5 มิ.ย. 2020 เวลา 06:20 • ปรัชญา
“ บุญ ” คือ ความสุข
“ กุศล ” คือ ความเสียสละ
3
เหมือนอย่างเราปลูกข้าวลงในนา
เมื่อปรับปรุงดินให้ดีแล้ว
น้ำก็พร้อมอย่างนี้ก็ปักดำลงไปแล้ว
ไม่ต้องได้อธิษฐานอ้อนวอนอะไรหรอกว่า
ขอให้ข้าวนี้จงเจริญงอกงามขึ้นมาอย่างนี้..ไม่ต้อง
ถ้าทำถูกต้องแล้วข้าวนั้นมันงามขึ้นมาเอง
เมื่อมันมีปุ๋ยหล่อเลี้ยงลำต้นแล้วมันก็งามขึ้นมาได้เลย
อันนี้ฉันใดก็อย่างนั้นแหละ
อันบุญกุศลนี่ ถ้าเราทำถูกทางแล้ว
ไม่ต้องอธิษฐานอ้อนวอนอะไรก็เกิดขึ้นเอง
อย่างเช่นที่ว่ามาแล้ว
จึงควรเจริญอสุภกรรมฐานให้มากๆ
เมื่อจิตคลายความกำหนัดยินดี
คลายความโลภ ความอยากไม่มีที่สิ้นสุดออกจากจิตใจแล้ว ใจสงบระงับลงไป
ใจรวมลงไปแล้วเช่นนี้..
“ บุญกุศล ” ก็เกิดขึ้นเองเลย
“ บุญ ” นั้นเป็นชื่อแห่งความสุข
ครั้นเมื่อใจมันสงบลงไปแล้วมันก็สบาย..
อันนั้นแหละ
“ บุญอยู่ที่ไหน ความสุขก็อยู่ที่นั่นแหละ ”
เหตุนั้นท่านจึงว่า บุญนี่เป็นชื่อแห่งความสุข
1
“ กุศล ” นี่เป็นชื่อแห่งความเสียสละ
ไม่ยึด ไม่ถืออะไร
ถ้าผู้ใดมีอุบายปัญญาสอนจิต
ให้ละความยึด ละความถือ
ในสิ่งที่จะก่อให้เกิดราคะ โทสะ โมหะ
มีอุบายสอนใจให้ละ ให้ปล่อย
ให้วางมันออกไป กุศลมันก็เกิดขึ้น
ให้เข้าใจคำว่า “ กุศล ” มันเป็นอย่างนี้แหละ
คือ “ จิตใจที่ฉลาดสามารถละกิเลสบาปอธรรม ให้ออกไปจากดวงจิตนี้ได้ ”
นี่เรียกว่า “ กุศล ” ให้เข้าใจ
เราจะไปหาตัวตนแห่งบุญกุศลนี่ไม่ได้ดอก..ไม่มี
มีความรู้ของจิตดวงเดียวนี้นะ เท่านี้แหละ
ความรู้อันเดียวนี้ ให้เพ่งเข้ามานี้เลย
ถ้าหากว่ากุศลมันเกิดขึ้นแล้ว
จิตใจนี้ก็ผ่องใส
ท่านจึงว่าสองคำพร้อมกันเลยนี่..
“ บุญกุศล ”
เพราะว่า “ บุญนี้ทำจิตให้เบิกบาน ”
ผ่องใสขึ้นมาแล้ว “ จิตนี้ก็ฉลาด ” แล้วบัดนี้
มีอุบายแยบคายอะไรบังเกิดขึ้นในใจได้
สัพพะทานัง ธัมมะทานัง ชินาติ.
การให้ธรรมทานชนะซึ่งการให้ทั้งปวง
ขออนุโมทนา🙏
.
cr: หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ
วัดอรัญญบรรพต ต.บ้านหม้อ อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย
โฆษณา