4 มิ.ย. 2020 เวลา 13:01 • การศึกษา
ลัทธิซาตานคืออะไร ?
ถ้าพูดถึงคำว่าลัทธิซาตานเราก็จะเห็นภาพในสังคมปัจจุบันไม่ว่าจะหนัง ซีรี่ย์ เรื่องเล่า หรือจะเป็นเรียงความว่าซาตานคือปีศาจที่ชั่วร้าย คือวิญญาณทางด้านมืด และภาพลักษณ์ต่างๆที่พูดถึงลัทธิซาตานจะต้องมีพิธีกรรมต่างๆมากมาย การบูชายัญ หรือแม้กระทั่งการทรมานคนอื่นหรือตัวเองในรูปแบบต่างๆ และอ้างว่ามันคือการกระทำที่ได้รับคำสั่งมาจากเทพซาตาน
ซึ่งคำว่าลัทธิซาตานจริงๆเป็นแบบนั้นจริงหรือเปล่า สำหรับข้อมูลที่หามา ลัทธิซาตานแบบดั้งเดิมไม่ได้มีความเชื่อในการบูชายัญหรือทำร้ายร่างกายตัวเองเลย แต่ต้องขอบอกก่อนว่าลัทธิซาตานจะแบ่งออกเป็น 2 แบบคือ ลัทธิซาตานแบบเชื่อเรื่องมีเทพเจ้าอยู่ กับลัทธิซาตานที่ไม่เชื่อว่ามีเทพพระเจ้าอยู่ โดยอย่างแรกขอพูดถึงลัทธิซาตานแบบดั้งเดิมก่อนเลย ก็คือลัทธิซาตานแบบที่ไม่มีเรื่องของการเชื่อเรื่องพระเจ้าเลย แต่จะเชื่อไปในทางกฎของธรรมชาติ และเชื่อไปในทางปัจเจกนิยมมากกว่า
โดยข้อมูลที่ได้บันทึกไว้ เขาบอกว่าลัทธิซาตานแบบดั้งเดิมถูกก่อตั้งขึ้นโดยที่ไม่ได้ปกปิดหรือเป็นการแอบตั้งกลุ่มแต่อย่างใดเลย ถูกก่อตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการ โดยนักปรัชญาศาสนาคนหนึ่งที่ชื่อว่า Dr. Anton Lavey ในปี 2509 หรือประมาณ 50 ปีก่อน และทาง Dr. Anton เขาก็ได้สร้างหลักธรรมคำสอนขึ้นมาที่มีชื่อว่า Satanic Bible โดยถูกสร้างขึ้นมาตามหลักปรัชญาและความเชื่อของตัวเขาเอง (คัมภีย์สร้างขึ้นปี 2512 หรือ หลังจากตั้งลัทธิได้แค่ 3 ปีเท่านั้น) โดยแนวความเชื่อและปรัชญาหลักๆใน Satanic Bible จะมีอยู่ 4 ข้อหลักๆคือ 1. ปรัชญาปัจเจกนิยม 2.สุขนิยม 3.อัตตานิยม 4.ยึดตัวเองเป็นศูนย์กลาง
5
ถ้าให้สรุปและพูดให้เข้าใจง่ายๆก็จะคล้ายๆว่า การที่เราอยู่ในลัทธิซาตาน นับถือซาตานแบบดั้งเดิม เขามีปัจจัยหลักๆว่า การที่อยู่ในลัทธินี้จะไม่มีการแบ่งชนชั้นใดๆเลย ทุกคนคือคนที่มีความเท่าเทียมและเสมอภาคเท่ากันทั้งนั้น และการกระทำทุกการกระทำ ไม่ว่าจะเป็นการกระทำที่ดีหรือการกระทำที่เลว ขอให้เป็นการกระทำที่เราทำออกมาแล้วเรามีความสุข นั่นคือคำสอนของ Satanic Bible แต่ตรงนี้ก็ยังมีข้อจำกัดความอยู่ตรงที่ว่าในการที่เราจะทำเรื่องดีหรือเรื่องเลว จะต้องไม่มีการฆ่าชีวิตใดชีวิตหนึ่งมา เพื่อทำพิธีกรรมเพียงเท่านั้น ซึ่งตรงนี้ข้อมูลที่ไปหามาเขาได้ยืนยันว่าไม่ได้มีอยู่ใน Satanic Bible
1
แต่ในปัจจุบันที่เราเห็นกัน ไม่ว่าจะเป็นข่าวเรื่องของการบูชายัญด้วยการนำเด็กเป็นๆ มาทำพิธีกรรมด้วยการฆ่าหรือการรีดเลือดเด็กออกมาและดื่มเลือดเด็กเข้าไป หรือแม้แต่การตัดชิ้นส่วนในร่างกาย หรืออวัยวะต่างๆเพื่อมาทำพิธีกรรม โดยคนที่อยู่ในลัทธิซาตานเขาก็อ้างว่าตรงนี้ไม่ใช่คนที่อยู่ในลัทธิซาตานแน่นอน แต่เขาสันนิษฐานได้อยู่ 2 เหตุการณ์คือ อาจจะเป็นลัทธิอื่นที่มีสัญลักษณ์คล้ายหรือเหมือนกับสัญลักษณ์ของลัทธิซาตานหรือเปล่า หรืออีกอย่างหนึ่งคือบุคคลคนนี้อาจจะเสพยาเสพติดแล้วเกิดอาการประสาทหลอนขึ้นมาเลยไปก่อเหตุแบบนั้น
1
ถ้าเราพูดถึงลัทธิซาตานแบบที่เลวร้ายที่สุดเลยก็คือการฆ่าคนนู้น หรือลักพาตัวคนนี้ เพื่อมาทำพิธีกรรมบูชายัญ แต่มีเรื่องของยาเสพติดเข้ามาเกี่ยวข้อง มีเรื่องของคนหนึ่งที่เล่าเกี่ยวกับเรื่องของลัทธิซาตาน ว่าเขาเคยได้มีโอกาสเกือบได้เข้าไปที่โบสถ์ลัทธิซาตานในต่างประเทศของประเทศหนึ่ง โดยสิ่งที่เล่าเขาบอกว่าตอนที่เขาไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนอยู่ต่างประเทศ เขาได้อยู่บ้านพักที่อยู่บริเวณใกล้เคียงกับโบสถ์ของลัทธิซาตาน และทุกครั้งที่เขากลับมาที่บ้านพักก็จะได้ยินบทสวดประหลาด จะได้กลิ่นสาบแปลกๆ หรือกลิ่นอะไรบางอย่างที่บอกไม่ได้ว่าคือกลิ่นอะไร หรือบางทีก็มีคนเล่าว่าเคยมีเด็กถูกอุ้มเข้าไปในโบสถ์หลังนี้ก็มีเหมือนกัน เขาสงสัยว่าโบสถ์นี้เขาทำอะไรกัน เขาเลยตัดสินใจว่าจะลองเข้าไปในลัทธิซาตานดู เขาก็ได้เข้าไปที่โบสถ์ แต่ขณะที่เขากำลังเข้าไปปรากฏว่าทางเข้าโบสถ์มีคนเฝ้าประตูอยู่ และคนเฝ้าประตูก็แจ้งกลับมาว่าถ้าคุณอยากจะเป็นคนในลัทธิซาตาน คุณจะต้องทำพิธีกรรมและภารกิจให้สำเร็จก่อนที่จะเข้าลัทธิและเข้าโบสถ์ของเราได้ เขาเลยถามไปว่าแล้วภารกิจหรือพิธีกรรมต้องทำอะไรบ้าง คำตอบที่ได้จากคนเฝ้าโบสถ์คือคุณจะต้องไปหาเลือดสดๆของเด็กมาให้เราแล้วเราจะนำมาประกอบพิธีก่อนและให้คุณดื่มเลือดเด็กคนนั้นเข้าไป พอได้ยินคำตอบแบบนั้นเขาก็ตัดสินใจเลือกที่จะไม่เข้าลัทธินี้เพราะว่ามันค่อนข้างที่จะน่ากลัว เขาเลยตัดสินใจเดินออกมาจากโบสถ์นั้น แต่ตอนที่เขายืนอยู่หน้าโบสถ์เขาก็ได้ยินเสียงประหลาดเยอะแยะมาก ไม่ว่าจะเป็นเสียงสวด เสียงกรีดร้อง หรือแม้แต่กลิ่นสาบกลิ่นคาว
3
คนที่อยู่ในละแวกนั้นเขาก็ได้ทำการแจ้งไปยังสถานีตำรวจว่ามีการใช้เสียงดัง รู้สึกว่ามีความผิดปกติในโบสถ์นี้ แต่สุดท้ายการแจ้งเรื่องก็เงียบลง ไม่มีการเข้ามาตรวจสอบ ไม่มีการเข้ามาดูแล จนได้รู้ความจริงว่าคนที่ดูแลโบสถ์หรือเจ้าของโบสถ์เป็นนักการเมืองท้องถิ่น และเขาก็เล่ากันว่าโบสถ์นี้มีทั้งการนำคนคนหนึ่ง ไปกระทำชำเรา บังคับให้มีเพศสัมพันธุ์ ที่หนักที่สุดคือมีการค้าขายยาเสพติดในโบสถ์นั้นด้วย แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องที่นานมากแล้ว และเป็นเรื่องที่เขาได้รับมาจากคนบริเวณข้างๆโบสถ์นั้นเท่านั้นเอง โบสถ์นี้น่าจะเป็นเหมือนแหล่งซ่องสุมยาเสพติด แต่เอาลัทธิซาตานมาเป็นฉากบังหน้าแทน และใช้ยาเสพติดนี้ในการมอมเมาคนที่เข้ามาในลัทธิ แล้วก็มีการค้าขายหรืออะไรสักอย่างหรือเปล่า นี่คือข้อสันนิษฐาน
2
และจากการกระทำที่เริ่มผิดเพี้ยนเหล่านี้รวมถึงข่าวที่ออกมาเรื่อยๆเลยทำให้ภาพลักษณ์ของลัทธิซาตานแบบดั้งเดิมหายไปโดยสิ้นเชิง และกลายเป็นว่าลัทธิซาตานที่ถูกพูดถึงจะมีแต่การบูชายัญ พิธีกรรมที่แปลกประหลาด การเสพยาหรือแม้แต่การกระทำรุนแรง เข้ามาแทนที่ภาพลักษณ์ลัทธิซาตานแบบดั้งเดิมนั่นเอง และนี่คือด้านมุมมองของลัทธิซาตานที่เขาไม่เชื่อเรื่องของเทพเจ้า
2
และอีกมุมหนึ่งที่ยังไม่ได้พูดถึงก็คือมุมมองเรื่องของลัทธิซาตานที่นับถือเกี่ยวกับเทพเจ้า มันแตกต่างยังไงกับลัทธิซาตานที่เขาไม่นับถือพระเจ้า แล้วมันเกี่ยวข้องอะไรกับศาสนาคริสต์ ต้องบอกว่าในด้านความเชื่อทางฝั่งศาสนาคริสต์เขามองว่าลัทธิซาตานเป็นลัทธิที่นับถือปีศาจ วิญญาณชั่วร้ายและสิ่งอัปมงคลต่อคริสเตียน เขาเลยปลูกฝังคนในคริสเตียนว่าซาตานคือสิ่งชั่วร้าย
2
แต่ถ้าเอาด้านความเชื่อของลัทธิซาตานแบบนับถือพระเจ้าเขาบอกว่า เขานับถือปีศาจจริงแต่ปีศาจที่เขาพูดถึงคือเทวดาที่ตกจากสวรรค์จากการขับไล่ของเทพเจ้านั่นเอง เลยทำให้ความเชื่อของลัทธิซาตานไม่ถูกกับชาวคริสเตียน หรือศาสนาคริสต์นั่นเอง
และในด้านความเชื่อตรงนี้เขาก็จะมีพิธีกรรม กิจกรรม ในด้านศาสนาของเขาอยู่แล้ว แต่ก็อย่างที่บอกไปว่ามันจะมีข้อจำกัดอยู่หนึ่งอย่างคือ จะไม่มีการฆ่าชีวิตนึง เพื่อทำพิธีกรรมใดพิธีกรรมหนึ่ง แต่ในช่วงระยะหลังๆที่ผ่านมาหลังจากที่มีการก่อตั้งลัทธิซาตานแบบดั้งเดิม ก็ได้มีการทำพิธีกรรมที่แปลกมากขึ้น และมีการนำสิ่งมีชีวิตมาบูชายัญจริงๆ ตั้งแต่สัตว์เล็กจนถึงมนุษย์ โดยสัญลักษณ์ในการบูชายัญหรือการทำพิธีกรรมต่างๆจะมีอยู่หลายสัญลักษณ์มาก แต่สัญลักษณ์หลักๆจะมีอยู่ 2 สัญลักษณ์ที่เราเห็นกันบ่อยๆ นั่นก็คือ สัญลักษณ์บาโฟเมตหรือคนหัวแพะ และสัญลักษณ์ดาวห้าแฉกในวงกลม
1
ซึ่งเขาบอกว่าสัญลักษณ์พวกนี้มันคือสัญลักษณ์ประจำลัทธิซาตาน แต่พอค้นข้อมูลลึกลงไปเรื่อยๆกลับพบว่า 2 สัญลักษณ์นี้เป็นสัญลักษณ์ที่มีอีก 2 องค์กรใช้เหมือนกันเป๊ะๆเลย ซึ่งเขาบอกว่า 2 องค์กรนี้เคยมีมาตั้งแต่ในอดีต และเคยมีการยุบองค์กรมาแล้ว แต่ก็ได้มีการฟื้นองค์กรขึ้นมาใหม่เมื่อ 20-30 ปีที่ผ่านมา และเขาบอกว่าองค์กรเหล่านี้ก็ยังมีพิธีกรรมต่างๆรวมถึงการบูชายัญอีกด้วย
โฆษณา