น่าประทับใจครั้งหนึ่งของชีวิตเลย
ข้อเสียไม่กี่อย่างในหนังเรื่องนี้ นั่นก็คือ ความตามสูตรของหนังที่เราแทบจะเดาได้นับตั้งแต่เริ่มเรื่องว่าโครงเรื่องและทิศทางของหนังจะไหลไปทางไหน แต่อย่างไรก็ดีมันถูกมองข้ามได้โดยง่ายมากเมื่อระหว่างทางมีหลายสิ่งให้เก็บมากมายขนาดนั้น ทั้งความสนุกและอีสเตอร์เอ้กที่มีอยู่มากมาย
สรุปแล้ว Ready Player One คือหนังแนวแอ็คชั่นผจญภัยสุดมันส์ที่มาพร้อมเส้นเรื่องการตามล่ากุญแจเพื่อนำไปสู่การคว้าอีสเตอร์เอ้กที่ซ่อนไว้ในเกม หนังเต็มไปด้วยความตระการตาของโลก OASIS อีกทั้งการสอดแทรกเหล่า pop culture ไว้อย่างแยบยลที่คนติดตามวัฒนธรรมหนัง-เพลงและเกมมาก ยิ่งรักเรื่องนี้มากขึ้น แม้หนังจะมาพร้อมลูกสูตรที่คาดเดาได้โดยง่ายแต่มันก็พร้อมจะถูกมองข้ามได้เช่นกัน เมื่อหนังมาพร้อมกับความสนุกและอีสเตอร์เอ้กให้ค้นหามากมาขนาดนี้
โคตรรัก
4.5 / 5
Ready Player One (2018)
Directed by Steven Spielberg
Written by Zak Penn & Ernest Cline
Based on Ready Player One by Ernest Cline

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา