แท้จริงแล้วจุดแรกเริ่มของการเลี้ยงสุนัข ของแอดมิน มาจากการที่เลี้ยงสุนัขมาแล้วสองตัว เป็นสุนัขพันธุ์เล็กลูกผสมพันธุ์ต่างประเทศ เลี้ยงมาเกือบ 14 ปี และได้ตายไปด้วยโรคลำไส้อุดตันและลำไส้อักเสบ 1 ตัว อีกตัวตายด้วยอุบัติเหตุรถชน สิ่งที่ทำให้ประทับใจในการเลี้ยงสุนัข คือ การเห่าและการเฝ้าบ้านอย่างดี การปราบงูเขี้ยว และหนูที่รุกล้ำเข้ามาภายในบ้าน การเชื่อฟังคำสั่งมากกว่าแมว นี่คือความประทับใจในตัวของสุนัขที่สัมผัส
จากนั้นเมื่อสุนัขได้ตายไป จึงต้องการหาสุนัขตัวใหม่ไว้คอยทำหน้าที่เดิม ....
แต่ สิ่งที่ต้องคิดอย่างมากคือ ครั้งนี้จะเลือกสุนัขพันธุ์อะไรดี????
แอดมินก็เลย ต้องทำการบ้านหนัก อยู่ 5 ข้อ ดังนี้
1. เพราะต้องเป็นสุนัขที่เข้ากับคนง่าย เป็นมิตรกับคนรอบบ้าน (เนื่องจากไม่มีรั่วกั้นและมีคนเดินเข้า-ออกบ้านบ่อย)
2. เฝ้าบ้านดี ทั้งการป้องกันขโมย งูเขี้ยวต่างๆ หนู และสุนัขตัวอื่นๆ
3. ต้องไม่เห่าพร้ำเพรื่อ
4. ต้องเข้ากับภูมิอากาศเมืองไทย โดยเฉพาะภาคใต้แบบป่าฝนเขตร้อนชื้น
5. เรื่องผิวหนัง ต้องเป็นพันธุ์ขนสั้น ดูแลรักษาง่าย ไม่มีโรคทางพันธุ์กรรม
ก่อนที่จะสรุปว่าเป็นพันธุ์อะไรนั้น แอดมินมีข้อคิดจากปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวง ร.9 ดังข้อความนี้
ปี 2545
“…เมืองไทยเนี่ยมีทรัพยากรดีๆ ไม่ทำไม่ใช้ เดี๋ยวต้องไปกู้เงินอะไรที่ไหนมา มาพัฒนาประเทศ จริงๆ สุนัขฝรั่งก็ต้องซื้อมา ต้องมี แต่ว่าเรามีของมีทรัพยากรที่ดี เราต้องใช้ ไม่ใช่สุนัขเท่านั้น อื่นๆ ของอื่นหลายอย่าง แล้วที่นายกฯ พูดถึงทฤษฎีใหม่ พูดถึงเศรษฐกิจพอเพียง ไอ้เนี่ยเราไม่ได้ซื้อจากต่างประเทศ แต่ว่าเป็นของพื้นเมืองแล้วก็ไม่ได้ อาจจะอ้างว่าเป็นความคิดพระเจ้าอยู่หัว ไม่ใช่ทำมานานแล้ว ทั้งราชการ ทำราชการ ทั้งพลเรือน ทั้งทหาร ทั้งตำรวจ ได้ใช้เศรษฐกิจพอเพียงมานานแล้ว…”
พระราชดำรัสเนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 4 ธันวาคม 2545
จากบทสรุปข้อความนี้ คือ เมืองไทยเรามีของและทรัพยากรทุกอย่างที่ต่างประเทศมี แม้แต่เรื่องสุนัข ไม่จำเป็นต้องเลี้ยงสุนัขของเมืองนอก หากเรารู้จักภูมิใจในสุนัขของเราและใช้ประโยชน์ได้เช่นเดียวกัน ทำให้ได้ข้อคิดนี้ไปปรับใช้ในทุกเรื่อง
หลังจากนั้นแอดมินจึงค้นคว้าหาข้อมูลทั้งสายพันธุ์สุนัขไทย อาหารการกิน อุปนิสัย สภาพภูมิอากาศ ซึ่งมีให้เลือกแค่ 2 สายพันธุ์แท้ คือ ไทยหลังอาน และไทยบางแก้ว แต่จากประสบการณ์ของแอดมินในการเลี้ยงสุนัขพันธุ์ขนยาว หากปล่อยปละละเลยเรื่องการดูแลรักษาขน การเกิดเชื้อราและโรคผิวหนังย่อมดูแลรักษาได้ยากมาก ช้อยของการเลือกไทยบางแก้วจึงตัดออกไป โดยเฉพาะเรื่องขน การไปรักษากับสัตวแพทย์บ่อยๆ การกินยาปฏิชีวนะป้องกันเห็บหมัดจากคลีนิก สิ่งเหล่านี้เป็นปัจจัยที่ทำให้เราต้องเสียเงินและเสียเวลา สิ่งเหล่านี้คือปัจจัยที่ต้องมาวิเคราะห์เพิ่มเติม ทั้งในเรื่องอุปนิสัยที่ต้องการ รวมถึงการเลี้ยงแบบประหยัดงบประมาณ ลดค่าอาหาร และค่ายา รวมถึงการไปหาหมอสัตวแพทย์บ่อยๆ (ซึ่งแอดมินจะมาเล่าในภาคต่อไป)
สายพันธุ์แรก คือ ไทยหลังอาน ไทยหลังอานต้องการคนที่มีประสบการณ์ในการเลี้ยงสุนัขมาค่อนข้างมาก ต้องการคนที่เข้าใจในอุปนิสัยเบื้องต้นของสุนัข ไทยหลังอานมีนิสัยคล้ายคนไทย คือ เป็นตัวของตัวเอง ไม่ชอบทำตามคำสั่ง แต่ด้วยคุณลักษณะหมาพราณ จึงติดตามและอยู่ข้างๆ ไม่ห่าง มีไหวพริบ คล่องแคล่ว รวดเร็ว ต่อสิ่งที่รุกล้ำ เป็นมิตรต่อคนในบ้านทุกคนเท่าเทียมกัน และเป็นมิตรต่อเด็กๆ ตัวเล็กภายในบ้าน ซื่อสัตว์ปกป้องเจ้าของ หากมีคนจะมาทำร้ายโดยตรง
ส่วนอุปนิสัย ไทยบางแก้ว ขึ้นชื่อเรื่องความดุ (กว่าไทยหลังอาน) การหวงสิ่งของภายในบ้าน และรักเจ้าของแต่เพียงผู้เดียว (คนให้อาหาร) จึงจำเป็นต้องมีคนภายในบ้านให้อาหารสลับหมุนเวียนกันหลายคน ซึ่งจะมีมากกว่าไทยหลังอาน ค่อนข้างมาก จึงจำเป็นต้องได้รับการฝึกฝนตั้งแต่เด็ก ๆ อย่างต่อเนื่อง ที่สำคัญ คือการเป็นมิตรภายในบ้าน คือข้อแรกที่ต้องปฏิบัติ ส่วนทักษะด้านอื่นๆ ทั้งการเฝ้าบ้านและการป้องกันสัตว์มีพิษที่รุกล้ำเข้ามาในบ้าน เป็นเอกลักษณ์ของสุนัขไทยทั่วๆ ไป ซึ่งทั้งสองสายพันธุ์ต้องการการเข้าสังคมกับผู้คนหลากหลายตั้งแต่เล็กๆ ด้วยกันทั้งคู่ แม้จะมีการเลือกตัวที่จิตประสาทที่ดี แต่ยังมีจำนวนน้อยมาก เพราะต้องฝึกฝนตั้งแต่เล็ก และสภาพแวดล้อมในรุ่นต่อรุ่นไม่ให้ขาด
การเลือกสุนัขจึงไม่สามารถเลือกเพียงแค่ความชอบเท่านั้น การใช้ชีวิตและความเป็นอยู่ การมีเวลาให้สุนัข การฝึกฝน และลักษณะบ้านเรือนที่เหมาะสมต่อการเลี้ยง สมาชิกในครอบครัว การเข้าสังคมกับผู้คน ต่างมีความสำคัญสำหรับช่วงชีวิตของสุนัขที่เอามาเลี้ยง เพราะมันอยู่กับเราอีก 10-15 ปี เลยทีเดียว
ไว้แอดมินจะมาเขียนต่อไป (ภาค 2) ครับ