27 พ.ค. 2020 เวลา 04:35 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
แชร์ข้อมูล วิธีเลือกหม้อทอดไร้น้ำมัน เอาใจกระแส Work from Home
ช่วงนี้ที่แต่ละคนต่างต้องใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่บ้านและช่วงเวลานี้นี่เองที่บางคนก็ถือโอกาสทำกิจกรรมที่เล็งไว้นานแต่ไม่ได้ทำสักที ไม่ว่าจะเป็นการจัดเก็บบ้าน ตกแต่งบ้านใหม่ ทำงานฝีมือ วาดรูป ปลูกผักสวนครัว เล่นบอร์ดเกมส์ หรือเรียนออนไลน์ต่อยอดในความรู้อื่นๆ
ซึ่งมีเพื่อนๆหลายคนที่ได้ปลุกพลังแฝงแห่งสัญชาตญาณเชพขึ้นมา จะเรียกว่าสถาณการณ์สร้างวีรบุรษก็ว่าได้ (555+) โดยอาวุธคู่ใจสำหรับเชพจำเป็นอย่างเราๆ ที่ต้องมึติดมือ ก็คงหนีไม่พ้น “หม้อทอดไร้น้ำมัน” ที่กลายเป็นกระแสไวรัลไปแล้วนั่นเอง ผมก็ขอใช้บทความนี้ในการส่งเสริมความเป็นเชพให้กับเพื่อนๆ ด้วยหลักในการเลือกซื้อหม้อทอดไร้น้ำมันแบบง่ายๆ 7 ข้อดังนี้ครับ
1. ความจุของตัวเครื่อง
“ความจุ” เป็นสิ่งที่ควรคำนึกลำดับแรกๆ ในการเลือกซื้อหม้อทอดไร้น้ำมัน นั่นคือปริมาณหรือความจุในการใช้งาน เพราะหม้อทอดบางยี่ห้อมันก็เล็กเกินซึ่งทำให้เราต้องเสียเวลาทำอาหารอย่างเดียวหลายๆ ครั้ง นั่นก็ขึ้นอยู่กับจำนวนสมาชิกในครอบครัวเราด้วย เช่น บางยี่ห้อ มีความจุอยู่ที่ 2 ลิตร ซึ่งจะเหมาะกับครอบครัวขนาดเล็กที่มี 1-2 คน และบางรุ่นมีความจุอยู่ที่ 5 ลิตร ซึ่งจะเหมาะกับครอบครัวที่มีจำนวนคน 3-6 คน เป็นต้น
ตัวอย่าง
- Xiaomi Rosou Air fryer OA2 ที่มีขนาดความจุ 2.5 ลิตร เพียงพอสำหรับครอบครัวขนาดเล็กที่มี 2-3 คน
- Philips Airfryer ขนาด XXL รุ่น HD9650/91 ที่มีขนาดความจุ 7.3 ลิตร ที่สามารถปรุงอาหารได้มากถึง 1.4 กิโลกรัมในครั้งเดียว เหมาะสำหรับการทำอาหารในครัวเรือนขนาดใหญ่หรืองานเลี้ยงสังสรรค์เนื่องในโอกาสพิเศษ
2. โหมดการทำอาหาร
หม้อทอดไร้น้ำมันบางรุ่นจะมีโหมดการทำอาหาร หรือมีการโปรแกรมเมนูอาหารมาให้โดยที่เราไม่ต้องไปตั้งค่าอะไรให้ยุ่งยาก ไม่ว่าจะเป็นโหมดทอดเฟรนฟราย, ทอดกุ้ง หรือทอดไก่ เป็นต้น หรือโหมดเตาอบที่หม้อทอดไร้น้ำมันบางรุ่นมี (ไม่ต้องเสียเวลาอุ่นเครื่องเหมือนเตาอบ) ซึ่งโหมดการทำงานเหล่านี้จะทำให้เราสะดวกและประหยัดเวลามากยิ่งขึ้น
3. การดูแลรักษาทำความสะอาด
วิธีทำความสะอาดหลังจากใช้งานนั้นถือว่าเป็นข้อสำคัญในเลือกเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัว เพราะทุกครั้งที่เราทำอาหาร จะต้องมีคราบสกปรกหลังการทำอาหารเสร็จเสมอ มันคือสิ่งที่อยู่คู่กัน และยากที่จะที่หลีกเลี่ยงได้ แต่ก็มีหม้อทอดไร้น้ำมันบางรุ่นที่ถูกออกแบบมาให้ทำความสะอาดได้ง่าย ๆ อย่างเช่น มีการเคลือบสารกันอาหารติดตัวเครื่อง (non-stick) หรือสามารถถอดออกมาใช้งานร่วมกับเครื่องล้างจานได้โดยที่ไม่ต้องขัดเอง
4. รูปทรงและดีไซน์
ลักษณะของตัวเครื่องภาพนอกก็ถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญ เพราะจะเป็นสิ่งแรกที่ทำให้เราอยากซื้อ ไม่ว่าจะเป็นสีของตัวเครื่อง หรือการดีไซน์ที่ดูทันสมัย โดยหลักๆ จะมีอยู่ตัวกันสองสี คือสีขาว กับ สีดำ แต่ถ้าจะให้แนะนำควรจะเลือกเป็นสีดำ เพราะดูแลรักษาง่ายกว่า อีกทั้งเมื่อเวลาผ่านาน ๆ สีก็ไม่เปลี่ยนอีกด้วย อย่างสีขาวนั้นเป็นรู้กันดีว่า เมื่อเวลาผ่านไปจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองซึ่งจะทำให้ไม่น่าดูสักเท่าไหร่
5. ความปลอดภัย
ควรตรวจสอบดูว่าเครื่องมีฟังก์ชั่นควบคุมอุณหภูมิไม่ให้สูงเกินไปหรือไม่ เพื่อความปลอดภัยในการใช้งาน รวมถึงการรับรองมาตรฐานการผลิตที่น่าเชื่อถือเช่น มาตรฐาน ISO มาตรฐานมอก. เป็นต้น
6. อายุการใช้งานโดยปกติและการส่งซ่อม
ควรตรวจสอบอายุการใช้งานโดยทั่วไป (สอบถามจากพนักงานหรือหาข้อมูลรีวิวจากคนที่เคยใช้ในอินเตอร์เน็ท) สิ่งที่ต้องเปลี่ยนเมื่อถึงอายุ หากเครื่องมีปัญหาต้องส่งซ่อมที่ใด รอซ่อมนานประมาณไหน อะไหล่ต้องใช้ของแบรนด์เดิมหรือของแบรนด์อื่นๆที่หาซื้อทั่วไปได้ เป็นต้น
7. ราคาและการรับประกัน
“ราคา” ก็ที่มีผลต่อการตัดสินใจของเรา ซึ่งมักจะมาคู่กับการประกันหลังการขาย ซึ่งสิ่งที่เราควจตรวจสอบคือ รายละเอียดการรับประกัน เช่น รับประกันอะไรบ้าง ครอบคลุมมากน้อยแค่ไหน เงื่อนไขอย่างไร ซึ่งเราต้องคำนึงถึงความถี่การใช้หม้อทอดของเราด้วย เพราะซื้อประกันไปแต่นานๆครั้งถึงจะใช้งานหม้อทอดก็ดูจะไม่คุ้มสักเท่าไหร่
ทั้งนี้ราคาไม่ได้เป็นการการันตีคุณภาพความคงทนของหม้อทอดไร้น้ำมัน แต่เป็นพฤติกรรมการใช้งานของเราและการดูแลรักษาเครื่องใช้ไฟฟ้านั้นด้วย หากใช้งานโดยที่ไม่ศึกษาวิธีการใช้และวิธีการดูแลรักษาก่อน ก็จะทำให้หม้อทอดของเราเสื่อมสภาพเร็วขึ้นนั่นเอง
Note : สามารถเช็คราคาและโปรโมชั่น + ของแถม ตามลิงค์นี้ครับ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก :
โฆษณา