5 มิ.ย. 2020 เวลา 04:07
"บ้าลำโพง" ในอดีตเคยถูกใช้เรียกคนที่มีอาการเพ้อ บ้าเพราะกินเมล็ดลําโพง มีอาการซึมหรือพูดพล่าม โดยปริยายหมายความว่า พูดโผงผาง ตึงตัง หรือแสดงกิริยาโมโหโกรธา
โดยในเมล็ดและใบลำโพงมีสารโทรเพน อัลคาลอยด์ ได้แก่ ไฮออสซิน (hyoscine) และไฮออสไซอะมีน (hyoscyamine) ซึ่งมีผลข้างเคียงคล้ายยาอะโทรปีน (atropine) ที่ใช้กระตุ้นหัวใจในคนถูกพิษยาฆ่าแมลงและในผู้ป่วยระหว่างผ่าตัด ทำให้เกิดอาการ
- กระหายน้ำอย่างรุนแรง ปากและคอแห้งผาด
- ม่านตาขยาย สู้แสงไม่ได้
- กลืนน้ำลายยาก
- พูดไม่ชัด พูดลำบาก
- ผิวหนังร้อนแดง คล้ำแห้ง
- ตัวร้อน ปวดศีรษะ
- มึนงง ประสาทหลอน
- ชัก ชีพจรเต้นเร็วแต่อ่อน
- น้ำลายฟูมปาก หมดสติ
ต้องรีบล้างสารพิษออกจากร่างกายโดยเร็ว
โดยพันธุ์ของลำโพงที่มีพิษนั้น เรียกว่าลำโพงกาสลัก ดอกมีสีขาวแซมม่วงเข้ม กลีบดอกซ้อนหลายชั้น บางพื้นที่ก็เรียกมะเขือบ้า เพราะเป็นพืชวงศ์เดียวกับมะเขือ และทำให้เกิดอาการเพ้อหรือบ้าได้
ส่วนทางต่างชาติ นิยมเรียกว่า Green Thorn Apple หรือ “แอปเปิลเขียวหนาม เนื่องจากผลที่มีหนามแหลมล้อมรอบ
ดอกลำโพง กับดอกแตรนางฟ้า มักถูกจำสลับกัน ดอกลำโพงจะตั้งขึ้น หรือเจริญเติบโตในแนวเฉียง ลำต้นเป็นไม้พุ่มเตี้ย ติดเมล็ดได้ง่าย แต่ดอกแตรนางฟ้าจะคว่ำลง และเป็นลำต้นสูงใหญ่กว่าต้นลำโพง
ดอกลำโพงกาสลัก
ดอกแตรนางฟ้า
นอกจากโทษแล้ว ต้นลำโพงยังมีประโยชน์ในทางยาเช่นกัน คือ แก้โรคหอบหืด ริดสีดวงจมูก โพรงจมูกอักเสบหรือไซนัส และโรคทางลมทั้งหลาย
เนื่องจากสารสำคัญในลำโพงมีฤทธิ์คลายกล้ามเนื้อเรียบของร่างกาย จึงเป็นยาขยายหลอดลม แก้หอบหืด คอตีบ ริดสีดวงจมูก และไซนัสได้ผลดี
รูปแบบยาก็ง่ายมาก เพียงเอาดอกลำโพงหั่นตากแห้งมวนใบจาก หรือกระดาษสูบอัดควันยาเข้าจมูกพอประมาณอย่าให้ถึงกับมึนเมา
ร้อยแปดพันเก้า บอกเล่าสารพัน.
โฆษณา