7 มิ.ย. 2020 เวลา 15:53 • ธุรกิจ
อะไรคือความแตกต่างของคนจนกับคนรวย?
ปกติเราจะบอกว่าสิ่งที่ทำให้คนรวยแตกต่างกับคนจน คือคนรวยมีเงินมากกว่าคนจน ซึ่งถ้ามองผิวเผินก็อาจจะเป็นเช่นนั้น แต่ในความคิดของผมนั้นสิ่งที่คนรวยมี แต่คนจนไม่มี คือเวลา ผมจะอธิบายเหตุผลให้ฟังว่าทำไมผมถึงคิดเช่นนั้น
* คำเตือน ผมไม่ได้มีเจตนา ดูถูกหรือไม่ให้เกียรติในแต่ละอาชีพ ซึ่งจริงๆ ทุกอาชีพ ล้วนมีคุณค่าในตัวเอง แต่แค่ใช้เปรียบเทียบ แนวความคิดของคนกลุ่มต่างๆให้เห็นเป็นตัวอย่างได้ง่ายขึ้น
เมื่อก่อนผมก็คิดแบบคนทั่วไป รู้สึกน้อยใจที่เห็นคนที่รวยกว่ามีเงินมากกว่า มีต้นทุนชีวิตที่ดีกว่า ผมทำงานอย่างหนัก เพื่อหวังว่าจะเก็บเงินได้เยอะๆ แล้วจะได้เป็นคนรวย แต่ถ้าทำเช่นนั้น ทำไมผมช่างรู้สึกไม่ต่างอะไรกับกรรมกร ที่ทำงานแลกเงินวันต่อวัน ถึงแม้งานที่ผมทำอาจจะให้เงินที่ดีกว่า อยู่ในห้องแอร์สบายๆ แต่วิธีการคิดนั้นช่างไม่ได้ต่างอะไรกันเลย..
สิ่งแรกที่ผมรู้สึกถึงความแตกต่างระหว่างคนจน กับคนรวย คือคนจน กลัวที่จะไม่มีเงินใช้ในวันพรุ่งนี้ เดือนนี้ แต่คนรวย กลับไม่สนใจเรื่องจะมีเงินใช้ในวันนี้ หรือพรุ่งนี้ แต่เขาเลือกที่จะมองไปในอนาคตอีก 3 ปี 5 ปี ข้างหน้า ว่าตัวเองจะไปอยู่ตรงไหน ทำอะไร ประสบความสำเร็จได้อย่างไร
คนจนพยายามคว้าอะไรที่เป็นผลตอบแทนในระยะสั้น ทำงานในวันนี้ เพื่อที่จะมีกินในวันนี้ แต่ไม่เคยคิดถึงว่า สิ่งที่ทำอยู่ในปัจจุบันมันทำให้หลุดพ้นกับดักความจนได้หรือไม่ ในขณะที่คนรวยไม่ได้สนใจแค่ปัจจุบัน แต่กลับมองไปที่อนาคต เพื่อผลตอบแทนที่มากกว่าในระยะยาว เพราะพวกเขาไม่ได้กลัวการไม่มีกินในวันนี้ เขาจึงไม่ต้องแคร์งานที่ให้แค่เงิน แต่ไม่ได้ความก้าวหน้าในระยะยาว
แล้วอะไรคือตัวแปรจริงๆ ที่แบ่งแยกระหว่างคนจนกับคนรวย ถ้ามองผิวเผิน หลายคนอาจคิดว่าคือเงิน แต่จริงๆแล้วเงิน เป็นแค่ส่วนนึงของผลลัพธ์เท่านั้น ตัวแปรที่สำคัญที่สุดจริงๆที่เป็นต้นเหตุให้คนรวยประสบความสำเร็จ คือ เวลา เวลาที่เราใช้ไป เราใช้ไปเพื่อทำงานให้ได้ผลตอบแทนแค่วันนี้ หรือใช้เรียนรู้ หาประสบการณ์ เพื่อสิ่งที่ดีกว่าในวันข้างหน้า
เด็กสองคนเกิดในครอบครัวที่ฐานะต่างกัน ลูกคนจนบางคน เลือกที่จะขยันทำงานหาเลี้ยงครอบครัว ช่วยเหลือพ่อแม่ ซึ่งไม่ใช่ซึ่งที่ผิด เป็นสิ่งที่ดีด้วยซ้ำ แต่เขากำลังพลาดโอกาส ที่จะได้พัฒนาตัวเองในอนาคตไป กลับกัน ลูกคนรวย ไม่ใช่เพราะพ่อแม่เขามีเงินเยอะ เด็กถึงฉลาด แต่เพราะเด็กมีโอกาสที่มากกว่าในแง่ของเวลา ไม่จำเป็นต้องเอาเวลาไปใช้เพื่อเห็นผลตอบแทนแค่วันนี้ แต่เอาเวลาไปอ่านหนังสือ เรียนพิเศษ เพื่ออนาคตที่ดีกว่าในวันข้างหน้า
บางคนอาจจะคิดว่า ก็เพราะคนรวยมีเงินน่ะสิ ถึงมีโอกาสมากกว่า คำพูดนี้ไม่ถูกซะทีเดียว คนทุกคนล้วนมีโอกาส แต่บางคนเลือกที่จะไม่สร้างโอกาส เพราะกลัวที่จะสูญเสียอะไรไปในวันนี้ ไม่ยอมเลือกที่จะยอมอดในวันนี้ เพื่อที่จะได้มีวันข้างหน้า หากแค่เพียงอดสักมื้อสองมื้อ ก็ไม่ถึงตาย แต่เพื่อชีวิตที่ดีกว่าใน อีก 3 ปี 10 ปี ข้างหน้า
ผมขอยกตัวอย่างสามเหลี่ยมแห่งความต้องการหรือ Maslow's hierarchy of needs สามเหลี่ยมนี้พยายามอธิบายว่าอะไรเป็นตัวขับเคลื่อนให้ตัดสินใจทำสิ่งต่างๆในชีวิตของแต่ละคน ชั้นล่างสุดคือความต้องการพื้นฐานที่สุด เช่น เงิน อาหาร ที่อยู่ ถ้าไม่มีสิ่งเหล่านี้ ก็คือไม่มีกิน อดตาย ไม่มีคุณภาพชีวิตพื้นฐาน หรือสภาพแวดล้อมที่ดีในการดำรงชีวิต
Maslow's hierarchy of needs
ชั้นถัดขึ้นมา คือความปลอดภัยในอนาคต เช่นเงินออม ความมั่นคงทางการงาน ถ้ามีสิ่งเหล่านี้ คุณก็จะไม่ต้องหาเงินเดือนชนเดือน หรือไม่ต้องกังวัลเรื่องสภาพความเป็นอยู่ ปากท้องของตัวเอง หรือครอบครัวในอนาคตมากนัก
ถัดมา ชั้นนี้เป็นชั้นแรกที่ไม่เกี่ยวของกับ สิ่งของ หรือเงินทองแล้ว แต่เป็นเรื่องของความรู้สึก ความสัมพันธ์ที่ดี กับครอบครัว หรือคนรอบข้าง ถ้ามีสิ่งเหล่านี้ ก็จะเป็นคนที่มีสุขภาพจิตที่ดี มีพลังบวกในตัวมากขึ้น
ชั้นต่อมา ชั้นนี้คือความเคารพนับถือในตัวเอง และจากผู้อื่น ความรู้สึกที่ว่าตัวเองมีคุณค่าในตัวเอง และมีคุณค่ากับคนอื่น ถ้ามีสิ่งเหล่านี้จะทำให้เป็นคนที่มีความมั่นใจ กล้าที่จะเผชิญหน้า รับความกดดันต่างๆได้ดี
ชั้นสุดท้าย หรือชั้นสูงสุดของสามเหลี่ยม คือชั้นที่ ตัวเองรู้สึกมีสิ่งต่างๆที่ต้องการในชีวิตแล้ว และเลือกที่จะทำเป้าหมายที่สูงขึ้นไป หรือเป้าหมายถัดไปในชีวิตของตัวเอง ให้ประสบความสำเร็จ เป็นชั้นที่ความต้องการ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับ เงินทอง หรือผู้คนอีกต่อไป แต่คือความต้องการของตัวเองจริงๆ ที่จะทำให้ได้ดึงศักยภาพตัวเองออกมาใช้อย่างเต็มที่ และทำให้ตัวเองรู้สึกประสบความสำเร็จอย่างแท้จริง
แล้วคุณแหล่ะ ตอนนี้อยู่ขั้นไหน? ผมคิดว่าจริงๆแล้วมันไม่ได้มีกฏตายตัวว่าต้องมีเงินเท่านี้ๆ เพื่อนฝูง เท่านี้ๆ ถึงจะมี self-actualization หรือยอดบนสุดของสามเหลี่ยมได้ แต่มันขึ้นกับคุณว่า ความต้องการในตอนนี้ของคุณคืออะไร เงินทอง? เพื่อนฝูง? หรือการทำตามความฝัน ความปรารถนาที่แท้จริงของตัวเอง
ทุกอย่างไม่ได้มาฟรี ล้วนแต่ต้องลงทุน และใช้เวลาในการเติบโตงอกเงย ถ้าให้เปรียบกับการลงทุน คงไม่มีใครที่ลงทุนแล้วรวยภายในวันเดียว แต่คนที่ประสบความสำเร็จคือ คนที่ลงทุนในระยะยาว ใช้เวลาไปอย่างคุ้มค่า ถูกจุด เพื่อคุณภาพชีวิตของตัวเองและครอบครัวที่ดีกว่าในวันข้างหน้า
สุดท้ายนี้ผมไม่อาจตัดสิน ความคิดหรือการตัดสินใจของใครได้ มันไม่ใช่สิ่งบอกว่าถูกหรือผิด ดำหรือขาว แต่มันคือชีวิตของคุณ ที่ต้องตัดสินใจ เลือกสิ่งที่ใช่สำหรับตัวเอง ทำตัวเองและคนรอบข้างให้มีความสุข มันอาจไม่ใช่แค่เรื่องเงินทอง แค่คุณต้องหาความสุขที่แท้จริงของคุณให้เจอ
โฆษณา