27 พ.ค. 2020 เวลา 14:07 • ปรัชญา
“I have seen further it is by standing on the shoulders of giants.”
“ฉันสามารถมองได้ไกล นั่นก็เพราะฉันยืนอยู่บนไหล่ของยักษ์”
8
หลายท่านคงเคยได้ยินสำนวนนี้มาจากแห่งหนใดสักแห่ง แต่เชื่อว่าหลายท่านอาจยังไม่เข้าใจความหมายของสำนวนนี้อย่างลึกซึ้ง วันนี้นักปราชญ์จะพาทุกท่านมาเข้าใจความหมายของสำนวนนี้กัน
ยักษ์ ในความคิดของใครหลายคนจะต้องเป็นสิ่งมีชีวิตที่คล้ายกับมนุษย์ แต่มีรูปร่างใหญ่กว่าหลายเท่า ถ้าจะให้วัดคงจะเป็นไปได้ยาก หากลองเทียบมนุษย์เป็นเพียงมดตัวเล็กๆ และยักษ์คือมนุษย์ ท่านคิดว่ายักษ์จะมีขนาดใหญ่เพียงใด ถ้าจะให้ประมาณก็ราวๆ 170 เท่า แต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่มีใครเคยเห็นยักษ์ที่ว่ามานี้เลยสักครั้ง ถึงแม้จะมีการค้นพบร่องรอยอยู่บ้างก็ตาม
https://youtu.be/RhGbL0jtCTs
เดี๋ยวสิ! เรากำลังพูดคุยกันถึงยักษ์ที่อยู่ในสำนวนข้างต้นกันอยู่นี่ ถ้าหากว่ายักษ์ที่ว่ามาไม่ใช่ยักษ์ที่มีรูปร่างคล้ายกับมนุษย์ แล้วยักษ์ในสำนวนนี้หมายถึงอะไร
ย้อนกลับไปเมื่ออดีต เจ้าของสำนวนนี้ เซอร์ไอแซ็ก นิวตัน นักวิทยาศาสตร์ผู้ค้นพบกฎแรงโน้มถ่วง หรือที่เรารู้จักในชื่อ กฎแรงโน้มถ่วงของนิวตัน และยังเป็นผู้ค้นพบทฤษฎีต่างๆ และมีผลงานอื่นอีกมากมาย
https://th.wikipedia.org/wiki/ไอแซก_นิวตัน
แต่ไม่ว่านิวตันจะค้นพบสิ่งใดก็ตาม มันจะไม่เกิดขึ้นเลยหากปราศจากยักษ์ใหญ่แห่งวงการวิทยาศาสตร์หลายตน ซึ่งนิวตันได้ไปยืนอยู่บนไหล่ของยักษ์เหล่านั้น เช่น โคเปอร์นิคัส, เคปเลอร์, กาลิเลโอ, ฮุค, คริสโตเฟอร์, บาโรว, เวน, ฮัลเล่ เป็นต้น และไม่มีทางเป็นไปได้เลยที่นิวตันจะสร้างผลงานอันยอดเยี่ยมออกมาโดยปราศจากยักษ์ตนใดตนหนึ่ง
หลายท่านคงทราบแล้วว่า ยักษ์ ในสำนวนนี้แท้จริงแล้วคืออะไร
คำตอบคือ... บุคคลในสมัยก่อนที่ได้สร้างสรรค์ผลงานอันยอดเยี่ยมของตนและถ่ายทอดออกมาจากรุ่นสู่รุ่น เช่น ความรู้ ภูมิปัญญา ขนบธรรมเนียม ประเพณี เป็นต้น ที่มีอิทธิพลต่อการสร้างสรรค์ผลงานใหม่ๆ ของคนรุ่นต่อๆ ไป ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมานี้ได้มียักษ์ใหญ่แห่งวงการต่างๆ มากมาย โดยเฉพาะวงการวิทยาศาสตร์
นักวิทยาศาสตร์รุ่นใหม่จะต้องทำความเข้าใจในไอเดีย ผลงาน แนวคิด ประวัติของนักวิทยาศาสตร์รุ่นเก่า และติดต่อสื่อสารกัน แลกเปลี่ยนความรู้ซึ่งกันและกันอยู่ตลอดเวลา เพื่อนำสิ่งเหล่านั้นมาต่อยอดให้ดียิ่งขึ้นหรือสร้างเป็นผลงานใหม่หรือนวัตกรรมใหม่ที่ไม่เคยมีใครทำ
และไม่เพียงแต่วิทยาศาสตร์เท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงศาสตร์อื่นๆ ด้วย
นี่จึงเป็นเหตุผลว่า ทำไม? เมื่อเราเรียน เราต้องศึกษา เข้าใจในประวัติศาสตร์ของสิ่งที่เรียน และต้องเข้าใจแนวคิดและไอเดียของผู้สร้าง ก็เพื่อให้เราได้มองเห็นภาพที่ไกลกว่าผู้อื่น เปรียบเหมือนกับการที่ได้ยืนอยู่บนไหล่ของยักษ์นั่นเอง!
โฆษณา