31 พ.ค. 2020 เวลา 11:53
แม่ค้าขายขนมบัวลอย
เรื่องขนหัวลุกจากวงเหล้าเป็นเรื่องของคุณปู่ทองหล่อ ที่คืนนี้มาร่วมแจมวงเหล้ากับพวกผมด้วย แกเล่าเรื่องสมัยที่แกยังเด็กแล้วพบเจอกับสิ่งลี้ลับ จึงมาเล่าสู่กันฟังครับ ปู่ทองหล่อ แกเป็นคนอยุธยามาแต่เกิด พึ่งจะย้ายมาอยู่กับหลานๆ ใน กทม. ได้ 3-4 ปี ตอนนี้แกอายุ 72 ปี ยังแข็งแรงสามารถเดินได้อย่างคล่องแคล่ว และคืนนี้แกออกมาเดินเล่น มาเจอพวกผมก็เลยมาร่วมวงด้วยเห็นว่าเล่าเรื่องผีกันอยู่ แกก็ขอเล่าบ้าง
เมื่อ 60 ปีก่อนสมัยแกยังเป็นเด็กวัยรุ่น ที่หมู่บ้านแกจะอยู่ใกล้กับตลาด ซึ่งตลาดนี้ส่วนใหญ่แล้วใช้เรือพายขายของกันตั้งแต่เช้าตรู่ยันมืดค่ำ มีแม่ค้าสาวสวยคนหนึ่งขายขนมบัวลอยไข่หวาน โดยจะพายเรือจากบ้านออกไปขายที่ตลาดอยู่ทุกวัน แน่นอนว่าแม่ค้าสวยๆ แบบนี้ย่อมมีหนุ่มๆ มาอุดหนุน และขายหมดทุกวัน “บัวลอยไข่หวานมาแล้วจ้า อุ่นๆ หอมๆ อร่อย พึ่งทำเสร็จใหม่ๆ เลยจ้า”เสียงหวานๆ ของแม่ค้าดังอยู่ท่าน้ำหน้าบ้าน ปู่ทองหล่อชะโงกหัวออกมาดู ก็เห็นแม่ค้าสาวพายเรือขายขนมผ่านท่าน้ำหน้าบ้านไป แกคงไปขายที่ตลาดเหมือนเช่นทุกวัน และนั่นคือวันสุดท้ายของเธอที่จะได้ออกมาขายขนมแบบนี้ หลังจากวันนั้นมา 1 อาทิตย์ไม่มีใครได้ยินเสียงของเธออีกเลย ปู่ทองหล่อก็ถามพ่อแม่อยู่ว่าแม่ค้าบัวลอยหายไปไหน ใครๆ ก็ให้คำตอบไม่ได้ จนกระทั่งผ่านมาอีก 1 วัน มีข่าวจากหนังสือพิมพ์ ลงข่าวการฆาตกรรมหญิงสาวหน้าตาดีคนหนึ่ง สภาพศพถูกรัดด้วยเชือกที่คอ ร่างกายมีแต่บาดแผลเต็มไปหมด เธอนอนตายอยู่บนเรือของเธอเอง และตายอยู่ที่หน้าบ้านของเธอเองด้วยตำรวจเขียนสำนวนว่าถูกฆ่าข่มขืน ก่อนถูกฆ่าได้มีการต่อสู้กันอย่างดุเดือด คนร้ายต้องมีไม่ต่ำกว่า 2 คน คนร้ายได้หลบหนีไปตอนนี้อยู่ระหว่างเร่งล่าตัว ทุกคนพอทราบข่าวก็พากันไปช่วยงานศพ ซึ่งหญิงสาวคนนี้เธออยู่บ้านเพียงลำพัง และไม่มีญาติที่ไหนหลังจากงานศพเสร็จสิ้น ทุกๆ คืนคนในระแวกนี้จะได้ยินเสียงแม่ค้าพายเรือออกมาขายบัวลอยอยู่ทุกคืน พอเปิดหน้าต่างออกไปดูก็เห็นเป็นแม่ค้าขายบัวลอยหันมาแสยะยิ้มให้ ต่างก็พากันปิดหน้าต่างเข้ามุ้งนอนคลุมโปง เลยทีเดียว ทุกๆ คืนระแวกไหนได้ยินเสียงแม่ค้าบัวลอยก็จะพากันปิดประตูหน้าต่างเข้านอนทันที
“จนกว่าจะหาตัวคนร้ายได้ ผีแม่ค้าบัวลอยถึงจะสงบลง” ผู้ใหญ่บ้านพูดขึ้นมาในวันประชุมหมู่บ้าน
“แล้วระหว่างนี้จะทำยังไงกันล่ะผู้ใหญ่ ชาวบ้านผวากันทั้งหมู่บ้านแล้ว” ลูกบ้านคนหนึ่งถาม
“พรุ่งนี้ข้าจะไปตามคนมีวิชาอาคมมาช่วยสักหน่อย เอาสายสิญจน์มาพันรอบบ้านไม่ให้ออกมารบกวนชาวบ้าน” ผู้ใหญ่บอก
รุ่งขึ้นผู้ใหญ่ก็ออกไปตามคนมีวิชาอาคมที่ว่า จนบ่ายคล้อยก็ยังไม่กลับมา
“ผู้ช่วยๆ พาคนไปช่วยผู้ใหญ่หน่อยเร็ว” ลูกบ้านคนหนึ่งวิ่งตะโกนบอกผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน “ผู้ใหญ่เป็นไรล่ะแล้วผู้ใหญ่อยู่ไหน ”ผู้ช่วยตอบ “ นอนหมอบอยู่หน้าตลาดโน้น” ทุกคนก็รีบไปหาผู้ใหญ่บ้าน ก็เจอผู้ใหญ่บ้านนอนขดตัวสั่นอยู่ จึงพากันพยุงตัวขึ้นพากลับบ้าน
“เป็นไรนิผู้ใหญ่ ทำไมไปนอนอยู่ตรงนั้น” ลูกบ้านรุมถาม“เมื่อเช้าข้าไปตามผู้มีวิชาที่จะมาคุมผีแม่ค้าบัวลอย ข้าพายเรือผ่านบ้านแม่ค้านั่น ข้าเห็นมันมันลอยน้ำมาเขย่าเรือข้าจนคว่ำ ข้าก็เลยว่ายน้ำลอยคอมาหน้าตลาดนี่ล่ะ” ผู้ใหญ่ตอบคราวนี้ทุกคนก็ไม่กล้ายุ่งกับผีแม่ค้านี่อีก กลัวจะโดนเหมือนผู้ใหญ่บ้าน จึงพากันอยู่แบบขวัญผวาแบบนั้นต่อไป คราวนี้ถึงคิวของปู่ทองหล่อโดนบ้าง คือปู่ทองหล่อแกเป็นเด็กที่ไม่กลัวผี จึงไม่ได้สนใจอะไรมากมาย บ่ายคล้อยวันนึงแกก็ไปเล่นน้ำที่ท่าหน้าบ้านเพื่อนของแก เล่นกันอยู่ 3-4 คน ท่าหน้าบ้านเพื่อนแกจะกว้างขวางเหมาะที่เด็กหลายๆ คนจะมากระโดดน้ำเล่นกัน พอตกเย็นตะวันใกล้ลับขอบฟ้า เด็กๆ ก็เริ่มเพลีย เริ่มหิว จึงจะชวนกันเลิกเล่นแล้วแยกย้ายกลับบ้าน พอดีมีเรือมาขายขนมบัวลอยพอดี เด็กๆ กลุ่มนี้จึงโบกแม่ค้าให้จอดแล้วพากันไปซื้อขนมบัวลอยคนละถ้วย แม่ค้าก็จัดแจงใส่ถ้วยให้ เด็กทุกคนจ่ายเงินก่อนกินขนมกัน ยกเว้นปู่ทองหล่อเพราะแกกะจะกินอีกถ้วยแล้วค่อยจ่าย พอทุกคนกินเสร็จก็ว่ายน้ำขึ้นฝั่ง แต่ปู่ทองหล่อขอกินต่ออีกถ้วย แม่ค้าก็จัดใส่ถ้วยให้อีกแล้วยิ้มให้ ปู่ทองหล่อเห็นใบหน้าลางๆ เพราะแม่ค้าเอาผ้ามาปิดหน้าไว้ครึ่งหนึ่ง พอกินอีกถ้วยนึงเสร็จปู่ทองหล่อคิดแผนชั่วร้าย รีบเดินลุยน้ำหนีทันทีเพราะแกไม่มีตังสักบาท“ไอ้ทองหล่อ นี่มึงจะชักดาบกุรึ!” แม่ค้าตวาดใส่
ปู่ทองหล่อที่กำลังเดินลุยน้ำอยู่หันมามอง ถึงกับร้องโวยวาย เพราะเห็นแม่ค้าถอดผ้าคลุมออก ใบหน้าแม่ค้ามีแต่เลือดกับน้ำเหลือง บวมเป่ง จากนั้นแม่ค้าก็ยืดมือไปจับขาปู่ทองหล่อแล้วลากปู่ทองหล่อกลับไปที่เรือ “ขนมกุอร่อยใช่มั๊ย มึงถึงขอกินอีก!” “เอาอีกมั๊ยกุให้ฟรี” พูดเสร็จแม่ค้าหยิบถ้วยมาแล้วควักลูกตาตัวเองออกมาใส่ถ้วย แล้วปาดเอาน้ำเลือดน้ำเหลืองบนใบหน้ามาใส่เพิ่ม แล้วยื่นให้ปู่ทองหล่อ “อ่ะกิน ของอร่อยๆ!” ผีแม่ค้าพูดไปพร้อมหัวเราะไป “ช่วยด้วยโว๊ยยยยย ช่วยกุด้วยผีหลอกกกกก!!!” ปู่ทองหล่อตะโกนบอกเพื่อนให้ช่วย แต่ไม่เจอใครแล้วเพราะทุกคนเผ่นกันหมดตั้งแต่ที่ปู่ทองหล่อโดนลากไปที่เรือ ปู่ทองหล่อก็ยังร้องไห้ตะเกียกตะกายหนี “ทีหลังอย่าคิดมาลองดีกับกุอีก!” ผีแม่ค้าปล่อยมือจากขา ปู่ทองหล่อรีบวิ่งลุยน้ำขึ้นฝั่ง กลับบ้านไปถึงกับไข้ขึ้นไปเป็นอาทิตย์เลย หลังจากเหตุการณ์นี้ผ่านไปทุกคนจึงไปรวมตัวกันที่บ้านผีแม่ค้าแล้วให้พระอีกหลายรูปมาสวด ทุกคนก็เอาพวงมาลัย ของกินต่างๆ มาเซ่นไหว้ทุกวัน เมื่อเวลาผ่านไป บ้านหลังนี้ก็กลายเป็นศาลพระภูมิขนาดใหญ่ดีๆ นี่เอง “หมั่นทำบุญให้เค้า เค้าจะได้หมดกรรม ไปที่ๆ เค้าควรไป” หลวงพ่อรูปหนึ่งบอกกับทุกคนได้ผล ผีแม่ค้าไม่ค่อยออกมาแล้ว นานๆ ทีจะมีมาให้เห็นสักครั้ง และเวลาก็ผ่านไปหลายต่อหลายปีก็ไม่รู้ว่าจับคนร้ายได้หรือยัง ข่าวมันก็เงียบๆ ไปแล้ว และจนถึงทุกวันนี้ปู่ทองหล่อก็ยังไม่เจอผีที่ไหนน่ากลัวเท่าผีแม่ค้าบัวลอยนั่นอีกเลย จะมีแค่แว๊บๆ ไม่ได้เห็นจะๆ แต่แกบอกอย่าเจอแบบนั้นอีกเลย ถ้าเจออีกพวกมึงเข็นกุไปเผาได้เลย
โฆษณา