Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
เล่า
•
ติดตาม
30 พ.ค. 2020 เวลา 12:45 • การศึกษา
เดี๋ยวก็จะไปออฟฟิศ เดี๋ยวก็ต้องทำงานออนไลน์ แถมเดี๋ยวนี้ยังมีประชุมออนไลน์อีก
ในโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลง รูปแบบการทำงานก็เริ่มจะเปลี่ยนไป อะไรที่จะมาจัดการกับความสับสนนี้
นักธุรกิจ: น่าแปลกใจเหลือเกินที่น้อยคนนักจะรู้ว่า "ตนเอง" จะทำงานให้ "สำเร็จ" ได้อย่างไร
มีเรื่อง "เล่า" บทสนทนาระหว่าง "นักธุรกิจ" และ "เด็กใหม่" ที่จะมามอบมุมมองที่สำคัญบางอย่างบนความสับสนนี้
เด็กใหม่: พี่ครับ วันวันผมนี้แทบไม่ได้หยุดพักเลย พี่รู้ไหมตั้งแต่ผมทำงานที่บ้าน (Work From Home) นะ เวลาผมกินข้าว ผมยังต้องนั่งหน้าจอคอมอยู่เลย
และจะรู้สึกดีใจดีไหมก็ไม่รู้ที่หัวหน้าก็มักจะบอกว่า
ตั้งแต่ที่ทำงานที่บ้านกัน รู้สึกว่าพวกเราทำงานได้เยอะขึ้นนะ แถมดีขึ้นด้วย
นักธุรกิจ: ฮ่าๆ ก็ดีแล้วนี่นา แล้วมันเกิดอะไรขึ้นหรอ
เด็กใหม่: พี่ผมจะ "เล่า" อะไรให้ พอเริ่มมีการทำงานที่บ้านนะ "เวลา" มันไม่เป็น "เวลา" เลยอะพี่ เช้ามาเราก็ตื่นมาเปิดดูเมล์บ้าง อะไรบ้าง
ผลสำรวจเวลาการทำงานเพิ่มมากขึ้นเมื่อผู้คนทำงานที่บ้าน
วันดีคืนดีเราก็ทำงานเหมือนปกติบ้าง ไม่ค่อยมีอะไรตื่นเต้น
บางวันนะ หรือง่ายๆ เลยวันที่ใกล้กำหนดส่งผลงานนะพี่ วันนั้นแหละแทบไม่ได้ทำอะไรเลย เช้ามาก็ประชุม เที่ยงกินข้าวก็ยังต้องอยู่หน้าจอคอม บ่ายดีไม่ดีประชุมต่อ ตกเย็นงานก็ต้องส่งอีก บางวันส่งกัน 4 ทุ่ม ถึง 5 ทุ่ม อยู่หน้าจอคอมกันทั้งวันไม่ได้ลุกไปไหนเลย
นักธุรกิจ: เอานาามันก็มีมุมดีนะ เราได้อยู่กับครอบครัวมากขึ้นไง
เด็กใหม่: โหยย พี่อันนี้ก็อีกประเด็นเลย พี่รู้ไหมปกติบ้านผมนะจะกินข้าวกันพร้อมหน้าพร้อมตากัน แต่พอมีประชุมออนไลน์เท่านั้นแหละ พ่อกับแม่มาชวนผมไปกินข้าวด้วยกัน ผมต้องกล้ำกลืนฝืนใจปฏิเสธพ่อกับแม่ผม ว่าผมติดงานอยู่
ปัญหาอันดับต้นๆ ของการทำงานที่บ้านคือ ไม่มีกรอบเวลาการทำงานที่ชัดเจน จึงกระทบกับเวลาส่วนตัวได้ [Unplugging after Work]
น่าเศร้ากว่านั้นคือ พอเป็นแบบนี้หลายๆ วันเข้า พ่อกับแม่ผมก็เริ่มบ่น เริ่มว่าผมอีกต่างหากว่า ทำงานอะไรตลอดเวลาขนาดนั้น
ดูสิพี่ ชีวิตผมช่วงนั้นแย่ขนาดไหน แถมยังไม่รวมพวกประชุมที่ไม่ได้อะไรจากการประชุมอีกนะพี่ ผมนี้อารมณ์เสียหลายครั้งมากเลย กว่าจะประชุมกันเสร็จ
คนต้องพูดก็ไม่พูดมีแต่คนฟัง บางประชุมก็แข่งกันพูดจนไม่ได้งานเหมือนมาคุยเมาส์กันเฉยๆ
นักธุรกิจ: โอเคๆ ใจเย็นๆ น้อง พี่เริ่มเข้าใจเราละ
เอางี้ละกัน ตอนนี้สถานการณ์อะไรต่างๆ เริ่มดีขึ้นบ้างแล้ว ออกจากบ้าน กินข้าวนอกบบ้านได้บ้างแล้ว เรามาคุยกันต่อว่า "จากนี้จะทำอย่างไรกันดี"
พี่สังเกตเห็นเรา "เล่า" เกี่ยวกับ "เพื่อนร่วมงาน" ตอนประชุม พี่ว่าเรามาเริ่มประเด็นกับเรื่องนี้กันดีกว่า
เด็กใหม่: ก็ได้พี่ ผมก็ว่าดีเหมือนกัน
นักธุรกิจ: เอาละ มันมีจุดน่าสังเกตอย่างหนึ่งคือ
"น้อยคนนักจะรู้ว่าตัวเองจะทำงานให้สำเร็จได้อย่างไร" และ
ที่จริงพวกเราส่วนใหญ่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าต่างคนต่างมีวิธีการทำงานที่แตกต่างกันไป
เด็กใหม่: ใช่พี่ ผมก็เคยสงสัยเหมือนกัน มันเป็นยังไงหรอครับ
นักธุรกิจ: วิธีการทำงานของใครคนใดคนหนึ่ง ย่อมเป็นเอกลักษณ์ เป็นเรื่องของบุคลิกภาพ ไม่ว่าบุคลิกภาพจะเป็นเรื่องธรรมชาติ หรือการสั่งสมพัฒนาขึ้นมา
เป็นที่แน่นอนว่า มันย่อมก่อรูปก่อร่างมาช้านานก่อนที่คนคนหนึ่งจะก้าวเข้าสู่การทำงาน
ลองสังเกตดูสิ เราว่าจริงไหม
เด็กใหม่: ก็อาจจะจริงนะพี่ เช่น ผมเนี่ยชอบอ่านหนังสือตั้งแต่เด็ก
พอมาฟังในที่ประชุมทีไรกว่าผมจะถอดใจความสำคัญ หรือสรุปได้แต่ละทีนี้ยากมาก กลับกันผมสังเกตว่า พอผมได้ลองอ่าน เช่น รายงาน หรือผลทดสอบ ผมสามารถทำความเข้าใจมันได้ง่ายกว่ามากๆ
ไม่ต้องมาหงุดหงิดอะไรด้วย
นักธุรกิจ: เป็นตัวอย่างที่ดีเลยนะ เพราะวิธีการทำงานของคนคนหนึ่งก็มักเป็นสิ่งที่ได้รับมาเช่นเดียวกับ "ความเก่ง" หรือไม่เก่งในเรื่องใดที่ได้มาจากการสั่งสมเช่นเดียวกัน
อย่างตัวอย่างของ "น้อง" พี่ว่าน้องอาจจะถนัดเป็น "นักอ่าน" ไม่ใช่นักฟัง เพราะน้องชอบอ่านหนังสือมาก่อน
ที่นี้เรายังโชคดีนะที่สังเกตเห็นตัวเองแบบนี้ เพราะมีหลายคนทีเดียวที่ทำงานด้วยวิธีการที่ไม่สอดคล้องกับวิธีการของตัวเอง และนั่นมักจะได้ผลงานที่ไม่ดี
ตัวอย่างเช่น ในกิจกรรมการประชุม เปรียบเสมือนเป็นสถานที่ที่รวมวิธีการทำงานของแต่ละคน แต่ละรูปแบบมานั่งรวมกัน หรือนั่งแลกเปลี่ยนกัน
ลองสังเกตดูสิว่าบางประชุมงานมีความคืบหน้าได้ดีในคนบางคน ทำนองเดียวกันคนบางคนกลับรู้สึกว่าไม่ได้รับอะไรเลย มันเกิดอะไรขึ้น น่าสงสัยไหม
ที่นี้มันมีอยู่หลายปัจจัยนะที่จะทำให้การประชุมหนึ่งนั้นมีประสิทธิผลที่ดี สิ่งหนึ่งที่อยากให้ลองสังเกตคือ "สภาวะผู้นำ" ในการประชุม ถ้าการประชุมไหนมีผู้นำที่ดี ผู้นำจะมีการจัดการรูปแบบการประชุมต่างๆ ให้กระชับ หรือมุ่งสู่เป้าหมายได้อย่างราบลื่น
โดยที่ผู้นำคนนั้นมักเป็นผู้ที่เข้าใจทุกคนในที่ประชุมได้ดีที่สุด
นี้อาจทำให้เขารู้จังหวะการจัดการที่จะทำให้การประชุมราบลื่นไปได้ด้วยดีด้วยรูปแบบต่าง ๆ ที่เหมาะสำหรับสมาชิกการประชุมส่วนใหญ่
เด็กใหม่: โหยยพี่สุดยอดเลย พี่กำลังจะบอกว่าผมมีวิธีการทำงานรูปแบบหนึ่ง เช่น ชอบอ่าน มันก็ย่อมเป็นไปได้ที่ "เพื่อนร่วมงานผม" แต่ละคนจะมีรูปแบบการทำงานที่ต่างจากผมไป เช่น เป็นนักฟัง แทน
ทีนี้ถ้าในการประชุมหนึ่งผู้นำเข้าใจผมว่าผมเป็นนักอ่าน เขาก็จะจัดรายงานการประชุมที่กระชับและรวบรวมใจความสำคัญให้ ให้ผมได้กลับไปทำงานได้อย่างรวดเร็ว
ทำนองเดียวกันในระหว่างการประชุมที่ต้องการระดมความคิดต่างๆ เขาจะหันไปถามกับสมาชิกที่มีทักษะการพูดที่ดี และสมาชิกที่มีทักษะการฟังที่ดีก็จะเป็นผู้สรุปเรียงเรียงประเด็นสำคัญให้ ทำให้การประชุมนึงๆ เกิดประสิทธิผลที่ดีที่สุดได้
นักธุรกิจ: เยี่ยมเลย ทีนี้บางครั้งวิธีการทำงานของคนคนหนึ่งสามารถจะปรับเปลี่ยนได้บ้างนะ แต่คงยากที่จะเปลี่ยนแปลงอย่างสิ้นเชิง
และแน่นอนว่าย่อมไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เช่นเดียวกับคนที่เคยได้ผลลัพธ์ และสำเร็จได้โดยการทำสิ่งที่ตัวเองมีความสามารถ และทำตามด้วยวิธีการที่พวกเขาทำได้ดีที่สุดอีกด้วย
ที่นี้พอเราเข้าใจแบบนี้แล้ว เราน่าจะไม่หงุดหงิด หรืออารมณ์เสียแบบที่เคยเป็นนะ
เด็กใหม่: โอเคพี่ ผมเริ่มเข้าใจแล้ว ผมอาจมัวคิดแต่ว่า เขาทำไมไม่ทำอย่างโน้น อย่างนี้ ตอนนี้ผมได้สติขึ้นมาว่า
หรือที่จริงแล้วผมต่างหากที่ดันไปพยายามให้เขาเปลี่ยนแปลง พอเขาไม่เปลี่ยนแปลงผมก็เลยมีอารมณ์หงุดหงิดเกิดขึ้นกับตัวผมเอง
พอผมเข้าใจแบบนี้ ที่ว่าต่างคนต่างมีประสบการณ์ความสำเร็จของแต่ละคน หรือความถนัดในแต่ละบุคคล พวกเขาก็มักเชื่อในตัวเองแบบนั้น มีแต่ผมเองที่คิดไปเองทั้งๆ ที่ผมยังไม่เข้าใจรูปแบบการทำงานของคนคนนั้นเลย
นักธุรกิจ: เราเป็นคนช่างสังเกตจริงๆ ดีมากเลยที่คอยสังเกตตังเองบ่อยๆ แบบนี้ ดังนั้นถ้าเราจะทำงานร่วมกับผู้อื่น บางครั้งเราก็อาจต้องทำความเข้าใจกับพวกเขาเหล่านั้นด้วยว่าพวกเขา "ทำงานได้ดีด้วยวิธีการอะไร"
เอาละทีนี้ พี่อยากให้เราลองสังเกตตัวเองเพิ่มอีกทีสิ
เราทำงานได้ดีกับผู้คน หรือจะดีกว่าถ้าทำงานคนเดียว
ถ้าน้องเป็นคนทำงานกับคนได้ดี พี่จะถามต่อว่าในความสัมพันธ์แบบไหน
บางคนทำงานได้ดีที่สุดเมื่อเป็นผู้ใต้บังคับบัญชา
บางคนทำงานได้ดีที่สุดในฐานะของสมาชิกทีม บางคนทำงานได้ดีเมื่อทำงานคนเดียว
บางคนก็มีทักษะพรสวรรค์อันโดดเด่น จนเป็นได้ทั้งโค้ช และผู้สอน ในขณะที่บางคนก็เป็นไม่ได้แม้แต่ผู้สอน
ภายใต้สภาพแวดล้อมใหม่ คำถามคือ อะไรเป็นประเด็นใหญ่ที่เราต้องตั้งคำถามกับตัวเองต่อไปในการจัดการตนเองให้มีประสิทธิภาพ
เราทำงานได้ดีกับผู้คน หรือจะดีกว่าถ้าทำงานคนเดียว
เราทำงานได้ดีในโลกออนไลน์ หรือโลกออฟไลน์
เราต้องเผชิญแรงกดดัน เราเหมาะจะเป็นคนข้างหน้า หรือทำได้ดีกว่าถ้าอยู่เบื้องหลัง
เราต้องวางแผน "จัดการตนเอง" อย่างไร และอะไรที่จะทำให้เราทำงานร่วมกับผู้อื่นที่มีวิธีการทำงานต่างจากเราได้
ขอแชร์ให้เรื่อง "เล่า" นี้ได้เป็นกำลังใจให้แก่คนทำงานทุกท่านที่มุ่งสู่ความสำเร็จในด้านการทำงาน บนความรู้จักตนเองและเข้าใจผู้อื่นต่อไป
บุคลิกภาพ หรือนิสัยของเราบางอย่าง ที่โดยทั่วไปจะมีส่วนในการกำหนดวิธีการทำงานของคน ถ้าสังเกตอีกครั้งอาจพบว่า
หรือที่จริงแล้วเกิดมาจากคุณครูของพวกท่านที่เป็นผู้ไกด์แนวทางนี้ให้
อ่านเพิ่มเติมได้ที่:
https://www.blockdit.com/articles/5ec7e52cd2aba62437cdf814
*ข้อมูลจากบางส่วนของหนังสือ Classic Drucker และ Managing Onself
References:
- [รูปภาพ]
https://www.bnnbloomberg.ca/one-month-later-anchoring-from-home-during-the-covid-19-pandemic-1.1426728
- [รูปภาพ]
https://www.insurancejournal.com/news/national/2020/05/20/569109.htm
- [รูปภาพ]
https://www.visualcapitalist.com/how-people-and-companies-feel-about-working-remotely/
-
https://www.bloomberg.com/news/articles/2020-03-23/working-from-home-means-working-longer-hours-for-many-chart
- [รูปภาพ]
https://news.llu.edu/health-wellness/dealing-with-mental-health-impact-of-social-distancing
- [รูปภาพ]
https://dariusforoux.com/3-career-questions/
3 บันทึก
3
3
3
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย