Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
เสพติดการลงทุน - Investaddict
•
ติดตาม
1 มิ.ย. 2020 เวลา 07:46 • ธุรกิจ
การพิมพ์เงินทำให้หุ้นไม่ตกจริงหรือ!?
Part 4
3) Venezuela 2015 -2020 hyperinflation
สำหรับประเทศเวเนซุเอลาหลายๆท่านคงได้ฟังเรื่องราว และการเกิดเงินเฟ้อมหาศาลในประเทศไปมากแล้วดังนั้นเรามาดูกันที่ผลตอบแทนการลงทุนในหุ้นดีกว่าครับ
หุ้นเวเนซุเอลาให้ผลตอบแทนอันดับหนึ่งในปี 2015 !?
หากดูในสกุลเงินของเวเนซุเอลา
แต่ถ้าเทียบกับเงิน USD
ในปี 2015 จะเห็นได้ว่าหากมองในแค่ “ตัวเลข index”
หุ้นเวเนซุเอลาจะเพิ่มขึ้นกว่า 4-5 เท่าใน 1 ปี!!
เรียกได้ว่ายิ่งกว่า super stock ทุกตัว
แต่อย่างที่เราได้ดูกันไปในเคสก่อนๆครับ สิ่งที่สำคัญที่สุด “อำนาจซื้อ”
ของเราต่างหากที่ต้องนำมาคิด เนื่องจากข้อมูลปรับเงินเฟ้อหาได้ยาก
แต่ถ้าปรับอัตราแลกเปลี่ยนเป็น USD เพราะค่าเงินที่อ่อนค่าลง
จะพบว่าหุ้นจะลดลงราว 30%ครับ
ดังนั้นหากเราซื้อหุ้นไว้เราจะไม่ได้รวยขึ้นเลยครับ
หุ้นซิ่งจริงๆครับ ใคร short selling ไว้ไม่รอดแน่นอน
และถ้าดูต่อไปอีกจะพบเรื่องที่น่าตกใจกว่านั้นครับ
ในปี 2017/2018/2020นี้นั้น ทุกปีหุ้นเวเนซุเอลาจะวิ่งไปกว่า1ล้านเท่า!!
หากไปดูรูปกราฟจะเห็นว่าเหมือนเห็นหุ้นวิ่งไม่หยุดและทิ้งดิ่ง
แต่จริงๆคือหุ้นวิ่งไปกว่าล้านเท่าจนต้องตัด 0 ทิ้งครับ
ไม่ทราบเลยจริงๆครับว่า
ตอนนี้หากดูเป็นค่าหักเงินเฟ้อจะอยู่เท่าไหร่เลย???
สรุปแล้วการพิมพ์เงินทำให้หุ้นไม่ตกจริงหรือไม่!?
ส่วนใหญ่ก็ต้องบอกว่าจริงครับ เพราะในเคสทั้ง 3 เคส
หุ้นในสกุลเงินที่ประเทศพิมพ์ออกมาได้เองล้วนเพิ่มขึ้นมหาศาล ร่วมกับการเกิดภาวะเงินเฟ้อครับ
ดังนั้นหากเราคาดการณ์ว่าอนาคตจะเกิดสภาวะเงินเฟ้อสูงไม่ว่าจะใน CPI
ในอสังหา หรือใน asset ใด ๆที่เราต้องซื้อในอนาคต จะเห็นได้ว่าการซื้อหุ้นเองนั้นมักไม่สามารถจะเติบโต หรือแม้แต่จะรักษามูลค่าไว้ได้ในค่าที่แท้จริง
สาเหตุเพราะแน่นอนว่าการที่เงินเฟ้อสูง อัตราการว่างงานสูง
และการทำการตลาดแบบนี้ราคาของสินค้าไม่แน่นอนย่อมไม่มีประสิทธิภาพ หรือไม่ Productive
ซึ่งสิ่งนี้คือจุดร่วมของเหตุการณ์ทั้ง 3 เคส
เพราะจะเห็นได้ว่าแม้แต่ในเยอรมันที่เงินเฟ้อพุ่งกระจายยังมีบางเวลาที่
สามารถจะรักษาการจ้างงาน และทำการผลิตอย่างดีได้อยู่ทำให้หุ้นใน
real term ก็ยังขึ้นไปได้ (จริงๆก็พิมพ์เงินมหาศาลเหมือนกันนะครับตอนนั้น)
เพราะฉะนั้นแล้วในความเห็นส่วนของผม สุดท้ายแล้ว productivity นี่แหละครับจะเป็นตัวตัดสิน “อำนาจซื้อของการลงทุนในหุ้น”
เมื่อเทียบกับอะไรที่เป็น “เงิน” ที่ stable อยู่ได้ในเวลานั้น ๆ ครับ
ซึ่งอาจจะเป็น ทองคำ เป็น USD หรือ เป็น Bitcoin อันนี้ไม่สามารถบอกได้
เหตุการณ์ในขณะนี้เราอาจจะมองมันเป็น “asset price inflation”
หรือ “bubble” หรือ หุ้นขึ้นแบบ “new normal” จริง ๆ ก็ได้ทั้งนั้น
ซึ่งก็ไม่ทราบจริงๆว่าสุดท้ายหาก productivity ของโลกไม่กลับมา
และการว่างงานยังสูงต่อไปแบบนี้แล้ว
หุ้นจะรักษา “อำนาจซื้อได้แบบนี้ต่อไปหรือไม่”
สุดท้ายครับจากอดีตผมยอมรับว่าไม่ทราบจริงๆว่าอะไรเป็นสิ่งที่ควรลงทุน
แต่หนทางที่ไม่ควรทำแน่ๆหากจะเกิด inflation สักจุดน่าจะเป็นการ
Short selling นะครับ เพราะมันเป็นการเล่นในค่าเงินที่ไม่ปรับเงินเฟ้อ
ลองคิดดูว่าถ้าเราไป Short selling หุ้นเวเนซุเอลาจะเป็นฝันร้ายขนาดไหนไม่อยากจะคิดเลยครับ
References
Big Debt Crises by Ray Dalio
Capitalism in America: A History by Alan Greenspan
Cato institution research
Monetary Regimes and Inflation by Peter Bernholz
www.zerohedge.com
1
บันทึก
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย