7 มิ.ย. 2020 เวลา 16:49 • ท่องเที่ยว
ไปซัมเมอร์ที่อังกฤษในยุค 90’S 🇬🇧
❤️เมษายน ปี 2538 ฉันได้ไปเที่ยวอังกฤษเป็นครั้งแรก และยังไม่เคยกลับไปลอนดอนอีกเลยนับแต่นั้นมา ทั้งที่เมืองมันก็อยู่ที่เดิม เรากลับคลาดกันตลอดเวลา จนจะ 30 ปีแล้วนะเนี่ย
👑นี่เป็นประเทศที่ 6 ที่ฉันได้ไปและเป็นครั้งแรกที่ไม่ได้เดินทางกับพ่อแม่ ได้ไปถ่ายรูปกับหอนาฬิกา Big Ben เที่ยว Tower of London ดูมงกุฎราชวงศ์อังกฤษสุดอลังการและเถียงกับเพื่อนว่ามันของจริงหรือของปลอม เพื่อนบอกเค้าไม่น่าเอาของจริงมาโชว์นะ น่าจะซ่อนไว้อีกที่นึง ส่วนฉันคิดว่าถ้าแบบนั้นคนจะยอมจ่ายเงินค่าตั๋วแพงๆมาดูของปลอมเหรอ ทุกวันนี้ยังไม่ได้ข้อสรุป
มงกุฎที่ว่า 👆🏽
🎡สมัยนั้นยังไม่มี London Eye ก็เลยไม่ได้เห็นลอนดอนจากมุมสูง
☎️ได้ใช้ตู้โทรศัพท์สาธารณะสีแดง โทรกลับไทย ในยุคที่โทรแบบเก็บเงินปลายทางได้ด้วย Thailand direct ผ่านโอเปอเรเตอร์
🧒🏽โปรแกรมซัมเมอร์นี้ โรงเรียนฉันจัดสำหรับเด็กป.5 ขึ้นไป เท่ากับว่าฉันอยู่ในกลุ่มที่เด็กที่สุด โดยไปอยู่ที่เมืองวินเซอร์ 1 เดือน กับครอบครัวอุปถัมภ์
ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องบังคับให้เด็กๆใส่สูท คือมันตลกมาก
👎🏼ใครอยากให้ลูกฝึกภาษา ต้องบอกว่าดูดีๆ เพราะจากประสบการณ์แล้วโปรแกรมนี้ไม่ได้ผล ที่ได้คือได้เที่ยว พ่อแม่ก็จะได้พัก 1 เดือน ช่วงนั้นแม่ฉันน่าจะยุ่งจากการเลี้ยงลูกอ่อน น้องสาวฉันเพิ่งเกิดได้ไม่นานและเราก็เพิ่งย้ายบ้าน
😢เค้าบอกว่าเด็กเล็กๆยังจำคนไม่ได้ น้องฉันร้องตามฉันที่สนามบินตอนอายุ 4 เดือน และโผเข้าหาฉันตอนฉันกลับมา 1 เดือนให้หลัง ฉันเลยจำตั้งแต่ตอนนั้นว่าเด็กเล็กๆก็สร้างความผูกพันตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว แม้จะไม่ใช่พ่อแม่ก็ตาม
ส่วนที่บอกว่าไปซัมเมอร์ตอนนั้น ไม่ได้พัฒนาเรื่องภาษาเลยแม้แต่น้อย มีเหตุผลตามนี้ 👇🏻
ข้อแรกคือ เด็กไปเป็นกลุ่ม จากโรงเรียนเดียวกัน ทุกคนพูดกันภาษาไทย เวลาอยู่กับโฮส ทางโรงเรียนก็จะจัดให้อยู่เป็นคู่ๆ เลยไม่มีความจำเป็นต้องพูดภาษาอังกฤษสักเท่าไหร่
ข้อสองคือ โฮสที่จัดให้เป็นโฮสแบบรับจ้าง หารายได้จากการให้เด็กนักเรียนต่างชาติมาพัก นอกจากอาหารที่ทำให้กินทุกวันตามขัอตกลงแล้วก็ไม่มีเวลามาทำกิจกรรมใดๆร่วมกัน แถมบ้านที่อยู่ยังรับนักศึกษาญี่ปุ่นมาอีก 1 คน นอนห้องนึง กับนักศึกษาฝรั่งเศสมาอีก 2 คน ให้นอนเตียงเสริมชั้นล่าง เท่ากับทั้งบ้านมีเด็กต่างชาติ 5 คน ทั้งทีบ้านหลังนิดเดียว คือทำเป็นล่ำเป็นสันมาก ถามว่าจะได้คุยกันเยอะๆมั้ย ฉันว่าเหมือนอยู่หอพักมากกว่า
เพราะฉะนั้นสิ่งที่จะได้น่าจะเป็นการฝึกดูแลตัวเอง ขึ้นรถเมล์ไปเรียนเอง เอาตัวรอดเหมือนไปเข้าค่ายมากกว่า เรื่องภาษามาทีหลัง
😵พูดถึงการเอาตัวรอด ฉันเห็นคนต่อยกันครั้งแรกที่ Oxford เดินอยู่บนถนนมีรถคันนึงขับเร็วและเกือบชนชายชราคนหนึ่งที่กำลังข้ามถนน ชายชราหยิบกระดาษขึ้นมาจดป้ายทะเบียนรถ รถคันนั้นย้อนกลับมา มีปากเสียงกัน แล้วคนขับซึ่งเป็นคนดำร่างสูงแบบนักบาสเกตบอลเดินจ้ำออกมา ถอดเสื้อ ชกคนแก่ที่หน้าจนลงไปกองกับพื้นในหมัดเดียว แล้วขับรถออกไป แน่นอนว่าเด็กไทยตรงนั้นรีบวิ่งหนีไปจากตรงนั้น เพราะครูกลัวเราโดนลูกหลง แต่ฝรั่งแถวนั้นรีบเขัาไปช่วยผู้ชายคนนั้นและเรียกตำรวจ เราก็ไม่รู้ว่าเป็นไงต่อ
อังกฤษเป็นประเทศที่มีคนหลากหลายเชื้อชาติมาก และมีการแบ่งแยกที่รุนแรงที่สุดประเทศหนึ่งเลยก็ว่าได้ ฉันได้แต่หวังว่าเวลาผ่านไปมันจะดีขึ้นกว่านี้
โฆษณา