"แม้ไม่ยิ่งใหญ่..แต่ก็เป็นสุขได้"
คนมากมายที่มีความคิดอยากจะเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆบนโลกใบนี้ให้ดีกว่าเดิม แต่มีคนเพียงน้อยนิดเท่านั้นที่จะสามารถทำให้เป็นจริงได้
เหตุเพราะคนเรามักจะคิดเปลี่ยนแปลงในเรื่องที่ยิ่งใหญ่ จึงกลายเป็นความฝันไกลเกินตัวมากไป จึงยากที่จะเป็นไปได้และยุติถอดใจไปในที่สุด
ทั้งนี้คนจำนวนไม่น้อย ต่างคิดว่าจะเปลี่ยนแปลง องค์กรและสังคมให้สำเร็จ แต่มักจะติดกับดักความจริงที่ซ่อนเร้นอยู่ภายในใจลึกๆ ที่ต้องการทำเพื่อตนเองมากกว่า
ส่วนใหญ่มักทำไปเพื่อต้องการเป็นใหญ่มีอำนาจแล้วฉันจึงจะสามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงให้ดีกว่า แต่สุดท้ายก็หลงไปในวังวนความหลงระเริงตน
การสร้างวิถีชีวิตปกติใหม่ ที่สร้างการเปลี่ยนแปลงที่สามารถส่งผลกระทบเชิงบวกในองค์กร สังคม ได้นั้น มีแง่คิดเพื่อการพิจารณาเบื้องต้น 6 ประการดังนี้คือ "6 S"
(1)จงอย่าถามหาคนรับผิดชอบจากใคร แต่จงเริ่มต้นรับผิดชอบที่ตนเองก่อน (Start by yourself)
ด้วยการเริ่มต้นคิดเปลี่ยนแปลงที่ตนเองก่อนเท่านั้น และจุดเริ่มนั้นอาจมาจากการคิดสิ่งใหญ่ได้ แต่เมื่อลงมือจริงต้องเริ่มจากสิ่งเล็กๆที่เราสามารถรับผิดชอบได้
เพื่อสร้างความคุ้นชินให้เกิดการปรับตัวจนเป็นนิสัยที่สามารถนำไปสู่การเปลี่ยนแปลง
เมื่อสิ่งเล็กๆนั้นถูกบ่มเพาะอย่างลงตัวจนกลายเป็นคุณลักษณะประจำตัวได้วันใด วันนั้นก็จะกลายเป็นรากฐานแห่งพลังติดตัว เพื่อสร้างความเป็นไปได้ใหม่ให้เป็นจริงได้อย่างมั่นคง
(2)จงเริ่มปรับเปลี่ยนสิ่งเล็กๆที่ใกล้ตัวของเราเอง ไม่ใช่เรื่องไกลตัว ไกลเกินฝันที่จะเป็นจริง(Start anything in the circle of your Influences)
ทำในสิ่งที่มั่นใจว่าจะทำได้อย่างแน่นอน ซึ่งอยู่ในขอบข่ายที่เราสามารถสร้าง ควบคุม และมีอิทธิพลในการเปลี่ยนแปลงได้ โดยไม่ทำในสิ่งที่เกินอำนาจอิทธิพลของตนเอง
การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นคือการเปลี่ยนในเรื่องใกล้ตัวบนฐานการพึ่งตนเองเท่านั้น
(3)จงระงับความรู้สึกชอบเปรียบเทียบและแข่งขันกับผู้อื่น (Stop Compare&Compete with others.)
การสร้างความเปลี่ยนแปลงใดๆ คือการทำในสิ่งที่ดีกว่าเดิม ไม่ใช่การทำในความหมายที่ดีที่สุดเหนือใคร
จึงเป็นการลงมือที่ปราศจากความรู้สึกมุ่งมั่นเพื่อการเอาชนะใคร เพราะ การสร้างสิ่งที่ดีกว่าเดิมนั้น ไม่มีคู่แข่งที่แท้จริงมีแต่ความร่วมมือและความเข้าใจต่อกัน
ดังนั้นจึงเป็นการก้าวข้ามขอบในการชนะใจตนเองให้ได้เพื่อเพื่อชนะใจผู้คน จึงต้องสร้างสิ่งดีให้เกิดขึ้นที่ตนเองก่อนเป็นสำคัญ
(4)จงแสดงความเป็นตัวตนที่แท้จริง ไม่เสแสร้งแสดงตัวเป็นคนที่อยากเป็น (Strong&Stand on your own.)
การเปลี่ยนแปลงที่เป็นไปอย่างบริสุทธ์ใจนั้น จะเกิดขึ้นมาจากฐานความคิดของคนที่ตั้งมั่นอย่างมีหลักการที่ถูกต้อง ดีงาม ตามความจริง และสอดคล้องกับความเชื่อในตนเท่านั้น
ทุกสิ่งที่คิดพูดและทำไปจึงมีความเชื่อมโยงที่สอดคล้องตรงกัน ไม่มีวาทะคำหวาน ไม่โกหก ลวงโลก เพื่อหวังผลตอบแทน
ที่สำคัญพึงตระหนักรู้ว่าการเป็นเช่นนี้ อาจจะไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการตามกลไกทุนนิยม แต่สิ่งที่ได้คือการมีชีวิตที่จะเป็นไปอย่างสอดคล้องกับความเชื่อและค่านิยมของเราเอง
(5)จงใช้ความใจกว้างที่โอบอ้อม เผื่อแผ่แก่ผู้คนรอบข้าง (Spread Generousness)
คือการให้ความเมตตากรุณาเอื้อเฟื้อโดยไม่หวังผลตอบแทนใดๆ
ธรรมชาติของคนเรานั้นมักต้องการให้มีคนฟังเขาพูดและอ่านในสิ่งที่เขาเขียน เพื่อให้เข้าถึงความเข้าใจความหมาย
ปัญหาที่เกิดขึ้นในห้วงวิกฤติของชีวิตต่างๆ บางทีเพียงแค่มีคนรับฟังด้วยใจที่เปิดกว้าง ก็สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นได้
เพราะเป็นจุดเริ่มต้นของการนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงให้หลายชีวิตกลับมายืนสู้ชีวิตได้อย่างน่าอัศจรรย์ เพียงการให้คำปรึกษาที่จริงใจและไม่หวังสิ่งใดคืนกลับมา
(6)จงเลือกแบ่งปันสื่อสารอย่างสร้างสรรค์ในชีวิต(Sharing the Positivity in daily Life)
การจะแบ่งปันสิ่งดีสู่ผู้อื่นได้ จะว่าไปแล้วล้วนเริ่มต้นจากการเรียนรู้ที่จะรับสิ่งที่ดีๆเข้ามาสู่ชีวิตตัวเราเสียก่อนในแต่ละวัน
ทุกการรับเรื่องราวแง่คิดที่ดีงามสร้างสรรค์เชิงบวก มักช่วยจุดประกายชีวิตให้คนเรามีพลังบันดาลใจ
ในทางตรงกันข้าม ทุกคำพูดและเรื่องราวข้อเขียนที่สร้างความเกลียดชัง ไม่สร้างสรรค์ ก็ย่อมบั่นทอนให้คนเราติดหล่มจมอยู่ในความทุกข์
ยากจะมีโอกาสลุกขึ้นยืนมาสร้างการเปลี่ยนแปลงสิ่งที่ดีกว่าเดิมได้เลยแม้แต่น้อย
แล้วเราจะเริ่มสร้างผลกระทบให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้เมื่อใด คำตอบสั้นๆคือวินาทีนี้..เป็นเวลาที่เหมาะสมที่สุด เพราะไม่มีเวลาไหนที่ดีที่สุดเท่านี้อีกแล้ว...
"เริ่มที่ตัวเรา จากสิ่งที่ใกล้ตัว..หยุดเปรียบเทียบ..มีจุดยืนในตน..ใจกว้างต่อผู้คน..พร้อมแบ่งปันเชิงบวก"
เพียงแค่หกสิ่งนี้..แม้ไม่ยิ่งใหญ่นัก...แต่จะงดงามและเบิกบานให้ใจมีความสุข..สำหรับชีวิตที่ดีกว่าได้..."LL&L3/6/63
- 19
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
