"การเหยียดผิว"ปัญหาที่อยู่คู่สังคมอเมริกา
จากกรณีของ จอร์จ ฟลอยด์แสดงให้เห็นว่าไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปี ปัญหาการเหยียดผิวก็ไม่เคยหายไปจากสังคมอเมริกา เกือบทุกยุคทุกสมัยมีชาวอเมริกันผิวดำมากมายที่ลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่อเรียกร้องสิทธิ เสรีภาพ และความเสมอภาค แต่มีอยู่ 3 เหตุการณ์ที่เป็นที่จดจำ และเป็นแรงบันดาลใจให้คนอเมริกากันผิวดำลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่อความเท่าเทียม
คดีเพลสซี-เฟอร์กูสัน
ปีค.ศ. 1892 ในรัฐหลุยส์เซียน่า นายเพลสซีซึ่งมีอาชีพเป็นช่างไม้ขึ้นรถไฟและไปนั่งที่นั่งของคนผิวขาว ซึ่งขัดต่อกฏหมายของหลุยส์เซียน่าที่แบ่งแยกสาธารณูปโภคระหว่างคนผิวดำกับคนผิวขาว เจ้าหน้าที่รถไฟสั่งให้นายเพลสซีลุกไปนั่งที่ของคนผิวดำ แต่นายเพลสซีปฏิเสธ เขาจึงถูกจับดำเนินคดี
ผู้พิพากษาเฟอร์กูสันตัดสินว่านายเพลสซีมีความผิดฐานละเมิดกฎหมายหลุยส์เซียนา แต่นายเพลสซีไม่ยอม อุทธรณ์คดีไปจนถึงศาลฎีกาซึ่งถือว่าเป็นศาลสูงสุดของประเทศ
ศาลฎีกาชี้ขาดว่ากฏหมายการแบ่งแยกของรัฐหลุยส์เซียน่านั้นต้องแบ่งแยกแต่เท่าเทียม ไม่ใช่แบ่งแยกแต่เหยียดผิว จึงถือว่าการกระทำของนายเพลสซีไม่ผิด และรัฐอื่นๆในอเมริกาก็ต้องยึดถือหลักปฏิบัตินี้ด้วย
คดีลินดา บราวน์
ปีค.ศ. 1954 ที่รัฐแคนซัส ลินดา บราวน์ ไม่อยากเรียนที่โรงเรียนประถมของเด็กผิวดำซึ่งอยู่ห่างไกลจากบ้านมาก เธอต้องการจะเรียนในโรงเรียนเด็กผิวขาวซึ่งอยู่ใกล้บ้านมากกว่า แต่โรงเรียนเด็กผิวขาวและสภาเมืองไม่ยอมให้เข้าเรียน
ตำรวจคุ้มกันลินดา บราวน์ขณะอยู่ในโรงเรียน
มีการนำคดีเข้าสู่ศาลฎีกา ซึ่งศาลตัดสินว่าลินดา บราวน์มีสิทธิ์เรียนในโรงเรียนของเด็กผิวขาว และศาลฎีกายังสั่งให้โรงเรียนระดับรัฐทั่วประเทศต้องยินยอมให้เด็กผิวดำเข้าเรียนกับเด็กผิวขาวด้วย
โรซา พาร์ค
ปีค.ศ.1955 นางโรซา พาร์คช่างเย็บผ้าชาวอะลาบามาขึ้นรถโดยสารประจำทางและนั่งตรงที่นั่งของคนผิวขาว(ปกติรถโดยสารจะมีที่นั่งคนผิวดำอยู่ท้ายรถ)มีผู้โดยสารชายผิวขาวขึ้นมาจะมานั่งตรงที่นางโรซา พาร์คนั่ง นางโรซา พาร์คปฏิเสธที่จะลุก เธอถูกจับปรับเพราะถือว่าละเมิดข้อบังคับขนส่งมวลชนของอะลาบามา
พอชาวอเมริกันผิวดำรู้ข่าวก็ประท้วงโดยการไม่ใช้บริการรถโดยสารสาธารณะของอะลาบามา
นอกจากนี้หน่วยงานเพื่อคนผิวดำในประเทศอเมริกายังนำคดีของนางโรซา พาร์คเข้าสู่ศาลฎีกา ศาลฎีกามีคำสั่งให้ยกเลิกข้อบังคับขนส่งมวลชนอะลาบามาเพราะเป็นการกระทำที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญสหรัฐฯที่บอกว่าผู้ใดเกิดในอเมริกา เป็นประชากรอเมริกาต้องได้รับการคุ้มครองเท่าเทียมกันภายใต้กฎหมายอเมริกา
สุดท้ายไม่ว่าคุณจะเกิดมามีผิวสีอะไรหรือมีชาติกำเนิดแบบไหน แต่มนุษย์ทุกคนก็มีคุณค่าเท่ากัน
ช่องทางการติดตามอื่นๆ
twitter ประวัติศาสตร์ย่อยง่าย
@historyeasily
กดติดตามให้ครบทุกช่องทางนะครับ เพราะบางบทความจะมีแค่บางแพลตฟอร์มเท่านั้น
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
