3 มิ.ย. 2020 เวลา 03:43 • ศิลปะ & ออกแบบ
3 ยุคเเรกของสถาปัตยกรรม
1ยุคสถาปัตยกรรมอียิปต์สถาปัตยกรรมอียิปต์ ใช้ระบบโครงสร้างเสาและคานแสดงรูปทรงที่เรียบง่ายและแข็งทื่อขนาดช่องว่างภายในมีเล็กน้อยและต่อเนื่องกันโดยตลอดสถาปัตยกรรมสำคัญของชาวอียิปต์ได้แก่สุสานที่ฝังศพซึ่งมีตั้งแต่ของประชาชนธรรมดาไปจนถึงกษัตริย์ซึ่งจะมีความวิจิตรพิสดารใหญ่โตไปตามฐานะและอำนาจลักษณะของการสร้างสุสานที่เป็นสถาปัตยกรรมสำคัญแห่งยุคก็คือปิรามิดปิรามิดในยุคแรกเป็นแบบขั้นบันไดหรือเรียกว่ามัสตาบาต่อมามีการพัฒนารูปแบบวิธีการก่อสร้างจนเป็นรูปปิรามิดที่เห็นในปัจจุบันนอกจากนี้ยังมีการสร้างวิหารเทพเจ้า เพื่อใช้ประกอบพิธีกรรมของนักบวช และวิหารพิธีศพเพื่อใช้ประกอบพิธีศพในสมัยอาณาจักรใหม่ (1020 ปีก่อน พ.ศ - พ.ศ.510) วิหารเหล่านี้มีขนาดใหญ่โต และสวยงาม ทำจากอิฐและหินซึ่งนำรูปแบบวิหารมากจากสมัยอาณาจักรกลางที่เจาะเข้าไปในหน้าผา บริเวณ หุบผากษัตริย์และหุบผาราชินีซึ่งเป็นบริเวณที่มีสุสานกษัตริย์และราชินีฝังอยู่เป็นจำนวนมาก
 
 รูปทรงพีระมิด
พีระมิด ( Pyramid) เป็นรูปทรงทางเรขาคณิตที่เกิดจากการเชื่อมจุดระหว่างมุมของรูปหลายเหลี่ยม (Polygon) กับจุดหนึ่งจุดที่เรียกว่าจุดยอด (Apex) โดยมีหน้าเป็นรูปสามเหลี่ยม
สิ่งก่อสร้างรูปพีระมิด อารยธรรมในยุคโบราณหลายแห่งในโลกมีสิ่งก่อสร้างรูปพีระมิดโดยพีระมิดที่มีชื่อเสียงมากที่สุดคือ พีระมิดในอียิปต์ ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อเป็นสุสานของฟาโรห์โดยพีระมิดที่ใหญ่ที่สุดคือมหาพีระมิดแห่งกิซ่าซึ่งเป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคโบราณและเป็นสิ่งเดียวที่ยังอยู่มาจนถึงยุคปัจจุบันนอกจากนี้ยังมีพีระมิดของชาวนูเบียซึ่งขนาดเล็กกว่าและอยู่ทางใต้ของอียิปต์และชาวเมโสโปเตเมียมีพีระมิดในรูปแบบของตนเองที่เรียกว่า ซิกกูแรต ( Ziggurat) ในยุคปัจจุบันมีสิ่งก่อสร้างรูปพีระมิดเช่นกัน เช่น พีระมิดกระจกที่อยู่ด้านหน้าของพิพิธภัณฑ์ลูฟร์ในปารีส
2ยุคสถาปัตยกรรมกรีก
สถาปัตยกรรมกรีกโบราณ (อังกฤษ Architecture ofancientGreece)เป็นลักษณะสถาปัตยกรรมที่สูญหายไปจากกรีซมาตั้งแต่ปลายสมัยเฮลลาดิค (Helladic period) หรือสมัยไมซีเนียน (ราว 1200 ปีก่อนคริสต์ศักราช) มาจนกระทั่งราว 700 ก่อนคริสต์ศักราชเมื่อชาวโรมันมีความมั่งคั่งและฟื้นตัวขึ้นจนถึงจุดที่เริ่มมีการก่อสร้างสิ่งก่อสร้างสำหรับสาธารณชนขึ้นได้อีกแต่ในเมื่อสิ่งก่อสร้างของกรีกหลายแห่งในสมัยอาณานิคม (800-600 ก่อนคริสต์ศักราช) สร้างด้วยไม้หรือ อิฐดินเหนียว หรือดินเหนียวจึงทำให้ไม่มีที่ใดที่ยังเหลือหรอให้ได้เห็น นอกจากแผนผังบนพื้นอยู่สองสามแห่ง และไม่มีหลักฐานทางลายลักษณ์อักษรที่เกี่ยวกับสถาปัตยกรรมสมัยแรกหรือคำบรรยายเกี่ยวกับสิ่งก่อสร้างเหล่านี้ที่ยังคงอยู่
วัสดุที่ใช้ในการก่อสร้างโดยทั่วไปจะเป็นไม้ ที่ใช้ในการรองรับคานที่รับหลังคาพลาสเตอร์สำหรับอ่างและอ่างอาบน้ำอิฐดิบสำหรับก่อผนังโดยเฉพาะสำหรับบ้านเรือนที่อยู่อาศัยส่วนบุคคล หินปูน และ หินอ่อน ในการก่อสร้างเสา กำแพง หรือตอนบนของเทวสถานหรือตึกที่ทำการสาธารณะ“เครื่องดินเผาสีหม้อใหม่”[1]ที่ใช้เป็นกระเบื้องปูหลังคาและเครื่องตกแต่งและโลหะโดยเฉพาะสำริดที่ใช้ในการตกแต่งรายละเอียด สถาปนิกใช้วัสดุดังกล่าวในการก่อสร้างสิ่งก่อสร้างอย่างง่ายๆห้าประเภทศาสนสถานที่ทำการราชการที่อยู่อาศัยที่เก็บศพและสถานที่เพื่อการบันเทิง
3ยุคสถาปัตยกรรมโรมัน
สถาปัตยกรรมโรมัน (อังกฤษ: Architecture of ancientRome)เป็นลักษณะสถาปัตยกรรมของโรมันโบราณที่ประยุกต์มาจากสถาปัตยกรรมกรีกตั้งแต่ราวศตวรรษที่12ก่อนคริสต์ศักราชมาเป็นลักษณะสถาปัตยกรรมของตนเองลักษณะสถาปัตยกรรมทั้งสองถือว่าเป็น“สถาปัตยกรรมคลาสสิก”
นอกจากลักษณะสถาปัตยกรรมที่นำมาจากกรีกแล้วโรมันยังรับอิทธิพลเกี่ยวเนื่องเช่นการสร้าง “ห้องทริคลิเนียม”(Triclinium)ในคฤหาสน์โรมันเป็นห้องกินข้าวอย่างเป็นทางการและจากผู้ที่มีอำนาจมาก่อนหน้านั้น--วัฒนธรรมอีทรัสคัน--โรมันก็นำความรู้ต่างทางสถาปัตยกรรมมาประยุกต์ใช้เช่นการใช้ระบบไฮดรอลิคและการก่อสร้างซุ้มโค้ง
ปัจจัยทางสังคมเช่นความมั่งคั่งและจำนวนประชากรที่หนาแน่นในมหานครทำให้โรมันต้องพยายามหาหนทางใหม่ในการแก้ปัญหาทางสถาปัตยกรรมอันเป็นผลที่ตามมา การใช้ ยอดโค้ง (Vault) และ ซุ้มโค้ง ประกอบกับความรู้เกี่ยวกับวัสดุสำหรับการก่อสร้างเป็นต้นที่สามารถทำให้โรมันประสบกับความสำเร็จเช่นที่ไม่เคยมีมาก่อนในการก่อสร้างสิ่งก่อสร้างอันใหญ่โตน่าประทับใจสำหรับสาธารณชนตัวอย่างเช่นสะพานส่งน้ำโรมัน โรงอาบน้ำไดโอคลีเชียน และ โรงอาบน้ำคาราคัลลา บาซิลิกา และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือโคลอสเซียมในกรุงโรม ซึ่งกลายมาเป็นแบบจำลองในการสร้างสถาปัตยกรรมแบบเดียวกันที่มีขนาดย่อมกว่าตามมหานครและนครต่างๆไปทั่วทั้งจักรวรรดิสิ่งก่อสร้างบางชิ้นก็ยังหลงเหลืออยู่ในรูปแบบที่เกือบสมบูรณ์เช่นกำแพงเมืองลูโกในฮิสปาเนียทาร์ราโคเนนซิสทางตะวันตกเฉียงเหนือของสเปน
การก่อสร้างสิ่งก่อสร้างอันใหญ่โตนอกจากจะเป็นการแสดงให้เห็นถึงความสามารถทางสถาปัตยกรรมแล้วก็ยังเป็นเครื่องมือในการโฆษณาชวนเชื่อถึงความเป็นมหาอำนาจของจักรวรรดิโรมันอีกด้วย ดังจะเห็นได้จากตึกแพนธีอันโดยเฉพาะในการสร้างใหม่ตามแบบของจักรพรรดิเฮเดรียนที่ยังคงตั้งอยู่อย่างสง่างดงามเช่นเมื่อสร้างใหม่ นอกจากแพนธีอันจักรพรรดิเฮเดรียนก็ยังทรงทิ้งร่องรอยทางสถาปัตยกรรมอันยิ่งใหญ่ไว้ทางตอนเหนือของบริเตนในรูปของกำแพงเฮเดรียนที่ใช้เป็นเส้นพรมแดนทางตอนเหนือสุดของจักรวรรดิ และเมื่อพิชิตสกอตแลนด์เหนือขึ้นไปจากกำแพงเฮเดรียนได้ ก็ได้มีการสร้างกำแพงอันโตนินขึ้น
โฆษณา