6 มิ.ย. 2020 เวลา 04:34 • สุขภาพ
5 อาหารที่อาจฆ่าเราได้โดยไม่รู้ตัว !!
อาหารที่ฟางยกมาต้องบอกเลยว่า อาจจะเป็นของโปรดสำหรับใครหลายๆคนเลย ทั้งอร่อย ทั้งน่าทาน บางอย่างก็มีประโยชน์แต่ก็แฝงมากับโทษที่ร้ายแรงด้วยเช่นกันค่ะ เรามาดูกันดีกว่าว่ามีอะไรบ้าง ?
1
แต่ฟางบอกก่อนนะคะว่า หากเราทานบ้างเป็นครั้งคราวมันก็ไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรมาก แต่หากเราทานเป็นประจำ กินบ่อยๆเลย อันนี้ส่งผลแน่นอนค่ะ หากเพื่อนๆ หลีกเลี่ยงได้ ก็พยายามหลีกเลี่ยง อย่าทานบ่อยๆนะคะ เพราะมันอาจส่งผลต่อสุขภาพในระยะยาวได้เลยค่ะ
1. น้ำอัดลม
hภาพจาก : ttps://pin.it/1bcblpu
ใครๆก็ชอบดื่มน้ำอัดลมกันใช่ไหมคะ ? ยิ่งตอนอากาศร้อนๆ ได้ดื่มน้ำอัดลมเข้าไปนี่มันทำให้เรารู้สึกสดชื่น ซาบซ่า กันเลยทีเดียว แต่รู้หรือไม่ ? แท้ที่จริงแล้วน้ำอัดลมอันตรายมากๆ จากที่เราเห็นชัดเจนกันนั้นก็คือ โรคอ้วน ซึ่งจะทำให้สาวๆ ที่รักหุ่นมีรูปร่างอ้วนท้วนไม่สวย ผิวพรรณก็เหี่ยวแห้งโทรมง่าย เพราะน้ำอัดลมมีน้ำตาลสูงซึ่งความหวานที่เข้าสู่ในร่างกายปริมาณมากเกินไป มีผลทำให้เราแก่เร็วก่อนวัยอันควรนั่นเองและยังพ่วงมาพร้อมโรคต่างๆ ในอนาคตอีกด้วยนะคะ
1
ใครที่ดื่มนานๆ ทีอาจจะไม่เป็นอะไรนัก แต่หากใครดื่มจนติดไปแล้วล่ะก็ หากไม่รีบลด ละเลิกล่ะก็ระวังนะคะ อันตรายจากการดื่มน้ำอัดลมอาจจะมาเยือนในเร็ววัน ฉะนั้น มาดูกันค่ะว่าโทษจากการดื่มน้ำอัดลมนั้นมีผลเสียต่อสุขภาพอย่างไรบ้าง
1
🥤 ร่างกายขาดสารอาหาร เวลาที่เราดื่มน้ำอัดลมจะทำให้เรารู้สึกไม่ค่อยอยากทานอาหารหรือทานได้น้อยลง เนื่องจากน้ำอัดลมมีแก๊ซภายในปริมาณมากจึงทำให้เรารู้สึกอิ่ม จุกเสียดแน่นท้อง
🥤 กระดูกและฟันผุกร่อน เพราะความหวานที่มีอยู่ในน้ำอัดลมมีปริมาณสูงซึ่งเป็นตัวการที่ให้ฟันเราผุได้ เนื่องจากกรดคาร์บอนิกที่มีในน้ำอัดลมจะเข้าไปทำลายสารเคลือบฟัน และนอกจากสภาพฟันจะสึกกร่อนลงได้แล้ว ยังทำให้กระดูกของเราผุกร่อนตามอีกด้วย
1
🥤 เสี่ยงต่อการเกิดโรคหลายชนิด หากติดดื่มเป็นประจำมากเกินไปก็ย่อมส่งผลให้เป็นโรคอ้วนและโรคเบาหวานตามมาได้ ทั้งยังทำให้เกิดโอกาสเสี่ยงในการเกิดโรคกระดูกพรุนเมื่อเข้าสู่วัยทองได้ง่ายอีกด้วยค่ะ
🥤 ระบบย่อยอาหารไม่ดี การดื่มน้ำอัดลมมากเกินไป ก๊าซที่มีในน้ำอัดลมจะเข้าไปทำให้ท้องอืด อาหารไม่ย่อย แน่นและจุกเสียดท้องตามมา ส่งผลให้มีอาการปวดท้องและสำหรับคนที่เป็นโรคกระเพาะยิ่งไม่ควรดื่มอย่างยิ่ง เพราะจะทำให้อาการของโรคเป็นหนักขึ้นด้วยนะคะ
🥤 ทำให้นอนไม่หลับ หากเราดื่มน้ำอัดลมซึ่งหลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่ามันมีปริมาณคาเฟอีนสูงมากเช่นกัน หากดื่มในเวลาใกล้จะนอนหรือตอนกลางคืน คาเฟอีนจากน้ำอัดลมจะกระตุ้นให้ร่างกายตื่นตัว กระปรี้กระเปร่า สดชื่นได้เช่นเดียวกัน ส่งผลให้เรานอนหลับยากไปด้วยนั่นเองค่ะ
🥤🥤🥤🥤🥤🥤🥤🥤🥤🥤🥤🥤🥤🥤🥤🥤🥤🥤
2. อาหารแปรรูป
1
ภาพจาก : https://pin.it/1Q1ljEL
มีนักวิจัยหลายท่านเชื่อว่า การรับประทานอาหารที่ผ่านกระบวนการแปรรูปในปริมาณมากเกินไปอาจนำไปสู่ปัญหาโภชนาการไม่ดีและเสี่ยงเป็นโรคอ้วนได้สูง โดยเฉพาะอาหารแปรรูปแบบพร้อมรับประทานที่สามารถบริโภคได้อย่างรวดเร็วและสะดวกสบายสำหรับในยุคปัจจุบันค่ะ
1
แม้ทุกวันนี้ อาหารแปรรูปจะช่วยเพิ่มความสะดวกสบายและง่ายต่อการบริโภค แต่การรับประทานอาหารแปรรูปบางชนิดในปริมาณมากเกินไปก็อาจเสี่ยงและเกิดอันตรายต่อสุขภาพได้เช่นกัน โดยอาหารแปรรูปที่ควรหลีกเลี่ยง มีดังนี้
🍜 บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป หรือที่เราชอบเรียกกันว่า "มาม่า" นั่นเอง ใครกินเป็นประจำต้องระมัดระวังนะคะ เพราะใน มาม่า 1 ห่อมีโซเดียมประมาณ 2,000 มิลลิกรัม ซึ่งมากกว่าปริมาณที่สมาคมโรคหัวใจแห่งสหรัฐอเมริกาแนะนำต่อวันถึง 500 มิลลิกรัม โดยปริมาณดังกล่าวอาจทำให้ความดันเลือดเพิ่มสูงขึ้นและนำไปสู่โรคหลอดเลือดสมองได้นะคะ นอกจากนี้ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปยังมีส่วนประกอบหลักเป็นคาร์โบไฮเดรตเชิงเดี่ยว และไม่มีสารอาหารอย่างอื่นที่เป็นประโยชน์ใด ๆ ต่อร่างกายเลยล่ะค่ะ
1
🥓 เบคอน ฮั่นแน่ !! ฟางเชื่อว่ามีหลายๆคนต้องชอบกินแน่ๆ มันอร่อยจนอดใจไม่ไหวใช่มั้ยล่ะคะ .. แต่ฟางบอกเลยว่า มันเป็นอาหารที่มีโซเดียมสูง หากรับประทานมาก ๆ อาจนำไปสู่ภาวะความดันโลหิตสูงได้ และเบคอนยังประกอบไปด้วยไขมันอิ่มตัวที่เกี่ยวข้องกับการเกิดโรคหัวใจและโรคอ้วน อีกทั้งยังมีสารกันเสียในปริมาณมากด้วย ซึ่งอาจทำให้เสี่ยงเกิดปัญหาสุขภาพต่าง ๆ ตามมา เช่น ปวดศีรษะ หรืออาจนำไปสู่โรคร้ายแรงอย่างมะเร็งได้ เป็นต้นค่ะ
1
🍖 อาหารแช่แข็ง อาหารชนิดนี้มักมาพร้อมกับน้ำตาล โซเดียม และไขมันในปริมาณสูง หากรับประทานติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน ๆ อาจเสี่ยงมีน้ำหนักตัวมาก ความดันเลือดเพิ่มสูงขึ้น มีปัญหาเกี่ยวกับหัวใจ และมีโอกาสเป็นโรคหลอดเลือดสมองสูงขึ้นอีกด้วย แต่หากต้องการรับประทานอาหารแช่แข็งควรเลือกอาหารออร์แกนิก (Organic Food) ซึ่งเป็นอาหารจากผลิตผลทางการเกษตรที่ไม่ใช้สารเคมี โดยควรอ่านฉลากโภชนาการให้ดีก่อนซื้อและเลือกอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายทุกครั้งนะคะ
🍓 ผลไม้แห้ง สำหรับคนที่ชื่นชอบการรับประทานของหวาน อาจเลือกบริโภคผลไม้อบแห้งอย่างลูกเกดหรือมะม่วงแทนขนมหวานต่าง ๆ เนื่องจากผลไม้แห้งมีเส้นใยอาหาร วิตามิน และแร่ธาตุในปริมาณที่เหมาะสม อย่างไรก็ตาม ผลไม้แห้งเหล่านี้ก็มีแคลอรี่และน้ำตาลสูง ซึ่งการรับประทานผลไม้แห้งมากเกินไปอาจทำให้ได้รับน้ำตาลในปริมาณมากเกินกว่าที่ร่างกายต้องการ โดยน้ำตาลส่วนเกินจะถูกเปลี่ยนเป็นไขมันสะสมในร่างกายต่อไป จนอาจเป็นเหตุของภาวะน้ำหนักเกินหรือการเกิดโรคอ้วนได้นะคะ
1
🧀 มาการีน หรือเนยเทียมที่หลายคนมักใช้แทนเนยสด เป็นอาหารที่มีไขมันทรานส์ในปริมาณมาก ซึ่งจัดว่าเป็นไขมันที่อันตรายต่อสุขภาพเมื่อเทียบกับไขมันชนิดอื่น ๆ โดยไขมันทรานส์จะเพิ่มระดับของไขมันคอเลสเตอรอลชนิดที่ไม่ดี ซึ่งอาจนำไปสู่โรคหัวใจและโรคหลอดเลือดสมองได้ โดยนักวิจัยได้แนะนำให้บุคคลทั่วไปและผู้ป่วยโรคมะเร็งลดปริมาณการบริโภคไขมันทรานส์จากอาหาร เพื่อประโยชน์ต่อสุขภาพด้วยค่ะ
🥫 ซอสมะเขือเทศ แม้ว่าการใช้ซอสมะเขือเทศในอาหารเพียงเล็กน้อยอาจไม่เป็นอันตราย แต่หากรับประทานเป็นประจำก็อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพได้เช่นกัน เนื่องจากในซอสมะเขือเทศมีสารเจือปนต่าง ๆ อย่างน้ำตาลและเกลือในปริมาณมาก นอกจากนี้ แคลอรี่ส่วนใหญ่ในซอสมะเขือเทศก็ยังมาจากน้ำตาลอีกด้วยค่ะ
2
🍟🍟🍟🍟🍟🍟🍟🍟🍟🍟🍟🍟🍟🍟🍟🍟🍟🍟
3. ของหวาน - ขนมหวาน
ภาพจาก : https://pin.it/Oz7BGw6
มีส่วนประกอบหลักที่เป็นตัวชูรสชาติ คือ น้ำตาล ที่ทำให้ร่างกายกระปรี้กระเปร่า รู้สึกสดชื่น ช่วยกระตุ้นให้สมองหลั่งสารแห่งความสุขหรือสารเอ็นโดรฟิน โดยองค์กรอนามัยโลก “ แนะนำให้บริโภคน้ำตาลในปริมาณที่จำกัด 4-6 ช้อนชา/วัน ในกลุ่มคนวัยทำงานทั่วไป และ 6-8 ช้อนชา/วัน ในกลุ่มคนที่ต้องใช้พลังงานมากกว่าปกติ ”
1
แต่ข้อมูลที่น่าตกใจมากคือ “ คนไทยบริโภคน้ำตาลเฉลี่ยสูงสุดวันละ 20 ช้อนชา ทำให้สถิติผู้ป่วยเบาหวานเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและอายุของผู้ป่วยลดน้อยลงเรื่อยๆ ” สะท้อนให้เห็นว่าผู้คนตระหนักถึงโทษของ “น้ำตาล” ไม่มากพอ จึงบริโภคกันอย่างไม่จำกัด ทั้งที่ความจริงแล้วขนมหวานหลายชนิดที่เต็มไปด้วยน้ำตาล ทำร้ายสุขภาพได้มากกว่าที่ใครหลายคนรู้
2
อันตรายของมันคือ ส่งผลกระทบต่อผิวพรรณของเรา หากเราทานหวานมากๆจะทำให้น้ำตาลตกค้างอยู่ในหลอดเลือดของเรา เกิดอนุมูลอิสระในร่างกายมากขึ้น เวลาเป็นแผล จะทำให้หายช้าด้วยนะคะ
และยังส่งผลให้เกิดโรคร้ายแรงตามมาได้ เช่น โรคเบาหวาน , โรคหัวใจ , โรคหลอดเลือดในสมองตีบหรือแตก , โรคมะเร็งตับอ่อน , โรคอ้วน , ติดเชื้อรุนแรงได้ง่าย เป็นต้นค่ะ ยังไม่พอ อาจจะทำให้เราเกิดอาการเสพติดความหวาน ขาดความหวานไม่ได้อีกด้วยนะคะ เพราะฉะนั้นหลีกเลี่ยงได้ควรหลีกให้ไกลเลยนะคะ
1
🍰🍰🍰🍰🍰🍰🍰🍰🍰🍰🍰🍰🍰🍰🍰🍰🍰🍰
4. ปลาแซลมอน
ภาพจาก : https://pin.it/1hQiGcM
ของอร่อยอีกแล้ว !! ไม่น่าเชื่อเลยนะคะว่าปลาแซลมอนจะมีโทษ อ๊ะๆ !! ไม่ใช่ทั้งหมดค่ะ 😆 ปลาแซลมอนต้องเป็น 1 ในของโปรดของใครหลายๆคนเลยใช่มั้ยคะ ? เพราะนอกจากจะอร่อยแล้วยังมีประโยชน์ด้วย แต่นอกจากจะมีประโยชน์ปลาแซลมอนก็มีโทษแฝงมาด้วยเช่นกันค่ะ
2
ในสหรัฐอเมริกาได้มีการวิจัยพบว่า “ เนื้อปลาแซลมอนจากฟาร์มเลี้ยงมีสารก่อมะเร็งที่มาจากอาหารปลาในระดับที่สูงกว่าปลาแซลมอนจากธรรมชาติถึง 16 เท่า ” อีกทั้งปลาแซลมอนที่เลี้ยงในฟาร์ม มีไขมันอิ่มตัวสะสมในปริมาณสูง เนื่องจากไม่ได้ว่ายน้ำหรือออกกำลังกายที่มากพอตามระยะเวลาที่ควรจะเป็นตามสัญชาติญาณทางธรรมชาติ หากรับประทานเนื้อปลาแซลมอนเข้าไปมากๆ อาจส่งผลทำให้เกิดไขมันอุดตันในเส้นเลือดได้ค่ะ
3
ดังนั้นหากจะรับประทานเนื้อปลาแซลมอน ควรศึกษาให้ดีเสียก่อนว่าเป็นเนื้อปลาแซลมอนจากทะเลโดยตรง หรือเป็นปลาแซลมอนที่ถูกเลี้ยงในฟาร์ม หากไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ก็ควรรับประทานแต่พอเหมาะ โดยมีนักวิจัยออกมาแนะนำว่า “ ไม่ควรบริโภคเนื้อปลาแซลมอนที่ถูกเลี้ยงในฟาร์ม เกินกว่า 0.25 กิโลกรัมต่อเดือน ส่วนเนื้อปลาแซลมอนจากธรรมชาติสามารถบริโภคได้ถึง 2 กิโลกรัมต่อเดือน ” เลยค่ะ
5
🍣🍣🍣🍣🍣🍣🍣🍣🍣🍣🍣🍣🍣🍣🍣🍣🍣🍣
5. ข้าวโพดคั่ว
ภาพจาก : https://pin.it/6mZBx3X
แหม๋ ๆ ของอร่อยซะด้วยใช่มั้ยคะ !! ขาดไม่ได้เลยโดยเฉพาะเวลาที่ต้องดูหนัง ชมภาพยนต์ เป็นต้องมีข้าวโพดคั่วเพราะเป็นของคู่กันเลยเนอะ และสามารถซื้อแบบสำเร็จรูปมาทำเองที่บ้านได้ง่ายๆ เพียงแค่ใส่ถุงในไมโครเวฟและรอสักครู่ จากนั้นเมล็ดข้าวโพดจะแตกออกและส่งเสียงดัง ป๊อป !!! แค่นี้ก็อร่อยแล้ว !!
2
แต่รู้กันไหมคะว่า ข้าวโพดคั่วมีไขมันต่ำและมีใยอาหารสูง แต่ยังมีสารเคมีสองชนิดในข้าวโพดคั่วไมโครเวฟและบรรจุภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับผลกระทบด้านลบต่อสุขภาพ รวมถึงมะเร็งและอันตรายต่อปอด
2
ความเกี่ยวข้องที่เป็นไปได้ระหว่างข้าวโพดคั่วไมโครเวฟกับมะเร็งไม่ได้มาจากตัวข้าวโพดคั่ว แต่มาจากสารเคมีที่เรียกว่าสารประกอบ perfluorinated (PFCs) ที่อยู่ในถุง PFCs ทนต่อไขมัน จึงเหมาะสำหรับป้องกันน้ำมันไม่ให้ซึมผ่านถุงข้าวโพดคั่วนั่นเองค่ะ
1
ซึ่ง สาร PFCs ยังถูกใช้ใน กล่องพิซซ่า ,กระดาษห่อแซนด์วิช , กระทะเทฟลอน , บรรจุภัณฑ์อาหารประเภทอื่นๆ อีกด้วยนะคะ
1
ปัญหาของสาร PFCs ก็คือพวกมันจะแตกตัวเป็นกรด perfluorooctanoic (PFOA) ซึ่งเป็นสารเคมีที่สงสัยว่าเป็นสาเหตุของโรคมะเร็ง สารเคมีเหล่านี้เข้าสู่ข้าวโพดคั่วเมื่อถูกความร้อน และเมื่อคุณกินข้าวโพดคั่ว สารเคมีจะเข้าสู่กระแสเลือดของคุณ และอยู่ในร่างกายของคุณได้เป็นเวลานานเลยล่ะค่ะ
1
และโรคปอดข้าวโพดคั่วยังทำให้ทางเดินหายใจเล็กๆในปอด (หลอดลมฝอย) เป็นแผลและแคบลงจนถึงจุดที่ไม่สามารถปล่อยให้มีอากาศเพียงพอ โรคนี้ทำให้หายใจถี่ หายใจไม่ออก และมีอาการอื่นๆคล้ายกับโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD) อีกด้วยล่ะค่ะ
แม้ว่าสารเคมีบางชนิดที่ยังคงอยู่ในบรรจุภัณฑ์ของผลิตภัณฑ์เหล่านี้อาจเป็นปัญหา แต่การกินข้าวโพดคั่วไมโครเวฟเป็นครั้งคราวไม่มีความเสี่ยงต่อสุขภาพนะคะ แต่ถ้าคุณยังกังวลหรือบริโภคข้าวโพดคั่วจำนวนมาก คุณไม่จำเป็นต้องเลิกทานข้าวโพดคั่วเป็นอาหารว่างนะคะ คุณอาจทำข้าวโพดคั่วของคุณเองที่บ้านโดยใช้เตาแก๊สหรือเครื่องทำข้าวโพดคั่วได้เองเลยค่ะ
1
🍿🍿🍿🍿🍿🍿🍿🍿🍿🍿🍿🍿🍿🍿🍿🍿🍿🍿
ปัจจุบันจะทานอะไรก็ต้องระมัดระวังกันด้วยนะคะ อาหารบางอย่างมันก็หาทานง่าย สะดวกสบายสำหรับเราก็จริง แต่ว่ามันก็แฝงมากับโทษอันร้ายแรงที่เราไม่รู้มาก่อนก็ได้
เพราะฉะนั้นหากคุณจะทานอะไรเข้าไป ก็ห่วงเรื่องของสุขภาพกันนิดนึงเนอะ จะได้ไม่เจ็บป่วยและห่างไกลจากโรคภัยไข้เจ็บ และอย่าลืมออกกำลังกายควบคู่กันไปด้วยนะคะ 😊🙃
#เรื่องดีดี # 5 อาหารที่อาจฆ่าเราได้โดยไม่รู้ตัว
อ้างอิง

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา