Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
I am
•
ติดตาม
28 พ.ค. 2020 เวลา 04:00 • ท่องเที่ยว
ไปนั่งให้ดาวมองดูเรา บนเขา ที่ภูสอยดาว
อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว มีพื้นที่ครอบคลุม 2 จังหวัด คือ พิษณุโลก และอุตรดิตถ์ ยอดสูงสุดของภูสอยดาวสูงจากระดับน้ำทะเล 2,102 เมตร ซึ่งสูงเป็นอันดับ 4 ของประเทศไทย มีแหล่งท่องเที่ยวสวย ๆ อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น น้ำตกภูสอยดาว, น้ำตกสายทิพย์, หลักกิโลเมตรประเทศไทย-ลาว และจุดชมพระอาทิตย์ตกดิน สำหรับเส้นทางพิชิตลานสนภูสอยดาวจากด้านล่าง จะต้องเดินเท้าขึ้นเขาลาดชัน ผ่านน้ำตกสายทิพย์บรรยากาศในป่าแถวน้ำตกจะร่มรื่นและหนาวเย็นตลอดแม้เป็นวันที่แดดจัด หากคุณเดินมาเรื่อยแล้วคิดว่าไกลแล้วแต่ยังไม่พ้นน้ำตก ผมอยากให้คุณคิดใหม่ ฮ่า ๆ เพราะนั้นยังไม่ถึงจุดเนินแรกที่จะต้องเดินขึ้นภูสอยดาวเลย เจ้าหน้าที่จะทำการเปิดลงทะเบียนให้เดินเท้าขึ้นภูสอยดาวตั้งแต่ 8.30น.แนะนำให้ไปถึงก่อนเวลาลงทะเบียนเช้า ๆ เพราะต้องใช้เวลาเดินอีกเยอะ ฮ่า ๆ เส้นทางต้องเดินผ่านเนินวัดใจทั้งหมด 5 เนิน คือ เนินส่งญาติ เนินปราบเซียน เนินป่าก่อ เนินเสือโคร่ง และเนินมรณะ ซึ่งเป็นเนินสุดท้าย ที่ลาดชันที่สุด รวมระยะทางประมาณ 6.5 กิโลเมตร(แม้ว ความรู้สึกเหมือนระยะทางที่ใช้เดินทั้งเดือนรวมกัน ฮ่า ๆ) ใช้เวลาเดิน 4 – 8 ชั่วโมง (ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของแต่ละคน ผมใช้เวลาไป 3ชั่วโมงครึ่ง ไม่อยากจะโม้เลย ฮ่า ๆ ) สิ่งที่จะแนะนำคือให้เตรียมน้ำขวดใหญ่ 1 ขวดพกติดตัว ให้จิบกินแก้กระหายและคลายความเหนื่อยระหว่างทาง อย่ากระดกจนหมดรวดเดียวนะ ไม่งั้นได้เดินคอแห้งตลอดทางแน่ ๆ ขอเตือนจริง ๆ ฮ่า ๆ แวะพักเป็นช่วง ๆ หากร่างกายไม่ไหวได้ สัมภาระสำหรับคนที่ไม่คุ้นชินกับการเดินป่าและเดินทางไกล ๆ แนะนำให้จ้างลูกหาบ ให้แบกสัมภาระให้เราในราคา กิโลกรัมละ 40บาท อย่าโชว์พาวเวอร์เยอะ เพราะกลางทางจ้างลูกหาบไม่ได้นะครับ ฮ่า ๆ อาจจะอยากโยนของทิ้งระหว่างทางได้ และสามารถไปรอรับของได้ที่จุดรับสัมภาระบนลานสนจุดกางเต๊นท์ด้านบนเลยครับ ควรพกยาสามัญประจำบ้านติดตัวไปสักเล็กน้อย ยานวดคลายกล้ามเนื้อ ยาหม่อง ยาลดไข้ ติดตัวไว้เผื่อฉุกเฉินด้วยนะครับ
ระหว่างทางขึ้นเขาแถวน้ำตกสายทิพย์ จะร่มรื่นเต็มไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่มากมาย ระหว่างที่เดินระมัดระวังทางด้านหน้าที่คุณจะเดินดี ๆ ด้วบนะครับ เพราะผมเหลือบไป เห็นงู และตะขาบตัวเป้ง ๆ อยู่ สองครั้ง ระมัดระวังกันด้วยนะครับ
หากผ่านเนินที่หนึ่งมาแล้ว อากาศจะเริ่มร้อนขึ้นและเป็นแบบนี้ไปตลอด ทั้งสี่เนินแรก แต่ก็ยังมีร่มไม้ให้หลบแดดพักผ่อนได้ตลอดทาง เวลาเริ่มสายแล้วแสงอาทิตย์ส่องลอดแนวต้นไม้ระหว่างทาง ช่วยเผาผลาญพลังงานได้ดีจริง ๆ จากในรูปจะเห็นว่าผมแบกสัมภาระมาเองเพราะผมรู้ลิมิตของร่างกายตัวเองดี ฮ่า ๆ ขอโม้หน่อย แต่ก็ยังต้องแวะพักอยู่เรื่อย ๆ แนะนำอย่าหาทำ ฮ่า ๆ ทริปนี้เสียดายกล้องที่เตรียมมาติดปัญหา เลยทำให้ได้ภาพไม่ชัดตามที่ต้องการ ต้องเตรียมตัวไปใหม่อีกสักรอบ
จุดนี้จะเป็นเนินมรณะ มัันสมชื่อเนินจริงๆ เพราะหากคุณเดินมาถึงเนินนี้ ก็เสียพลังงานไปเยอะแล้ว และเวลาก็คงจะเที่ยง ๆ หรือบ่าย อากาศจะร้อนมาก เพราะโดนแดดส่องทางเดินจะเป็นทางลาดชัน ที่ชันเอามาก ๆ ที่สำคัญไม่ค่อยมีร่มไม้ ให้หลบแดดเท่าไหร่แล้ว อาศัยได้คงร่มจากยอดหญ้าแถวนั้น ฮ่า ๆ ขอให้ระมัดระวังกันด้วยนะครับเพราะทางจะเป็นหินและเหมือนจะมีดินทราย บางจุดลื่นเอามาก ๆ ควรระมัดระวังกันดี ๆนะครับ ระหว่างเนินมีจุดถ่ายรูปสวย ๆ ที่มองเห็นวิวของแนวเขาที่สลับเรียงตัวกันไปมา หากคุณสักเกตุที่สันเขาด้านล่างจากบนเนิน จะเห็นเส้นทางที่คุณเดินผ่านมาได้ จะโบกมือทักทายเพื่อน ๆ ที่ยังเดินไม่ถึงเนินมรณะก็ได้นะ จะมองเห็นกันได้อยู่ ฮ่า ๆ
พอพ้นเนินมรณะมาได้ยังไม่สิ้นสุดการเดินทางนะครับ ฮ่า ๆ คุณก็เจอเส้นทางลาดอีกสักระยะ กว่าจะถึงลานสนหรือจุดกางเต๊นท์ อย่าลืมแวะถ่ายรูปตรงป้ายความสำเร็จ เดี๋ยวเขาหาว่ามาไม่ถึงจริง ๆ นะครับ เดินเลยป้ายไปก็จะเป็น จุดลงทะเบียนแสดงตัวกับเจ้าหน้าที่และรอรับสัมภาระและลานกางเต๊นท์แล้วครับ หามุมกางเต๊นท์และนั่งพักเอาแรงกันได้เลยนะครับ หากคุณจากหาบสัมภาระบางส่วนอาจจะต้องรอสักหน่อยนะครับกว่าลูกหาบเขาจะแบกของขึ้นมาใช้เวลาพอสมควรครับ แต่อย่างช้าสุดไม่น่าจะเกิน 5โมงเย็น ผมแบกมา 7กิโลกรัมก็ว่าแย่แล้ว ลูกหาบบางคนแบก 60กิโล ยอมใจเขาจริง ๆ ครับยกนิ้วให้เลย
หลังจากพักเอาแรงกันเสร็จแล้วอย่าลืม ไปนั่งดูพระอาทิตย์ตกดินกันนะครับ พอดีช่วงที่ผมไปคนไม่เยอะมาก ช่วงเทศกาลคนเดินขึ้นลานสน 500-1000คนเลยนะครับ บรรยากาศยามเย็นโรแมนติกมากครับ นั่งจับมือกันมองแสงของพระอาทิตย์ที่ย้อมสีให้กับท้องฟ้า จนกลายเป็นสีทองและค่อย ๆ เปลี่ยนสีจนกลายเป็นสีแดง ก่อนตัวพระอาทิตย์จะค่อย ๆ ตกลับแนวของภูเขาทางด้านล่างพร้อมแสงที่หรี่ลงไปพร้อมกับดวงอาทิตย์ที่ลับขอบฟ้า รวมไปถึงลมเย็น ๆ ที่พัดผ่านรอบตัวเรา ที่มีเสียงเบา ๆ ของลมที่่พัดผ่านยอดหญ้าที่ลู่ไปตามลมและเสียงของใบไม้ ที่กระบกับสายลม บรรยากาศมันช่างแสนวิเศษ
หลังจากพระอาทิตย์ตกก็มาก่อกองไฟสำหรับดินเนอร์สุดโรแมนติก ด้วยอาหารญี่ปุ่นสูตรสำเร็จรูปชามโตคนละถ้วยครับ ฮ่า ๆ ใช่ครับมันคือบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป แถมด้วยไส้กรอกและเนื้อหมูมาย่างร่มควันเล็กน้อยพร้อมด้วยขนมขบเคี้ยวล้างปาก หากมากันหลายคนช่วยกันแบกหรือจ้างคงจะมีของกินดีกว่านี้ครับ หลังจากกินเสร็จก็นอนเล่น นับดาวกะนได้เลยครับ สักสองทุ่มก็จะเริ่มเห็นดาวแล้วครับ ยิ่งดึก ๆ ก็จะยิ่งเห็นมากขึ้นครับ อ่อ อีกอย่าง ผมไม่แน่ใจว่ามีตลอดทั้งปีหรือเปล่า คือฝูงหิ่งห้อยครับ ที่แนวป่าใกล้ธารน้ำเล็ก ๆใกล้จุดกางเต๊นท์ มีหิ่งห้อยเต็มไปหมดเลยครับ ผมไม่ได้เห็นมานานมากแล้ว จะไปหาจับถ่ายรูปก็ไม่อยากไปรบกวนวงจรชีวิตของเขาครับ ได้แต่ยืนดูซะมากกว่า เราควรดูความสวยงามให้เป็นไปตามวิถี ดีกว่าเดินเข้าไปเก็บมาไว้แล้วแล้วมันค่อย ๆ เลื่อนหายไปนะครับ
ในตอนเช้า สำหรับบางคนที่จะตื่นไปดูพระอาทิตย์ขึ้น ไม่ต้องไปนะครับ เพราะไม่เห็น ฮ่า ๆ เพราะจากจุดกางเต๊นท์มีแนวเขาอีกลูกบังอยู่ครับ ถ้าไปก็คงเห็นแค่คลื่นเมฆที่ไหลผ่านเขานั้นครับ คลื่นจะอยู่ถึงตอนสาย ๆ เลยครับ ไม่ต้องรีบตื่นก็ได้ ฮ่า ๆ หลังจากนั้นสาย ๆ ผมก็เริ่มเก็บของ เพื่อเตรียมตัวลงแล้วครับ อย่าลืมเก็บขยะที่เรานำขึ้นมาไปแลกเงินมัดจำที่จุดลงทะเบียนข้างล่างด้วยนะครับ ช่วยกันรักษาธรรมชาติให้คงอยู่สวยงามไปนาน ๆ นะครับ เวลาที่ใช้เดินลงประมาณ 3 ชม.ครับไม่เหนื่อยมาก เพราะมีแรงโน้มท่วงช่วยดึงลง ฮ่า ๆ หากมีเวลา เมื่อเดอนถึงข้างล่าง แวะแช่น้ำตกดูได้นะครับ น้ำเย็นมากกกก
พระอาทิตย์ที่อยู่ตรงหน้าฉัน ไม่เคยสำคัญไปกว่าเธอที่อยู่ข้าง ๆ กัน
I AM.
บันทึก
4
2
1
4
2
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย