28 พ.ค. 2020 เวลา 05:41 • สุขภาพ
มองข้ามช็อต "คลายล็อกระยะ4" อาจจะต้องใช้ "พรก.ฉุกเฉิน" ถึงสิ้นก.ค.
 
ขออภัยที่ไม่ได้เขียนมาหลายวัน เนื่องจากภารกิจและงานข่าวถาโถมเข้ามาเป็น Normal ของชีวิต
วันนี้จะมาเล่าถึง คำถามที่มีการถามเข้ามามากว่า เมื่อไรจะเลิกใช้พรก.ฉุกเฉิน คุมระบาดโควิด-19 คำตอบคือ ไม่รู้ครับ (ฮ่า) แต่ที่รู้คือ อยากให้ลองต่อจิ๊กซอว์จากงานเขียนของผมดังต่อไปนี้ก็แล้วกันนะครับ
มติครม.วันที 26 พค. มีมติเคาะต่ออายุการประกาศใช้พรก.ฉุกเฉินคุมระบาดไวรัสร้าย “โควิด-19” เป็นครั้งที่3 ตามข้อเสนอของสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ และที่ประชุมศบค.ชุดใหญ่ ยาวต่อไปอีก 1 เดือน ไปจนถึงสิ้นเดือนมิถุนายน และไม่รู้ว่าการต่อรอบ 4 จะเกิดขึ้นอีกหรือไม่?
สิ่งที่จะชวนให้คิดคือ ท่านผู้อ่านอย่าลืมว่ายังมีกิจการ/กิจกรรมใหญ่ๆ ที่จ่อคิวเปิดทำการ รวมถึง 1 กรกฎาคมที่จะถึง เป็นวันแรกที่นักเรียนทั่วประเทศเปิดเทอม กลับไปพบเจอเพื่อนฝูงและเรียนหนังสือท่ามกลางความกังวล-ห่วงใยของผู้ปกครอง
สายข่าวเล่าให้ฟังว่าในการประชุม ศบค.ชุดใหญ่ล่าสุด หารือล่วงหน้าไว้แล้วถึง “วันเปิดเทอม” 1 กรกฎาคม ด้วยเช่นเดียวกัน ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ยอมรับกลางวงประชุมด้วยว่า เป็นห่วงภาพรวมเรื่องการดูแลเรื่องเว้นระยะห่างของเด็ก และห่วงใยไปถึงความแออัดในห้องเรียน ที่ลงรายละเอียดถึงสัดส่วนครูต่อนักเรียนในห้องเรียน เดิมใช้อัตราส่วน เด็ก 20 คน ต่อครู 1คน (20:1) ก็อาจจะต้องปรับให้เหลือเป็น นักเรียน 7 คน ต่อครู 1 คน (7:1) ซึ่งกระทรวงศึกษาฯ ก็รับไม้ไปวางรูปแบบกันต่อ
มีการถกเถียงถึงข้อเสนอที่ว่า นำ “พ.ร.บ.โรคติดต่อ” มาใช้แทน พรก.ฉุนเฉิน จะดีกว่าไหม เพื่อกลับไปสู่ฟังก์ชันตามปกติให้กระทรวงสาธารณสุขเป็นเจ้าภาพหลัก สอดรับกับตัวเลขติดเชื้อที่ไม่จำเป็นต้องใช้อำนาจตามพรก.ฉุกเฉิน
ข้อเสนอนี้ถูกตีตก ด้วย 3 เหตุผล ในการคงใช้พรก.ฉุกเฉิน ซึ่งรายงานโดย พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ
1.ยังคงมีความจำเป็นและต้องมีการบังคับใช้ พรก.ฉุกเฉิน โดยการป้องกันการแพร่ระบาดในประเทศ จะต้องสามารถดำเนินการต่อไปให้ได้อย่างมีเอกภาพ รวดเร็ว มีความต่อเนื่อง มีประสิทธิภาพ และมีมาตรฐานกลางในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ซึ่งกฎหมายทั้งหมดที่เกี่ยวโยงกับทางด้านสาธารณสุขการควบคุมโรค
“ไม่ใช่แค่นำ พ.ร.บ.โรคติดต่อมาใช้แล้วได้ผล ซึ่งไม่เพียงพอ ยังต้องมีการประกอบกฎหมายกว่า 40 ฉบับ มาอยู่ภายใต้ พรก.ฉุกเฉิน ถึงจะปฏิบัติตรงนี้ได้ ซึ่งจะเกี่ยวข้องกับการเดินทางเข้ามาจากต่างประเทศ การเคลื่อนย้าย การใช้ยานพาหนะ อากาศยาน การตรวจคนเข้าเมือง และอื่นๆ อีกมากมาย
2.การเตรียมรองรับในระยะต่อไป ประเทศไทยอยู่ระหว่างการกำหนดมาตรการผ่อนคลายในระยะที่ 3 และ 4 ซึ่งเป็นกิจกรรมและกิจการที่มีความเสี่ยงสูง จึงจำเป็นต้องมีมาตรการตามกฎหมาย เพื่อกำกับการบริการจัดการ เพื่อบริหารจัดการมาตรการผ่อนคลายให้เป็นระบบในเวลาที่เหมาะสม
3. สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคยังคงไม่สิ้นสุด โดยมีข้อมูลว่า หลายประเทศยังคงมีการระบาดและมีจำนวนผู้ที่ติดเชื้อในระดับที่สูง และเมื่อประเทศไทยได้จัดทำมาตรการครบทั้ง 4 ระยะแล้ว จำเป็นจะต้องมีระยะเวลาเพื่อเตรียมความพร้อมในการเปิดประเทศ อาทิ มาตรการด้านกฎหมาย แผนปฏิบัติการในการบริหารวิกฤตการณ์ เพื่อรองรับกับความเสี่ยงที่อาจจะมีการกลับมาแพร่ระบาดของโรค
ถ้าได้อ่าน 3 เหตุผลของ สมช. ท่านพอจะมองเห็นภาพไหมครับว่า การต่อพรก.ฉุกเฉินรอบ4 จะเกิดขึ้นหรือไม่ เพราะต้องชั่งใจจากข้อมูลด้านสังคม เศรษฐกิจ ความมั่นคง สุขภาพ บวกกับบทเรียนต่างประเทศ ที่ตัดสินใจคลายล็อก แล้วเจอแจ๊กพอต ระบาดรอบใหม่ซํ้าสอง
บ้านเราจะเดินไปทางนั้นไหม อันนี้ก็น่าช่วยกันคิดนะครับ
โฆษณา