27 พ.ค. 2020 เวลา 09:22 • การศึกษา
"Dark Web"
1
ก่อนที่เราจะเข้าประเด็นเรื่องของ Dark web ต้องขออนุญาตให้เข้าใจหลักการทำงานเบื้องต้นของเว็บไซต์ก่อน อย่างในโลกอินเทอร์เน็ตที่เราท่องกันอยู่ในปัจจุบัน ก็จะมีเรื่องของเว็บไซต์ บราวเซอร์ต่างๆมากมาย ยกตัวอย่างเช่น Google Youtube Yahoo Twitter เขาก็จะเรียกว่าเว็บไซต์ที่ถูกกฎหมายและมีการจดลิขสิทธิ์อย่างถูกต้อง แต่ Dark Web ก็จะตรงข้ามกับเว็บไซต์ที่เอ่ยมาทั้งหมด จะเป็นเว็บที่ผิดกฎหมาย มีแต่เรื่องเลวร้ายอยู่ในนั้น ไม่ได้มีการลงทะเบียน IP อย่างถูกต้อง และไม่สามารถ Search หาตามปกติได้ จะต้องใช้ตัวบราวเซอร์เฉพาะของมัน ถึงจะเข้าเว็บนั้นได้
2
แต่อย่างในปัจจุบัน ถ้าถามว่ามี Dark Web ที่สามารถเข้าได้โดยเว็บบราวเซอร์ธรรมดาไหม บอกเลยว่ามี แต่ส่วนใหญ่ก็จะโดนกระทรวง I.T ของแต่ละประเทศบล็อกและกีดกันออกไป เพราะเป็นเว็บที่ค่อนข้างอันตราย เป็นเนื้อหาที่อันตราย และความปลอดภัยในข้อมูลคอมพิวเตอร์ของท่าน เพียงแค่คุณกดเข้า Dark Web แม้แต่ครั้งเดียว คุณก็มีสิทธิ์โดนแฮกข้อมูลในคอมพิวเตอร์ของคุณทั้งหมด
ขึ้นชื่อว่า Dark Web แน่นอนว่าไม่มีอะไรโปร่งใส และไม่มีอะไรการันตีความปลอดภัย ปกติเว็บไซต์จะมีอยู่ทั้งสิ้น 3 เว็บไซต์ โดยเว็บไซต์ที่เราใช้กันอยู่ปกติจะเป็นพวก Google Yahoo จะอยู่ในเว็บไซต์แบบแรกคือ Surface Web หรือ เว็บแบบผิวเผิน ถ้าให้เปรียบเทียบง่ายๆก็จะเป็นคล้ายๆภูเขาน้ำแข็ง ที่ด้านบนโผล่ออกมาจากน้ำ เรียกว่า Surface Web หรือเว็บที่ Search หากันได้ทั่วไป เป็นเว็บที่ถูกต้องตามกฎหมาย และมีคนใช้กันอย่างทั่วถึง โดยเว็บพวกนี้สามารถใช้ Search หากันได้ปกติ จะไม่มีการบล็อก ไม่มีการบังคับห้ามเข้า เพราะเป็นเว็บที่ถูกกฎหมาย และมีการบล็อกเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมในเรื่องของเว็บไซต์ที่มีความรุนแรง โดย Surface Web จะอยู่ในอัตราส่วนแค่ 4ในร้อยของเว็บไซต์ทั้งหมด หรือพูดง่ายๆก็คือ 4% จากทั้งหมดนั่นเอง
ต่อไปอย่างที่ 2 คือ Deep Web หรือเว็บลึกลับ จะไม่ปรากฏอยู่ใน search engine ทั่วไป และไม่เปิดให้บุคคลสาธารณะทั่วไปสามารถเข้าไปดูเว็บนั้นได้ ยกตัวอย่างเช่น เว็บของทางราชการโดยเฉพาะ หรือเว็บขององค์กรที่มีความลับอยู่ในองค์กรนั้น
1
และอย่างสุดท้ายที่เราโฟกัสกัน นั่นก็คือ Dark Web หรือเว็บมืดนั่นเอง Dark Web ก็จะเป็นเว็บที่รวมทุกอย่าง สิ่งผิดกฎหมาย ตั้งแต่ยาเสพติด การค้ามนุษย์ การจ้างแฮกเกอร์ รวมถึงการอัพโหลดวิดีโอโหดๆ เถื่อนๆ ลง Dark Web เพื่อแลกกับรายได้บางส่วนก็มีเหมือนกัน
ถ้าเปรียบเทียบง่ายๆก็เหมือน Youtube ในบ้านเรา แต่จะเป็น Youtube ในลักษณะที่ดิบ เถื่อน มีแต่คลิปที่เนื้อหารุนแรง ค่อนข้างที่จะโหดร้ายมากๆ และเนื้อหาของ Deep Web กับ Dark Web รวมกันมีจำนวนเว็บถึง 96% เป็นทั้งเว็บที่เป็นความลับและเป็นเว็บที่มีเนื้อหารุนแรงปะปนกันไป และไม่แนะนำให้เปิด Dark web หรือหาเว็บบราวเซอร์ที่เข้า Dark Web ได้เพียงแค่ความอยากรู้อยากเห็น และไม่แนะนำให้ไปดูวิธีการเข้า Dark Web จากที่อื่นด้วยเพราะมันอันตรายต่อตัวเราเองมากๆ แค่คุณกดเข้าไปในเว็บแค่ครั้งเดียว ข้อมูลในคอมพิวเตอร์คุณอาจจะถูกแฮกไปโดยไม่รู้ตัว หรือถ้าโชคร้ายที่สุดคือ อยู่ดีๆคอมพิวเตอร์ของคุณอาจมีคลิปการฆาตกรรม โจรกรรม เข้ามาอยู่ในคอมคุณ และคุณอาจจะเป็นคนร้ายในคดีนั้นๆ โดยไม่รู้ตัวก็เป็นได้ และบทความนี้ทำขึ้นเพื่อเป็นกรณีศึกษาเพียงเท่านั้น
2
Dark Web เป็นเว็บที่ไม่มีการหาเจอได้โดยวิธีปกติ เพราะ Dark Web พวกนี้จะใช้กลวิธีคล้ายๆกับเว็บดูหนังฟรีทั่วไป ก็คือการเปลี่ยน IP เว็บตลอดเวลา ทุกๆสามวินาที และเว็บจะต่างจากเว็บที่ดูหนังฟรีทั่วไปตรงที่ เว็บดูหนังจะเปลี่ยนเฉพาะ IP แต่ Dark Web จะเปลี่ยนทั้ง URL และ IP
สำหรับคนที่ไม่รู้ว่า URL คืออะไร ก็คือ Linkด้านบนที่เขียนว่า www. ..... ส่วน IP คือ IP ที่ลงทะเบียนว่าเว็บนี้ถูกกฎหมาย แน่นอนว่า Dark Web เปลี่ยนทั้ง IP และ URL ทุกๆสามวินาที หรืออาจจะเร็วกว่านั้นก็เป็นได้ เพื่อที่จะไม่ให้คนตรวจจับเจอนั่นเอง
สำหรับปัจจุบันได้มีข่าวออกมายืนยันเยอะมากว่า Dark Web โดนทะลายไปแล้ว โดย FBI จากสหรัฐอเมริกา หรือประเทศอื่น จริงๆ Dark Web ถูก FBI ปิดไปแล้วส่วนหนึ่ง แต่เป็นส่วนน้อย ส่วนมากไม่สามารถปิดได้จริงๆ เพราะว่าคนที่เป็นเจ้าของเว็บ รวมถึงโปรแกรมเมอร์ และแฮกเกอร์ระดับโลกที่เขาไม่เปิดเผยชื่อหรือตัว อยู่ใน Dark Web หมดเลย
โฆษณา