Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Attern
•
ติดตาม
27 พ.ค. 2020 เวลา 09:20 • ศิลปะ & ออกแบบ
"ประเภทของโลโก้" ที่ใครหลายคน อาจจะยังไม่เคยรู้
มาร่วมคลายข้อสงสัยกับความแตกต่าง ในความเหมือนของโลโก้ประเภทต่าง ๆ
“โลโก้” เป็นหนึ่งในสิ่งแรก ๆ ที่เชื่อว่าคนทำธุรกิจทุกคนต้องรู้จัก และเคยได้ยิน แต่ก็มีน้อยคนนักที่รู้ว่า จริง ๆ แล้ว “โลโก้ มีประเภทที่หลากหลาย แตกต่างกันตามแต่ลักษณะ” อีกด้วย เอาเป็นว่าเราจะไม่ปล่อยให้คุณต้องมานั่งสงสัยกันไปนาน ๆ เพราะว่าในวันนี้เราได้สรุป เอาประเภทโลโก้ที่มีลักษณะเด่น ๆ ที่ควรรู้จักเอามาฝากกัน เพื่อที่เจ้าของธุรกิจ หรือ นักออกแบบ โลโก้จะได้รู้และเข้าใจได้มากขึ้น ว่าธุรกิจหนึ่ง ๆ เหมาะสมกับโลโก้ประเภทไหนที่สุด
กล่าวคือ ยิ่งเรารู้ถึงประเภทของโลโก้ได้มากเท่าไหร่ เราจะยิ่งเรียนรู้ และเข้าใจถึงหน้าที่ ที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังในโลโก้ประเภทต่าง ๆ ซึ่งแน่นอนว่าเราก็จะสามารถดึงข้อดีเหล่านั้น มาปรับและดัดแปลงกับตัวธุรกิจได้อย่างเหมาะสมอีกด้วย
ดังนั้น ถึงเวลาแล้วที่เราจะมาเพิ่มมความหมาย และมูลค่าของโลโก้ในรูปแบบเดิม ๆ มาเพิ่มเติมไปด้วย ประเภทของโลโก้ทั้ง 3 ประเภท นี้ ... ตามมาดูกัน
ประเภทที่ 1 : Lettermark “ลดรายละเอียด เพิ่มความโดดเด่น เสริมความเป็นลักษณะเฉพาะ”
โลโก้ในประเภทนี้นั้น เหมาะสำหรับ “ธุรกิจที่มีชื่อยาว” แต่ต้องการที่จะย่อให้เหลือตัว Text บนโลโก้แค่ไม่กี่ตัวอักษร ยกตัวอย่างเช่น NASA, IBM หรือ HBO เป็นต้น โดยข้อดีของโลโก้ในประเภท Lettermark คือ มัน จะมีส่วนช่วยในเรื่องของการลดทอน รายละเอียดส่วนประกอบบนโลโก้ได้เป็นอย่างมาก และยังทำหน้าที่เบื้องหลังในการสร้างความจดจำให้ได้ง่ายมากยิ่งขึ้น ลองคิดดูเล่น ๆ ระหว่างการใช้โลโก้ที่มี Text คำว่า HBO กับ Home Box Office สิ่งไหนที่จะจดจำง่ายกว่ากัน ซึ่งแน่นอนว่าเป็น HBO อยู่แล้วใช่มั้ยล่ะแต่หลาย ๆ คนอาจจะเกิดคำถาม และข้อสงสัยว่า โลโก้ประเภทนี้เป็นแค่ Text ที่เป็นชื่อย่อเฉย ๆ จะสร้างความน่าจดจำ ความน่าสนใจได้อย่างไร !?
รู้หรือไม่ว่า โดยที่จริงแล้วนั้น มันสามารถทำได้หลากหลายรูปแบบเลยล่ะ ไม่ว่าจะเป็น การเล่นสไตล์ Font ให้ดูแปลก แตกต่าง หรือ สอง อาจจะเป็นการออกแบบ Text ในลักษณะพิเศษเฉพาะตัว หรือเพิ่มองค์ประกอบลงไปในโลโก้ ก็จะสามารถสร้างความโดดเด่นได้ ในรูปแบบที่ไม่เหมือนใคร และไม่มีใครเหมือนได้เช่นกัน
ทั้งนี้ทั้งนั้น คอนเซปต์หลักง่าย ๆ เลยของการใช้โลโก้ประเภทนี้ คือการออกแบบให้ Text บนโลโก้ ให้มีลักษณะเฉพาะ ที่แตกต่างจากอักษรทั่วไปนั่นเอง
ประเภทที่ 2 : Symbolic “ตกหลุมรัก สร้างความจดจำตั้งแต่แรกเห็น”
Main หลักของโลโก้ประเภท Symbolic คือการออกแบบโลโก้จากรูปที่เราคุ้นตากันเป็นอย่างดีอยู่แล้ว มาดีไซน์ออกแบบใหม่ให้เป็นไอคอน ที่สามารถจดจำได้ง่ายยิ่งขึ้น ซึ่งธุรกิจใหญ่ ๆ หลาย ๆ ธุรกิจ ก็ได้ใช้โลโก้ประเภทนี้กันอยู่อย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Apple หรือ Twitter เป็นต้น โดยลักษณะเด่นของโลโก้ประเภทนี้ คือ เมื่อผู้คนมองไปยังโลโก้ ก็จะสามารถนึกออกได้ทันทีว่ามันคือรูปอะไร
ดังนั้น หน้าที่เด่นที่เป็นเบื้องหลังของโลโก้ประเภทนี้ คือการ Create memory in first sight. แต่ข้อควรระวังสำหรับการใช้โลโก้ในประเภทดังกล่าว ก็คือเรื่องของความเหมาะสมในการนำรูปภาพต่าง ๆ มาใช้ โดยจะต้องคำนึงเรื่องความเหมาะสมกับตัวธุรกิจเป็นหลัก ว่ามีความเข้ากันได้หรือไม่อย่างไร
เพราะถ้ามันไม่ได้จริง ๆ ก็อย่าฝืน ข้อแนะนำก็คือ โลโก้ประเภท Symbolic ควรใช้ในกรณีที่ชื่อของธุรกิจสามารถโยง หรือเข้าใจถึงสิ่งเหล่านั้น ได้เท่านั้น
ประเภทที่ 3 : Combination Mark “รวมจุดเด่น เน้นผสมผสานภาพ และตัวอักษร”
เป็นโลโก้ที่ผสมผสาน และดึงเอาคุณสมบัติเด่นของทั้ง Text และ Image เข้ามาอยู่ในบนโลโก้เดียวกัน ทั้งนี้ทั้งนั้น รูปแบบการวาง หรือตำแหน่งของ Text และ Image บนโลโก้ ก็คือขึ้นกับการออกแบบอีกครั้ง ซึ่งสามารถเห็นได้จากแบนด์ใหญ่ ๆ ที่เป็นที่รู้จักกันดีอย่าง Burger King หรือ Lacoste เป็นต้น โดยโลโก้ประเภทนี้ ก็เป็นหนึ่งในอันดับต้น ๆ ที่ธุรกิจ และนักออกแบบนิยมเลือกใช้กันในการออกแบบโลโก้
เนื่องจากว่า หน้าที่เด่นเบื้องหลังของโลโก้ประเภทนี้ คือการสร้างการจำจดทั้ง Image และชื่อแบรนด์ได้ในเวลาเดียวกัน ทำให้คนสามารเข้าใจถึงธุรกิจได้ โดยที่ไม่ต้องรู้จักตัวธุรกิจมาก่อน อีกหนึ่งจุดเด่น และข้อดีของโลโก้ประเภท Combination Mark คือเมื่อดำเนินธุรกิจไปช่วงเวลาหนึ่ง และมีผู้คนจดจำได้แล้ว ก็ยังสามารถลดทอนรายละเอียดให้เหลือแค่ชื่อแบรนด์ หรือว่าแค่ Image บนโลโก้อย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้ หากแต่คนก็ยังสามารถจำได้อยู่เหมือนเดิม ซึ่งก็คงจะเหมือนกับ อั้ม พัชราภา ที่ไม่ว่าจะใส่แมส หรือถอดแมส คนก็ยังจดจำได้อยู่ดีนั่นเอง
.
จะเห็นได้ว่า ไม่ว่าจะเป็น โลโก้ทั้ง 3 ประเภท ต่างก็มีคุณสมบัติ จุดเด่น และข้อดีที่แตกต่างกัน เอาเป็นว่าการออกแบบโลโก้ของคุณครั้งหน้า แนะนำว่าขั้นแรกให้ลองหาวัตถุประสงค์ องค์ประกอบของตัวธุรกิจ จากนั้นจึงค่อยให้ลองเปรียบเทียบกับคุณสมบัติ และลักษณะเด่นของโลโก้แต่ละประเภท ว่าประเภทไหนที่เข้ากันได้กับธุรกิจของคุณมากที่สุด จากนั้นจึงค่อยปรับการออกแบบของคุณ ให้ไปตามทิศทางของโลโก้ประเภทต่าง ๆ ก็จะเป็นการที่ดีกว่า คอนเฟิร์ม !
ติดตามอ่านบทความสร้างสรรค์ สร้างแรงบันดาลใจ และ แบ่งปันทริคง่าย ๆ
ผ่านบทความ การสร้างแบรนด์ ธุรกิจ ดีไซน์ เพิ่มเติมได้ที่ :
https://www.facebook.com/attern
attern.co
attern
1 บันทึก
2
1
2
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย