Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Dhamma Story
•
ติดตาม
5 มิ.ย. 2020 เวลา 09:27 • การศึกษา
สามเณรนิโครธ (๑)
สามเณรนิโครธ (๑)
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าบรมครูของเรา ทรงเป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานแล้ว มีความบริสุทธิ์หมดจดจากกิเลสอาสวะทั้งปวง ได้เข้าถึงฝั่งแห่งพระนิพพาน อันเป็นแดนเกษมจากโยคะ ที่ความทุกข์ใดๆ เข้าไปไม่ถึง จึงมีแต่ความสงบ เย็น เป็นสุขล้วนๆ ไม่มีทุกข์เจือปนเลย เป็นเอกันตบรมสุข แต่กว่าที่พระองค์ จะบรรลุเป้าหมายสูงสุดนี้ได้ ก็ต้องสั่งสมบารมีกันมายาวนานนับภพนับชาติ ไม่ถ้วน พวกเราซึ่งเป็นชาวพุทธก็ต้องเจริญรอยตามพระองค์ ตั้งใจสั่งสม ความดีให้เต็มที่ หมั่นเจริญสมาธิภาวนากันอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เข้าถึง พระรัตนตรัยภายใน
มีวาระพระบาลีที่ปรากฏใน ปัพพชิตวิเหฐกชาดก ว่า...
"ใดเห็นภิกษุผู้ถึงพร้อมด้วยจรณะ ให้ท่านยืนอยู่เบื้องหน้า ประคอง อัญชลีนมัสการแล้ว ผู้นั้นจะได้รับการสรรเสริญในปัจจุบัน เมื่อละโลกนี้ ไปแล้ว ย่อมไปสู่สุคติสวรรค์”
ความสุขในโลกนี้มีอยู่ ๒ ประเภทใหญ่ๆ คือ ความสุขที่ต้องอาศัยวัตถุ เรียกว่าอามิสสุข เป็นความสุขที่เกิดจากตาได้เห็นรูปสวยๆ หูได้ยินเสียง เพราะๆ ได้รับประทานอาหารอร่อยๆ ได้สัมผัสที่นุ่มนวล เป็นต้น เป็นสุข ภายนอกที่เห็นกันได้ง่าย ความสุข
ประการที่ ๒ คือ ความสุขที่ไม่ต้อง อิงอาศัยวัตถุ เป็นความสุขที่เกิดจากการทำความดี ได้สั่งสมบุญ คือ เมื่อได้ทำบุญและสบายใจ ใจปลอดโปร่งเบาสบาย ปราศจากความโลภ เข้ามาครอบงำ โดยเฉพาะสุขที่เกิดจากการเจริญสมาธิภาวนา เป็นความสุข ที่เกิดจากใจหยุดนิ่ง ได้เข้าถึงธรรมภายใน เมื่อเทียบกับความสุขภายนอก เป็นสุขที่เลิศกว่า ประณีตกว่า เปรียบเทียบกันไม่ได้เลย
ความสุขภายในนั้นเป็นเรื่องเฉพาะตัว ผู้ที่ยังไม่ลงมือปฏิบัติ จะไม่พบ กับความสุขชนิดนี้ ทำให้ไม่รู้จัก แม้อ่านจากตำรับตำราก็ยากที่จะเข้าใจ เช่น พระท่านบอกว่า ผู้ที่รักษาศีลแล้วจะมีความสุข จิตจะร่าเริงแจ่มใส ถ้าคนยังไม่เคยปฏิบัติธรรมก็จะนึกค้านว่าคนรักษาศีลจะร่าเริงได้อย่างไร จะทำอะไรนิดอะไรหน่อยก็ต้องคอยระวังไปหมด สู้คนไม่มีศีลไม่ได้ จะดื่ม จะเที่ยวจะเล่นก็สนุกสนานร่าเริงกว่าการรักษาศีล สนุกกว่าการนั่งหลับตา นั่นเขาคิดเข้าใจไปเอง
แต่เมื่อใดที่ได้รักษาศีล ได้ปฏิบัติธรรมจนเข้าถึงความสุขชนิดนี้ จะเกิด การเปลี่ยนแปลงทั้งร่างกาย และจิตใจ หน้าตาผิวพรรณวรรณะจะผ่องใส จะพูดจาก็ไพเราะ จิตใจก็ร่าเริงเบิกบาน ผู้ที่เข้าถึงความสุขชนิดนี้คือผู้ที่ ประพฤติธรรม เช่นสมณะทั้งหลาย ซึ่งถ้าใครได้เห็นแล้วจะเกิดแรง บันดาลใจให้ประพฤติธรรม ให้อยากทำความดี อยากให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนา ก็จะได้รับการกระตุ้นให้ทำความดีจากการได้เห็นสมณะ
และเมื่อลงมือสร้างความดีให้เต็มที่ ก็ทำให้มีสุคติโลกสวรรค์ สมณะ แปลว่า ผู้สงบ หมายถึงบรรพชิตที่ได้บำเพ็ญสมณธรรม ฝึกฝน อบรมตนด้วยศีล สมาธิ ปัญญามาแล้วอย่างเต็มที่ จนกระทั่งมีกาย วาจา ใจ ใสสะอาดบริสุทธิ์ สงบจากบาปอกุศล การได้เห็นสมณะท่านเรียกว่า เป็นอุดมมงคล เพราะเป็นต้นทางที่จะทำให้เราได้ทำพระนิพพานให้แจ้ง
เมื่อได้เข้าไปหา ได้สนทนาธรรม และฟังธรรม เราจะได้รู้จักเส้นทางไป สู่สวรรค์นิพพาน เหมือนดังเรื่องสามเณรนิโครธผู้เป็นสมณะน้อย แต่เป็น ผู้จุดชนวนให้พระเจ้าอโศกผู้มีฝ่ามือชุ่มด้วยโลหิตเปลี่ยนมานับถือ พระพุทธศาสนา และช่วยยอยกพระพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรืองอย่าง ไม่เคยปรากฏที่ไหนมาก่อน
เรื่องของสามเณรนิโครธ ผู้เป็นเหล่ากอของสมณะรูปนี้มีอยู่ว่า หลัง พุทธปรินิพพานประมาณ ๓๐๐ ปี หลังจากที่พระเจ้าอโศกทรงเลิกทำ สงคราม ก็คิดจะหาความสงบพระทัย เดิมทีพระองค์ทรงนับถือลัทธินอก พุทธศาสนาอยู่ ๓ ปี ได้ถวายภัตตาหารให้แก่นักบวชในลัทธิต่างๆ วันละ หลายแสนคน พอเข้าปีที่ ๔ ก็ได้หันมาเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา เพราะอานุภาพของสามเณรนิโครธ
2
สืบเนื่องจากพระเจ้าพินทุสารผู้เป็นพระราชบิดาของพระเจ้าอโศก ได้ทรงนับถือพวกพราหมณ์ พระองค์ได้ทรงตั้งนิตยภัตไว้ให้พวกพราหมณ์ ตาปะขาว และปริพาชก เป็นต้น มีประมาณหกแสนคน พระเจ้าอโศกจึง ดำเนินตามพระราชบิดา ในวันหนึ่งได้ประทับยืนอยู่ที่สีหบัญชร ทอด พระเนตรเห็นพวกพราหมณ์ ผู้กำลังบริโภคอาหารด้วยมารยาทที่เหินห่าง จากความสงบเรียบร้อย ไม่มีความสำรวมอินทรีย์ ทั้งไม่ได้รับฝึกหัดกิริยา มารยาท จึงทรงดำริว่า “การที่เราใคร่ครวญเสียก่อนแล้วให้ทานเช่นนี้ ในเขตที่เหมาะสมจึงจะควร”
1
ครั้นทรงดำริอย่างนี้แล้ว จึงตรัสเรียก พวกอำมาตย์ว่า “พวกท่านจงนำสมณะ และพราหมณ์ที่คิดว่าฝึกตัวมา ดีแล้ว เข้ามาในพระราชวัง เราอยากถวายทานกับเนื้อนาบุญเช่นนั้น”
พวกอำมาตย์ได้นำนักบวชนอกศาสนา มีตาปะขาว ปริพาชก อาชีวก และนิครนถ์ เป็นต้น มารับภัตตาหาร เพราะเข้าใจว่าเป็นพระอรหันต์ พวกนักบวชที่มารับทานจากพระองค์ บางพวกนั่งบนตั่ง บางพวกนั่งบนแผ่นกระดาน นุ่งห่มไม่เรียบร้อย ไม่มีอาจาระที่น่าเลื่อมใสเลย
พระราชาทอดพระเนตรเห็นกิริยาการนั่งของผู้ที่แสดงตนว่าเป็นพระอรหันต์ เหล่านั้นแล้ว ทรงทราบด้วยพระปัญญาของพระองค์เองว่า นักบวชเหล่านั้น ไม่น่าจะมีธรรมที่เป็นสาระอยู่ภายใน พอถวายภัตตาหารแล้วทรงส่งกลับไป
มีอยู่วันหนึ่ง พระเจ้าอโศกประทับยืนอยู่ที่สีหบัญชร ได้ทอดพระเนตรเห็น สามเณรนิโครธ ผู้ฝึกฝนตนเองมาดี มีอินทรีย์สงบ สมบูรณ์ด้วยอิริยาบถ กำลังเดินผ่านไปทางพระลานหลวงพอดี สามเณรนิโครธก็คือหลานของ พระเจ้าอโศกนั่นแหละ มารดาของสามเณรคืออดีตน้องสะใภ้ของพระเจ้า อโศก ซึ่งพระองค์ได้ประหารชีวิตพี่น้องร่วมอุทรจนหมด แต่น้องสะใภ้คนนี้ สามารถหลบหนีออกนอกเมืองไปอยู่กับพวกคนจัณฑาลในขณะที่ยัง มีครรภ์แก่
เมื่อให้กำเนิดโอรสก็ตั้งชื่อว่า นิโครธ ชาวบ้านได้ให้เกียรติและดูแล พระนางเป็นอย่างดี เคารพนับถือเหมือนพระเทวี นางตั้งใจเลี้ยงดูโอรส เป็นอย่างดี พอเติบโตขึ้นมีอายุได้ ๗ ขวบ พระอรหันต์รูปหนึ่งชื่อ มหาวรุณ ได้มารับไปบวช เพียงเวลาปลงผมเสร็จเท่านั้น สามเณรก็ ได้บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ทันที
วันหนึ่งสามเณรนิโครธ ได้นุ่งสบงทรงจีวรออกบิณฑบาต และตั้งใจว่า จะไปเป็นเนื้อนาบุญโปรดโยมมารดาสักครั้งหนึ่ง เนื่องจากทางลัดไป บ้านโยมมารดาจะต้องเดินผ่านพระราชนิเวศน์ เพราะฉะนั้น พระเจ้าอโศก ซึ่งกำลังประทับยืนอยู่ที่สีหบัญชร จึงได้ทอดพระเนตรเห็นสามเณรนิโครธ นุ่งห่มเรียบร้อย มีอินทรีย์สงบ ทอดสายตาดูประมาณชั่วแอก กำลังเดินผ่านหน้าพระลานหลวง
ครั้นทอดพระเนตรเห็น ทรงรำพึงว่า พวกพราหมณ์ทั้งหลาย มีจิตฟุ้งซ่าน เหมือนมฤคที่วิ่งพล่าน ส่วนกุมารนี้ ไม่มีจิตฟุ้งซ่าน การมองดู การเหลียวดู การเหยียดแขนคู้แขน ช่างสงบเสงี่ยมสง่างามเหลือเกิน ภายในของกุมาร นี้น่าจะมีโลกุตตรธรรมอย่างแน่นอน ยิ่งเพ่งพินิจดูกิริยาอาการ ก็ให้บังเกิด ความเลื่อมใสในสามเณรมาก จึงรับสั่งพวกอำมาตย์ให้ไปนิมนต์สามเณร เข้ามาในพระราชมณเฑียร ด้วยความเลื่อมใส และไม่ทันใจพระองค์ พระเจ้าอโศกจึงส่งอำมาตย์ ชุดใหม่ไปโดยรับสั่งว่า จงรีบนำสามเณรรูปนั้นมาโดยเร็ว
ฝ่ายสามเณร ก็เดินมาตามปกติของท่านอย่างองอาจสง่างาม เมื่อสามเณรมาถึงแล้ว จะสามารถยกใจพระเจ้าอโศกให้หันมาเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา ได้หรือไม่อย่างไร เรามาคอยติดตามศึกษากันต่อไป เราจะเห็นว่า คนที่มีจิตใจสงบ สามารถสยบผู้ที่มีจิตใจว้าวุ่นได้ โดยเฉพาะ ผู้ที่ฝึกฝนตนเองมาอย่างดีแล้วคือ เป็นคนสงบกาย วาจา ใจ ผลแห่งการ ฝึกตัวมาอย่างดีนี้ จะส่งผลดีไปถึงคนรอบข้างที่ได้พบเห็น ใครได้พบเห็น และจะประทับใจ อยากเข้าใกล้ อยากสนทนาปราศรัยด้วย
ดังนั้น ให้ หมั่นฝึกฝนอบรมตนกันให้ดี ให้เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยศีล สมาธิ ปัญญา จะได้ช่วยกันยอยกพระพุทธศาสนา ช่วยกันแนะนำเส้นทางสวรรค์นิพพาน ให้กับเพื่อนร่วมโลกที่ยังไม่เข้าใจในเรื่องโลกและชีวิต และมุ่งทำใจให้ ใสบริสุทธิ์อยู่เสมอ ทำใจหยุดใจนิ่งกันเรื่อยไป จนกว่าจะเข้าถึง พระรัตนตรัยภายในกันทุกคน
จากหนังสือธรรมะเพื่อประชาชน ฉบับพุทธสาวก-พุทธสาวิกา
หน้า ๒๓๙ - ๒๔๙
อ้างอิง.......พระไตรปิฎก ฉบับมหามกุฏฯ
(ภาษาไทย) เล่มที่ ๑ หน้า ๘๐
บันทึก
125
28
120
125
28
120
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย