Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
การแพทย์สายพุทธ
•
ติดตาม
27 พ.ค. 2020 เวลา 12:10 • ประวัติศาสตร์
พระพุทธเจ้า ๕ พระองค์ และ นิทานพระยากาเผือก
คัมภีร์ใบลานเรื่องกาเผือก ได้กล่าวไว้ว่า ย้อนหลังไป ๒๐ อสงไขย กับอีก ๑ มหาแสนกัป สมัยอยูในช่วงมัณฑกัป ที่จะมีพระพุทธเจ้าได้เสด็จมาอุบัติตรัสรู้ในโลก ๕ พระองค์
ในสมัย พระพุทธเจ้าทีปงกร นั้น มีพญากาเผือก ๒ ตัวผัวเมียทำรังอยู่ที่ต้นมะเดื่อริมฝั่งแม่น้ำต่อมาแม่กาเผือกได้ออกไข่ ๕ ฟอง วันหนึ่งเมื่อสองกาเผือกออกไปหาอาหาร เกิดฝนตกฟ้าคะนองพายุใหญ่พัดกระหน่ำ
ไข่ทั้งหมด ได้ถูกลมพัดตกน้ำไหลกระจายไปคนละทาง แม่กาเผือกเมื่อกลับมาถึงรังไม่เห็นไข่ ก็พยายามตามหาแต่ก็ไม่พบ ด้วยความเศร้าโศกเสียใจ แม่กาเผือกไม่สามารถระงับความอาลัยได้จึงสิ้นใจตาย
ด้วยอานิสงส์แห่งความรักเมตตาลูก จึงได้ไปเกิดอยู่แดนพรหมโลกชั้นสุธาวาส ชื่อท้าวฆติกามหาพรหม
ส่วนไข่แต่ละฟองก็มีผู้นำไปฟักเลี้ยง และในเวลาต่อมา พระโพธิสัตว์ ทั้ง ๕ ก็ประสูติออกจากไข่
ปรากฏเป็นมนุษย์ รูปร่างสวยสดงดงาม ทั้ง ๕ พระองค์ พอโตเป็นหนุ่ม ชายทั้งห้า ต่างก็ออกบวชเป็นฤาษี บำเพ็ญบารมีอยู่ในป่า อยู่มาวันหนึ่งได้เหาะไปหาอาหารผลไม้ และบำเพ็ญเพียรธรรมที่ป่าดอยสิงคุตตระปิฎฐา
ด้วยเหตุปัจจัยในกุศลบารมีธรรม ฤาษีทั้ง ๕ ก็ได้มาพบกัน จึงสอบถามความเป็นมาของกันและกัน จึงได้รู้แต่ว่า แต่ละคนมีแต่แม่เลี้ยง แม่ที่แท้จริงอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้
จึงได้ร่วมกันตั้งสัจจะอธิฐาน ขอให้ได้พบแม่บังเกิดเกล้าที่แท้จริง ด้วยอำนาจธรรมอันบริสุทธิ์ของฤาษีทั้ง ๕ คำอธิษฐานจึงดังก้องไปถึงพรหมโลก ท้าวฆติกามหาพรหม (แม่กาเผือก) จึงจำแลงเป็นแม่กาเผือกลงมาปรากฏ
ฤาษีทั้ง ๕ ก็รู้ด้วยญาณทัศนะว่า นี่แหละเป็นแม่บังเกิดเกล้าที่แท้จริง คือแม่กาเผือก เมื่อได้ทราบถึงความจริงต่างก็พากันสลดสังเวชใจและสำนึกในบุญคุณของแม่กาขาวเป็นยิ่งนัก
ก่อนจากกัน ฤาษีทั้ง ๕ จึงกราบขอรอยเท้าของแม่กาเผือกเอาไว้บูชา แม่กาเผือกจึงนำเอาฝ้ายมาฟั่น เป็นรูปตีนกาให้ไว้ใช้เป็นไส้ประทีปจุดบูชาทุกวันพระ (เป็นที่มาของประเพณีจุดประทีปโคมไฟ ในวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๒ (เทศกาลยี่เพง – ลอยกระทง)
จากนั้นฤาษีทั้ง ๕ ต่างพากันบำเพ็ญเพียรสะสมบารมีจนกระทั่งดับขันธ์ไปเกิดเป็นเทพบุตรบนสวรรค์ชั้นดุสิต ได้บำเพ็ญบารมีจนได้เก้าพันปีทิพย์ และวนเวียนลงบำเพ็ญบารมีจนเต็มเปี่ยมครบสมบูรณ์ ๓๐ ทัศ แล้วก็ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าตาม ลำดับ นับตั้งแต่พระกกุสันธะ พระโกนาคมนะ พระกัสสปะ และพระโคตมะ องค์ปัจจุบัน นับได้ ๔ พระองค์แล้ว เหตุที่พระนามที่มี คือ
องค์ที่ ๑ พระนามว่า พระกกุสันโธ ตามนามแม่เลี้ยงที่เป็นไก่
องค์ที่ ๒ พระนามว่า พระโกนาคมโน ตามนามแม่เลี้ยงเป็นนาค
องค์ที่ ๓ พระนามว่า พระกัสสโป ตามนามแม่เลี้ยงเป็นเต่า
องค์ที่ ๔ พระนามว่า พระโคตโม(องค์ปัจจุบัน) ตามนามแม่เลี้ยงเป็นโค
องค์ที่ ๕ พระนามว่า พระศรีอริยเมตไตรยโย ตามนามแม่เลี้ยงที่ เป็นราชสีห์ และยังเหลือแต่พระศรีอริยเมตไตรยที่จะมาตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในกาลข้างหน้า
และในวันที่พระโพธิสัตว์ทั้ง ๔ พระองค์ออกบวชเพื่อจะตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในชาติสุดท้าย ฆฏิกาพรหม ซึ่งก็คือนางพญากาขาวอดีตมารดาจะเป็นผู้นำบาตรและไตรจีวรมาถวายให้แก่ทุกพระองค์
เครดิตภาพ เวปพลังจิต และ
https://groups.google.com/forum/
1 บันทึก
2
2
1
2
2
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย