บุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลกเมื่อ 100 ปีก่อน ที่ยังไม่มีใครทำลายสถิติได้
ในอดีต..โลกของเรายังไม่มีอินเทอร์เน็ตใช้งาน การสื่อสารยังไม่เข้าถึงกันไปได้ง่ายเช่นปัจจุบัน ฉะนั้น ธุรกิจที่สร้างความมั่งคั่งในอดีตนั้น จึงไม่ใช่กิจการที่เกี่ยวกับออนไลน์ แต่เป็นอุตสาหกรรมด้านพลังงานและนำ้มันเชื้อเพียงต่างหาก..
และรู้ไหม ว่าบุคคลที่ถือครองนำ้มันไว้ในมือเมื่อ 100 ปีก่อน อย่าง “John D. Rockefeller” คือบุคคลที่รวยที่สุดในโลก แถมยังมีทรัพย์สินมากเสียยิ่งกว่าเศรษฐีที่รวยที่สุดในปัจจุบันอย่าง “Jeff Bezos” ถึง.. 3 เท่าเสียอีก..
แล้วเขาคนนี้มีความเป็นมาอย่างไร ? ผู้เขียนจะพาไปเปิดประวัติกัน..
“Standard Oil” บริษัทผลิต กลั่น และขนส่งปิโตรเลียม ที่ก่อตั้งเมื่อปี 1870 ที่รัฐโอไฮโอ ประเทศสหรัฐอเมริกา
ความน่าสนใจของบริษัทแห่งนี้ คือเป็นเจ้าแห่งนำ้มันที่ผูกขาดการตลาดมากที่สุด ในช่วงที่อุตสาหกรรมรถยนต์ยังไม่เข้ามามีอิทธิพลในตลาดโลก
และรู้ไหมว่า Standard Oil รำ่รวยจากการผูกขาดการตลาด จนเป็นบริษัทที่มีสินทรัพย์มากกว่าหลักล้านล้านดอลลาร์แห่งแรกในประวัติศาสตร์อเมริกันชน
ซึ่งบริษัทแห่งนี้ ได้รับการก่อตั้งมาโดย “John D. Rockefeller”
เมื่อย้อนกลับไปยังจุดเริ่มต้นของจอห์น เขาเกิดเมื่อปี 1839 ในตระกูลค้าขายชาวนิวยอร์ก ด้วยความที่เป็นลูกพ่อค้านี้เอง จึงทำให้เขาได้เรียนรู้ทักษะในการทำการค้าและเจรจาต่อรองมาตั้งแต่เยาว์วัย
พออายุได้ 15 ปี จอห์นได้ย้ายมาอยู่ที่รัฐโอไฮโอ และได้มีโอกาสทำงานจริงจังครั้งแรก ด้วยการเป็นนายหน้าขายผักและธัญพืช
ความหลักแหลมในการสั่งสมประสบการณ์เป็นเวลา 3 ปี จอห์นลาออกมาตั้งบริษัทค้าขายผักเป็นของตนเอง
นับเป็นเครดิตที่ดีสำหรับเขาที่มีประสบการณ์และการสั่งสมคอนเนคชั่นมาเนิ่นนาน จึงทำให้เขาได้รับความไว้วางใจจากผู้ให้แหล่งเงินทุนในการเปิดกิจการ
ความสามารถของหนุ่มวัยทีน ที่ทำการค้าได้เกินวัย ภายในเวลา 1 ปี บริษัทค้าขายผักของจอห์น ทำยอดขายทะลุถึง 15 ล้านบาท จนเจ้าหนี้และนักลงทุนทั้งหลาย ต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันให้เขาขยับขยายกิจการต่อไป
คำถามก็คือ จากพ่อค้าผัก กลายมาเป็นเจ้าแห่งนำ้มันของอเมริกา..ได้อย่างไร ?
ช่วงปลายคริสต์ทศวรรษ 1950 ยุคนั้นอุตสาหกรรมรถยนต์ยังไม่ทันได้เกิด แต่ทว่ามีการค้นพบบ่อนำ้มันแห่งแรกที่รัฐเพนซิลเวเนีย ซึ่งในขณะนั้น โลกของเรายังมีอุตสาหกรรมรถยนต์ ผู้คนใช้ก็แต่รถม้า หรือรถลากอะไรประมาณนั้น
ในส่วนของนำ้มัน อเมริกันชนยุคนั้น ใช้เพียงแค่จุดเชื้อเพลิงและแสงสว่าง จึงเป็นสินค้าอุปโภคสำคัญอย่างหนึ่ง จนการค้นพบดังกล่าวนำไปสู่ “ยุคตื่นนำ้มัน” มีผู้คนจากทั่วทุกเชื้อชาติมาแสวงโชค ขุดหานำ้มันกันเป็นจำนวนมาก เหมือนกับ “ยุคตื่นทอง” ที่รัฐแคลิฟอเนียร์ ที่มีคนมาแสวงหาโชคจากทองเป็นจำนวนมาก..เช่นกัน
จอห์นก็เป็นนักธุรกิจคนหนึ่ง ที่สนใจในธุรกิจน้ำมัน แต่ไอเดียของชายผู้นี้บรรเจิดยิ่งกว่านั้น เพราะเขาได้ศึกษารายละเอียดอย่างถี่ถ้วน จึงได้ตระหนักถึงความเสี่ยงที่ต้องสูญเงินทุนและสูญแรงเปล่า ถ้าหากหานำ้มันไม่ได้
เขาเลยมีแนวคิดที่ว่า.. ให้คนอื่นตื่นนำ้มันรับความเสี่ยงไป ส่วนจอห์นก็กลั่นนำ้มันที่ผู้คนเหล่านั้นหามาให้แทน
เป็นเวลากว่า 4 ปี ที่จอห์นเฝ้ารอและเฝ้าดูผู้คนตื่นทอง แถมในเวลานั้น รัฐบาลสร้างรางรถไฟมาถึงแหล่งนำ้มันพอดี จอห์นจึงวิ่งเข้าหาแหล่งเงินทุน เพื่อสร้างโรงกลั่นน้ำมัน
Cr. Wikipedia
อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่า เขาเป็นนักการค้าที่มีคอนเนคชั่นและมีเครดิตที่ดี จึงได้รับการสนับสนุนจากสถาบันการเงินเต็มที่
ไม่นาน เงินทุนที่สูงกว่าใคร ๆ ส่งผลให้จอห์นจ้างบุคคลที่มีความรู้สูง มาประกอบกิจการของเขาได้ ธุรกิจของเขาจึงได้เปรียบมากกว่าใคร ๆ ในเวลานั้น
ไม่เพียงแค่นั้น ผลกำไรที่เขาได้ จอห์นไม่เลือกที่จะเสวยสุขแต่เลือกที่จะไปไล่ซื้อกิจการของคู่แข่ง จนกระทั่งปี 1870 จอห์นได้กลายเป็นเจ้าของโรงกลั่นนำ้มันที่ใหญ่ที่สุดในโอไฮโอ
Cr. Wikipedia
และ 10 ปีต่อจากนั้นมา รู้ไหมว่าธุรกิจของชายผู้นี้ ผูกขาดตลาดทั้งหมดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของสหรัฐฯ คิดเป็นผู้ครองโรงกลั่นนำ้มันกว่า 90% ในประเทศ
ในปี 1885 บริษัท Standard Oil ตั้งสำนักงานใหญ่ในนิวยอร์ก และเป็นช่วงที่จอห์นประสบความสำเร็จในชีวิตมากที่สุด
เนื่องจาก Standard Oil มีบ่อนำ้มันในเครือกว่า 20,000 แห่ง มีท่อส่งยาวกว่า 6,000 กิโลเมตร และมีพนักงานมากกว่า 100,000 คน และนับเป็นหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์ของอเมริกา ที่เป็นบริษัทแรกที่มีมูลค่าหลัก 1 ล้านล้านเหรียญ หรือถ้าคิดเป็นค่าเงินปัจจุบันจะอยู่ที่ 32 ล้านล้านบาท
ใหญ่กว่าบริษัทระดับโลกอย่าง Microsoft และ Apple เสียอีก..
แต่ถึงกระนั้น Standard Oil สุดยิ่งใหญ่ก็มาถึงจุดล่มสลาย หลังจากที่เขาพบกับบ่อนำ้มันแห่งใหม่นอกประเทศ ทั้งรัสเซีย และฝั่งเอเชีย
ทว่าบ่อเงินบ่อทองดังกล่าว อยู่ในการควบคุมของตระกูล Rothschilds แห่งดินแดนปารีส ที่มีอิทธิพลพอ ๆ กับ Standard Oil แถมยังขยายธุรกิจเข้ามาในสหรัฐฯ ทำให้จอห์นพบเจอกับคู่แข่งยักษ์ใหญ่แบบที่เขาไม่เคยสัมผัสมาก่อน
ไม่เพียงแค่นั้น บริษัทของเขากลับต้องสะดุดลง หลังจากรัฐบาลออกกฎหมายว่าด้วยการป้องกันการผูกขาดทางการค้า ในช่วงปี 1890 ตามมาซึ่งการฟ้องร้องใหญ่โตของอัยการรัฐโอไฮโอ
เป็นเวลานานนับสิบปีที่จอห์นต้องดิ้นรนสู้คดี จนในที่สุดรัฐบาลก็เอาผิด Standard Oil ได้ในปี 1911
ด้วยข้อกฎหมายบีบให้ Standard Oil แยกบริษัทออกเป็น 34 บริษัท เพื่อลดทอนอำนาจแห่งการผูกขาด แต่ถ้าถามว่ากระทบต่อรายได้ของจอห์นหรือไม่ คำตอบก็คืออาจจะสกิดเพียงน้อยนิด เพราะในเวลานั้น เขาเริ่มชราและพร้อมที่จะวางมือจากกิจการแล้ว
ซึ่งบริษัทที่แยกออกไป เขายังคงได้ส่วนแบ่งจากหุ้นอยู่ และรู้ไหมว่าทั้ง 34 แบรนด์ที่แยกออกไป ปัจจุบันยังคงดำเนินธุรกิจอยู่ เพียงแต่เปลี่ยนชื่อใหม่ อย่างเช่น Chevron และ Exxon
ถ้าหากจะเรียกว่าจอห์น เกี่ยวข้องกับการกำเนิดของบริษัทนำ้มันยักษ์ใหญ่ของโลกแห่งอเมริกา ก็คงจะไม่ผิด.. และตลอดระยะเวลามากกว่า 1 ศตวรรษที่ผ่านมา ยังไม่มีเศรษฐีคนใด ที่สามารถทำลายสถิติสินทรัพย์ของเขาคนนี้ได้.. “John D. Rockefeller”
ส่งต่อทุกแรงบันดาลใจ Share For Inspire
Follow Us On “Facebook” https://www.facebook.com/swivelth
Follow Us On “Blockdit” https://www.blockdit.com/swivel
Follow Us On “Instragram” https://www.instagram.com/swivel.th/
Follow Us On “Line” http://nav.cx/2z8bFq6
Reference
Special Credit
- 24
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
