6 มิ.ย. 2020 เวลา 09:03 • ความคิดเห็น
หยวนดิจิตอล หมากนี้รุกฆาตดอลล่าร์จริงหรือไม่ ??
ในช่วงเวลาที่ผ่านมา หยวนดิจิตอล หรือ DCEP (Digital Currency Electronic Payment) เป็นหนึ่งหัวข้อสำคัญที่ทั่วโลกพากันตื่นตัวมาก แม้แต่ประเทศไทยก็มีบทวิเคราะห์มากมายเกี่ยวกับหยวนดิจิตอล หลายคนมองไปถึงกระทั่งว่า หยวนดิจิตอลนี้จะมาทำให้ดอลล่าร์หมดค่าหมดความหมายลงไป คำถามคือ ดอลล่าร์จะถึงจุดจบเพราะการเกิดของหยวนดิจิตอลจริงหรือไม่ ??
.
ก่อนตอบคำถามนี้ได้ เรามาดูลักษณะของหยวนดิจิตอล หรือ DCEP กันก่อน ว่าแท้ที่จริงมันคืออะไร
.
หยวนดิจิตอล คือเงินหยวนระบบใหม่ที่ประเทศจีนคิดค้นขึ้นบนเทคโนโลยี Distributed Ledger Technology ซึ่งความจริงแล้วเบื้องหลังเบื้องลึกของเทคโนโลยีที่จีนคิดค้นขึ้นก็ไม่ได้เปิดเผยมากไปกว่านี้เท่าไหร่ ที่สำคัญคือเทคโนโลยีบน DCEP นั้นเป็นเทคโนโลยีลูกผสม ไม่ใช่เทคโนโลยี Blockchain รวมทั้งการมีอยู่ของหยวนดิจิตอลก็มาบนแนวคิดของการรวมศูนย์ ไม่ได้มีแนวคิดเกี่ยวกับการกระจายศูนย์แต่อย่างใด
.
Ref. https://www.scmp.com/economy/china-economy/article/3083952/what-chinas-cryptocurrency-sovereign-digital-currency-and-why
ทั้งนี้ ใจความสำคัญของการกำเนิดหยวนดิจิตอล คือการที่ 1 หยวนดิจิตอล จะต้องมี 1 หยวนกระดาษ ผูกอยู่ด้วยกัน ในขณะที่หยวนกระดาษถูกเก็บรักษาไว้ หยวนดิจิตอลก็ออกไปโลดแล่นอยู่ในกระเป๋าเงินอิเล็กโทรนิค หรือ E-Wallet ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น E-Wallet ของรัฐบาลก็ดี หรือ E-Wallet ของภาคเอกชนอย่างเช่น WeChatpay หรือ Alipay ก็ดี ใครก็ตามที่มี E-Wallet เหล่านี้ สามารถเก็บหยวนดิจิตอลได้ทั้งหมด
.
ดังนั้น ในมุมของผู้ใช้งานหยวนดิจิตอล เรียกได้ว่าความรู้สึกไม่มีอะไรแตกต่างจากตอนที่ใช้งานหยวนอิเล็กทรอนิคที่ใช้อยู่ในทุกวันนี้ผ่าน E-Wallet เลย เพราะสุดท้าย คนจีนเวลาใช้เงินก็ยังคงโอนเงิน จ่ายเงิน ชำระเงิน ผ่านทาง E-Wallet บน Platform อยู่ดี การใช้เงินที่เป็น Physical Money หรือเงินกระดาษที่หยิบจับได้ วันนี้กลายเป็นเรื่องไม่สะดวกสำหรับชาวจีนไปแล้ว ดังนั้น การมาของหยวนดิจิตอล เพียงเป็นการเปลี่ยนระบบหลังบ้าน จาก หยวนอิเล็กทรอนิคให้กลายเป็นหยวนดิจิตอล ส่วนวิธีการใช้เงิน และการขยายเครือข่ายของเงินหยวน ยังคงดำเนินหน้าต่อไปบนการใช้ Platform Economy ให้เป็นประโยชน์ และแผ่ขยายอิทธิพลของ Yuan Ecosystem ออกไปเรื่อยๆ อย่างไม่หยุดยั้ง
.
อย่างไรก็ดี แม้การมาของหยวนดิจิตอลจะน่าประทับใจบนความล้ำหน้าของฟาก Regulator (รัฐบาลและธนาคารกลาง) ที่ต้องการใช้เทคโนโลยีมาพัฒนาระบบการเงินในประเทศ แต่ในขณะเดียวกัน ก็มีความพยายามตีความหยวนดิจิตอลให้ยิ่งใหญ่เกินเลยกว่าความเป็นจริง ดังนั้น เพื่อตอบคำถามว่าหยวนดิจิตอลจะทำให้สิ้นสุดยุค Dollar Standard หรือไม่ เรามาดูข้อเท็จจริงดังนี้ค่ะ
.
1. หยวนดิจิตอล มีหยวนกระดาษค้ำประกันในอัตราส่วน 1:1 ดังนั้น มูลค่าของหยวนดิจิตอล จะมีเท่ากับมูลค่าของหยวนกระดาษในตลาดโลก และมูลค่าของหยวนกระดาษยังคงถูกผูกติดกับระบบ Dollar System เพราะเหตุนี้ การเกิดขึ้นของหยวนดิจิตอล จึงไม่ได้ไปทำลายรากฐานของ Dollar System แต่อย่างใด เพราะข้างหลังหยวนดิจิตอล ยังคงต้องพึ่งพามูลค่าของหยวนกระดาษ
.
2. หยวนดิจิตอล จะเป็นเงินแบบใหม่ที่ไหลเวียนอยู่ในระบบการเงินของประเทศจีนผ่านแพลตฟอร์มทางการเงินต่างๆ ดังนั้น ในการเคลื่อนย้ายเงินหยวนบน ‘หยวน Ecosystem’ จะมีความง่ายมากขึ้น มีค่าใช้จ่ายที่น้อยลง รวมทั้ง PBOC สามารถเห็นความเคลื่อนไหวและปริมาณของเงินหยวนได้ทะลุปรุโปร่งมากขึ้น ดังนั้น หากประเทศจีนสามารถขยาย ‘หยวน Ecosystem’ นอกประเทศจีนได้ ปริมาณการใช้หยวนย่อมมากขึ้น แน่นอนว่าความพยายามในการเพิ่มปริมาณหยวนในระบบการเงินโลกย่อมเป็นการคุกคามดอลล่าร์ที่ปัจจุบันไหลเวียนอยู่ในระบบเศรษฐกิจโลกราวๆ 60% -70% แต่อุปสรรคที่ขวางทางประเทศจีนก็มีอยู่ นั่นคือสภาวะของเงินหยวนที่ยังไม่เปิดเสรีอย่างเต็มที่ การควบคุมปริมาณและการไหลเวียนของเงินหยวนอยู่ในระดับที่เข้มข้น แม้นโยบายของจีนจะมีแนวโน้มในการเพิ่มความเสรีของการไหลเวียนบนเงินทุน แต่ในภาคปฏิบัติแล้ว การผ่อนคลายการควบคุมเงินหยวนของจีนเป็นไปอย่างช้ามากๆ ทำให้การถือครองเงินหยวนสำหรับนักลงทุนต่างประเทศมีความเสี่ยงบนการควบคุมของรัฐ และเป็นอุปสรรคในการเพิ่มปริมาณการใช้หยวนในระบบเศรษฐกิจโลก
.
ที่สำคัญที่สุด การมาของหยวนดิจิตอล หรือ DCEP หนึ่งในคุณลักษณะที่ภาคเสรีนิยมหวาดกลัวที่สุดคือการติดตามควบคุมเงินจากภาครัฐ แต่นี่เป็นคุณลักษณะสำคัญของ DCEP ที่จะทำให้ PBOC หรือธนาคารกลางแห่งประเทศจีน สามารถเข้าถึงข้อมูลในทุก transaction และยังถูกสงสัยอีกว่า PBOC จะสามารถเคลื่อนย้ายเงินใน E-Wallet ได้ตามใจชอบหรือไม่ แม้ทางการจีนจะออกมาปฏิเสธเรื่องการดึงเงินออกจาก E-Wallet แต่บนจิตวิทยาของตลาดยังคงมีความกังวลเรื่องนี้อยู่มาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากได้รับบทเรียนการถูกอายัดบัญชีไม่ให้เคลื่อนย้ายเงินหยวนออกนอกประเทศในปี 2016 ทำให้นักลงทุนมีความระแวดระวังในการถือหยวนมากขึ้นไปอีก
.
แต่อย่างไรก็ตาม ปัญหานี้จะหมดไปถ้าหากจีนสามารถขยาย หยวน Ecosystem และทำให้เงินหยวนถูกใช้จริงในระบบเศรษฐกิจได้ อีกทั้งหากต่อไป หยวน Ecosystem ไม่ใช่แค่ Payment Platform แต่เป็น Investment platform ด้วย หยวนก็สามารถเป็นที่ต้องการและเพิ่มปริมาณการใช้ได้เช่นเดียวกัน เพียงแต่นี่เป็นเรื่องที่จะต้องใช้เวลาอย่างมาก ไม่ใช่จะสามารถเกิดขึ้นได้อย่างปุบปับในอีก 1-2 ปีข้างหน้า และยิ่งไม่สามารถจะเพิ่มปริมาณหยวนในระบบให้เทียบเท่าดอลล่าร์ได้อย่างแน่นอน
.
3. หยวนดิจิตอล เกิดมาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้การบริหารเงินหยวนทั้งระบบ บนข้อมูลการเคลื่อนที่และปริมาณเงินในระบบ ธนาคารกลางสามารถเห็นการกระจายตัวของเงิน สามารถเห็นเงินที่ผลักเศรษฐกิจไปข้างหน้า และสามารถเห็นเงินที่ฉุดเศรษฐกิจให้ถอยหลัง ดังนั้น หากเมื่อก่อน หน้าที่ธนาคารกลางทั่วโลกมีเพียงแค่การปรับสมดุลของปริมาณเงินในระบบด้วยอัตราดอกเบี้ยและการพิมพ์เงิน มาวันนี้ PBOC ไม่เพียงแต่จะสามารถปรับสมดุลของปริมาณเงินได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทันท่วงทีมากขึ้น แต่ยังสามารถบริหารการกระจายเงินได้อย่างเหมาะสม เพราะเหตุนี้ การนำหยวนดิจิตอลมาใช้ จะทำให้ประเทศจีนมีความมั่นคงทางด้านระบบการเงินมากขึ้น
.
อย่างไรก็ตาม ประเทศจีนกำเนิดหยวนดิจิตอลได้ ไม่ได้หมายความว่าประเทศอื่นจะเกิดเงินดิจิตอลตามประเทศจีนไม่ได้ ประเทศอังกฤษก็ดี IMF ก็ดี หรือแม้แต่ประเทศไทยเอง ก็มีการศึกษาเรื่องเงินดิจิตอลและต้องการนำระบบเงินดิจิตอลมาใช้ ดังนั้น ในอนาคตคาดว่าจะมีอีกหลายๆ ประเทศที่ตามการนำร่องของประเทศจีนในเรื่องเงินดิจิตอล แม้แต่ดอลล่าร์เอง สุดท้ายเพื่อจะแข่งขันกับประเทศจีนและประเทศอื่นๆ ก็ต้องนำตัวเองเข้าสู่ระบบเงินดิจิตอลเช่นเดียวกัน แต่การนำระบบเงินเข้าสู่ระบบดิจิตอล ไม่ได้หมายความว่าการคงอยู่ของดอลล่าร์จะหายไป ตราบใดที่ดอลล่าร์ยังสามารถคงสถานะเงินทุนสำรองระหว่างประเทศ และยังคงเป็นเงินที่ถูกใช้อย่างแพร่หลายที่สุดในระบบเศรษฐกิจ ข้างหลังเงินดิจิตอล ดอลล่าร์ก็ยังคงสามารถมีบทบาทสำคัญได้อยู่ดี
.
4. ปัญหาของดอลล่าร์ในวันนี้คือประสิทธิภาพของดอลล่าร์ในการสร้างความเจริญเติบโตบนเศรษฐกิจโลก ไม่ใช่การเกิดขึ้นของหยวนดิจิตอล ตั้งแต่ปี 2008 เป็นต้นมาหลังจากธนาคารกลางสหรัฐนำนโยบายพิมพ์เงินมาใช้ เงินดอลล่าร์จำนวนมากก็ไหลเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจโลก แน่นอนว่าดอลล่าร์เหล่านั้น ส่วนหนึ่งสร้างความเจริญเติบโตให้กับโลกใบนี้อย่างมหาศาล แต่ในขณะเดียวกัน เงินจำนวนมหาศาลอีกส่วนหนึ่ง ก็ไปอุ้มบริษัทที่ไม่เติบโตให้ยังคงสามารถอยู่ต่อไปได้ ทำให้การเจริญเติบโตของเศรษฐกิจโลกที่ควรจะเติบโตได้มากบนบริษัทที่มีการเติบโต กลับถูกฉุดรั้งด้วยบริษัทที่ไม่สร้างการเติบโต หรือที่ถูกเรียกว่า Zombie Company
.
จากสถานการณ์นี้ ทำให้ประสิทธิภาพของเงินดอลล่าร์ลดลงมาเรื่อยๆ มูลค่าบนเศรษฐกิจที่แท้จริงเติบโตต่ำ ในขณะที่มูลค่าบนตลาดเงินตลาดทุนกลับสูงขึ้นและเฟ้อขึ้นเพราะเงินไปกองกันอยู่ในตลาดเงินตลาดทุน แทนที่จะถูกนำมาลงทุนเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มในเศรษฐกิจจริง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อโลกมาพบกับสภาวะของโรคระบาด เกิดเศรษฐกิจล็อคดาวน์ ทั้งรัฐบาลและธนาคารกลางสหรัฐผู้ควบคุมปริมาณเงินดอลล่าร์ก็พยายามเพิ่มปริมาณดอลล่าร์ในระบบด้วยการลดอัตราดอกเบี้ยมาที่ 0 และมีการพิมพ์เงินเพิ่มสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ แต่การเพิ่มปริมาณเงินรอบนี้ ไม่สามารถเพิ่ม Productivity ที่จะสร้างมูลค่าเพิ่มในอนาคตได้ ดังนั้น เงินที่ใส่ลงมาคือเงินที่จะด้อยมูลค่าเพราะด้อยประสิทธิภาพ หากสหรัฐไม่อาจบริหารปริมาณดอลล่าร์เพื่อสร้างการเจริญเติบโตให้เศรษฐกิจได้ ดอลล่าร์ก็มีโอกาสที่จะพบกับปัญหาใหญ่ในอนาคต
.
จะเห็นได้ว่า ปัญหาของดอลล่าร์ก็คือปัญหาของดอลล่าร์ หยวนดิจิตอลไม่ได้มาทำให้ดอลล่าร์มีปัญหา แต่ปัญหาเกิดจากการบริหารดอลล่าร์ของสหรัฐอเมริกา ดังนั้น การจะกล่าวว่าหยวนดิจิตอลจะมาทำให้ดอลล่าร์หมดมูลค่านั้น จึงเป็นเรื่องที่ยกยอหยวนดิจิตอลจนเกินจริง เพราะความเป็นจริงคือไม่มีใครสามารถทำให้ดอลล่าร์หมดมูลค่าได้นอกจากรัฐบาลสหรัฐและธนาคารกลางสหรัฐที่ดำเนินนโยบายผิดพลาดมาเป็นระยะเวลายาวนาน
.
ท้ายที่สุด ก่อนจบบทความนี้ อยากทิ้งท้ายไว้ว่า การเกิดขึ้นมาของหยวนดิจิตอลเป็นจุดกำเนิดของการเริ่มต้นระบบเงินดิจิตอลทั่วโลกก็จริง แต่หากสุดท้าย หากเบื้องหลังเงินดิจิตอลยังคงเป็นเงินกระดาษบน Dollar System ดอลล่าร์ก็จะยังคงมีบทบาทในอนาคตต่อไป ดังนั้น หยวนดิจิตอลที่มีหยวนกระดาษข้างหลัง จึงไม่ได้เป็นภัยต่อดอลล่าร์เท่ากับการที่ดอลล่าร์สูญเสียคุณสมบัติในการขับดันเศรษฐกิจ สุดท้าย หาก Dollar System ไปต่อไม่ได้ ก็ไม่ได้หมายความว่าดิจิตอลหยวนจะมาแทนที่ แต่มีความเป็นไปได้มากกว่าที่อาจจะมีการจัดตะกร้าเงินกันใหม่เพื่อรีเซ็ตมูลค่าของเงิน และทำให้เศรษฐกิจโลกสามารถเดินต่อไปได้อีกครั้งหนึ่ง
ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับ Macro Investment เพิ่มเติมได้ที่ https://m.facebook.com/blackbox4.0bymei
โฆษณา