8 มิ.ย. 2020 เวลา 09:24 • ประวัติศาสตร์
บริหารประเทศฉบับสไตล์2พ่อลูกราชวงศ์ฉิน
ถึงแม้ในประวัติศาสตร์จีนจะบันทึกไว้ว่า จิ๋นซีฮ่องเต้เป็นผู้รวมแผ่นดินได้สำเร็จเป็นคนแรกของประเทศจีน แต่ทว่าความสำเร็จเหล่านี้กลับไม่ได้เกิดจากฝีมือของพระองค์แต่เพียงผู้เดียว แต่ส่วนใหญ่นั้นเป็นรากฐานที่บรรพบุรุษของพระองค์สร้างขึ้นมาเป็นระยะเวลากว่าร้อยปี เมื่อมันได้ผสมกับฝีมือการบริหารและการรู้จักใช้คนของพระองค์จึงทำให้พระองค์สามารถสานต่อสิ่งที่บรรพบุรุษของพระองค์ ฉินเซี่ยวกง (Duke Xiao of Qin)เริ่มไว้ได้สำเร็จ
ถึงกระนั้นความสำเร็จของจิ๋นซีฮ่องเต้กลับกลายเป็นความสำเร็จในช่วงเวลาสั้นๆเพียงเท่านั้น ซึ่งหลังจากพระองค์สวรรคตได้เพียง 4 ปี จักรวรรดิที่พระองค์และบรรพบุรุษเพียรสร้างขึ้นมานั้นก็ได้ล่มสลายลงในรุ่นลูกของพระองค์เองจึงทำให้เป็นที่น่าสงสัยว่าจิ๋นซีฮ่องเต้กับลูกของพระองค์จักรพรรดิหูไห่นั้นมีนิสัยและความสามารถในการบริหารที่แตกต่างกันเช่นไร
ทั้งที่ทั้ง 2 พระองค์มีจุดเริ่มต้นที่คล้ายคลึงกันโดยเกิดมาในเชื้อสายของเจ้าผู้ครองแคว้นเหมือนกัน ทำให้พวกเขามีชีวิตความเป็นอยู่ที่สะดวกสบายและมีโอกาสเติบโตในหน้าที่การงานได้มากกว่าสามัญชนทั่วไป แต่ทว่าเส้นทางชีวิตของทั้ง 2 พระองค์กลับมีจุดแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง โดยคนหนึ่งนำพาอาณาจักรไปสู่จักรวรรดิที่ยิ่งใหญ่ ส่วนอีกคนทำให้จักรวรรดิที่ยิ่งใหญ่พังทลายลงจนไม่เหลือซาก
ฉินเซี่ยวกง ( 361–338 BC ) จากซีรี่ย์ ฉิน กำเนิดแผ่นดินมังกร ทรงเป็นผู้วางรากฐานและพัฒนาให้แคว้นยากจนอย่างฉินกลายมาเป็นจักรวรรดิที่ยิ่งใหญ่ โดยการทรงจ้างและใช้งาน “ชาง ยาง” ให้มาปฏิรูปการระบบเมือง การทหาร และเศรษฐกิจในรัฐฉิน
จิ๋นซีฮ่องเต้ ทรงมีพระนามเดิมก่อนขึ้นครองราชย์ว่า อิ่งเจิ้ง โดยทรงเป็นพระราชโอรสขององค์ชายชั้นปลายแถวของแคว้นฉินนามว่า จื่อฉู่โดยองค์ชายจื่อฉู่เป็นหนึ่งในพระราชองค์โอรสทั้งยี่สิบพระองค์ขององค์ชายอันกั๋ว ยิ่งไปกว่านั้นองค์ชายจื่อฉู่ดันเป็นพระราชโอรสที่เกิดจากสนมที่พระราชบิดาไม่ทรงโปรดจึงทำให้ชีวิตของพระองค์นั้นดูจะห่างไกลจากราชบัลลังก์ยิ่งนัก ถึงแม้พระราชบิดาของพระองค์ องค์ชายอันกั๋วจะเป็นองค์รัชทายาทของแคว้นฉินก็ตาม
องค์ชายจื่อฉู่ จากซีรี่ย์ The Legend of Haolan พระราชบิดาของอิ่งเจิ้ง ต่อมาได้ขึ้นครองราชย์เป็นพระเจ้าฉินจฺวังเซียง แห่งแคว้นฉิน
องค์ชายอันกั๋ว จากซีรี่ย์ The Legend of Haolanพระอัยกาของอิ่งเจิ้ง ต่อมาได้ขึ้นครองราชย์เป็นพระเจ้าฉินเซี่ยวเหวิน แห่งแคว้นฉิน
จากการที่องค์ชายจื่อฉู่เป็นเพียงเชื้อพระวงศ์ชั้นปลายแถวที่ไม่มีความสลักสำคัญสำหรับราชวงศ์แต่อย่างใดจึงทำให้พระองค์ถูกส่งไปเป็นตัวประกันที่แคว้นจ้าว เนื่องจากเป็นธรรมเนียมของยุคสมัยนั้นที่จะต้องมีการส่งเชื้อพระวงศ์ไปเป็นตัวประกัน เพื่อกันไม่ให้แต่ละแคว้นทำสงครามซึ่งกันและกัน
แต่ทว่าองค์ชายจื่อฉู่ดันมีโชคชะตาที่อาภัพยิ่งนัก เพราะพระองค์ดันถูกส่งตัวไปในช่วงหลังจบสงครามฉางพิง ซึ่งเป็นหนึ่งในสงครามที่ฉาวโฉ่และโหดร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์จีน เนื่องมาจากแม่ทัพไป๋ฉีแห่งแคว้นฉินได้สังหารทหารแคว้นจ้าวที่พ่ายแพ้ในสงครามโดยการฝังทั้งเป็นจึงส่งผลให้ทหารแคว้นจ้าวนั้นล้มตายไปราวๆสี่แสนห้าหมื่นคน ทำให้ต่อมาแคว้นจ้าวถูกเรียกว่าแคว้นแห่งหญิงม่ายและเด็กกำพร้า นี่จึงเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ชาวแคว้นจ้าวนั้นจงเกลียดจงชังชาวแคว้นฉินเป็นอย่างมาก
ยิ่งจื่อฉู่เป็นองค์ชายของแคว้นศัตรูด้วยแล้ว ทำให้ชีวิตของพระองค์ในฐานะตัวประกันนั้นมีความเป็นอยู่ที่ยากลำบากอีกทั้งยังถูกรังแกและถูกเอารัดเอาเปรียบจากชาวแคว้นจ้าวที่มองตัวพระองค์เป็นที่ระบายความแค้น ยิ่งไปกว่านั้นการที่แคว้นฉินยึดถือเรื่องความสามารถเป็นหลักมันจึงส่งผลให้ถ้าองค์ชายพระองค์ไหนไม่ได้ทำประโยชน์ให้กับแคว้น ก็จะไม่มีสิทธิได้รับเบี้ยเลี้ยงใดๆทั้งสิ้น ซึ่งนี่ก็เป็นอีกหนึ่งในสาเหตุสำคัญที่ทำให้องค์ชายจื่อฉู่ไม่ได้รับเบี้ยหวัดให้สมกับฐานะที่เป็นองค์ชายสักเท่าไรเมื่อเทียบกับองค์ชายที่เป็นตัวประกันของแคว้นอื่นๆ
สงครามฉางผิง (เมษายน 262 BC – กรกฎาคม, 260 BC)
แม่ทัพไป๋ฉี จากซีรีย์ The Qin Empire III
ชีวิตที่แสนยากลำบากขององค์ชายจื่อฉู่ได้จบสิ้นลง เมื่อพระองค์ได้พบกับพ่อค้าแคว้นจ้าวนามว่า หลี่ปู่เว่ย (Lü Buwei) หลี่ปู่เว่ยเป็นคนที่มีสติปัญญาที่เฉียบคม เขาไม่ได้มองจื่อฉู่เป็นเพียงแค่เชื้อพระวงศ์ตกยากเท่านั้น สิ่งที่เขามองเห็นนั้นล้ำลึกไปกว่านั้นมาก ยิ่งไปกว่านั้นเขายังมองจื่อฉู่เป็นสินค้าชั้นยอดที่จะนำพาเขาไปสู่บันไดแห่งอำนาจของแคว้นฉินที่ ณ ขณะนั้นเป็นแคว้นมหาอำนาจที่ใหญ่ที่สุดในบรรดา 7 แคว้นใหญ่
ดังนั้นเขาจึงไม่รอช้าที่จะ“ลงทุน”ในตัวองค์ชายจื่อฉู่ หลี่ปู่เว่ยใช้ทรัพย์สินและเส้นสายที่มี วิ่งเต้นจนทำให้องค์ชายจื่อฉู่มีชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น นอกจากนี้หลี่ปู่เว่ยยังปูทางให้องค์ชายจื่อฉู่ได้กลายมาเป็นลูกคนโปรดขององค์ชายอันกั๋ว โดยการมอบสิ่งของที่มีราคาแพงและหายากให้กับชายาคนโปรดขององค์ชายอันกั๋ว ผลที่ได้ก็คือองค์ชายจื่อฉู่ได้กลายมาเป็นทายาทของบิดาพระองค์ ทำให้พระองค์มีที่ฐานมั่นคงขึ้น
แต่ทว่าอย่างไรก็ตามตัวองค์ชายจื่อฉู่ก็ยังไม่รู้ตัวว่าพระองค์กำลังจะกลายมาเป็นหมากตัวสำคัญที่จะนำพาหลี่ปู่เว่ยไปสู่สิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่เหนือล้ำกว่าการเป็นขุนนางในแคว้นฉิน หลี่ปู่เว่ยได้วางแผนให้องค์ชายจื่อฉู่มาเจอภรรยาน้อยของตน ด้วยความที่นางเป็นคนที่มีความงดงามเป็นอย่างมาก ทำให้องค์ชายจื่อฉู่หลงไหลในตัวภรรยาน้อยของหลี่ปู่เว่ยจนโงหัวไม่ขึ้น จนต้องเอ่ยปากขอให้หลี่ปู่เว่ยยกนางมาเป็นภรรยาของตน หลี่ปู่เว่ยก็ตอบตกลงให้ทันที ซึ่งหลังจากนั้นไม่นานภรรยาน้อยคนนี้ก็ได้ตั้งครรภ์และมีลูกให้กับองค์ชายจื่อฉู่ นามว่า “อิ่งเจิ้ง” ซึ่งเขาก็คือจิ๋นซีฮ่องเต้นั่นเอง
หลี่ปู่เว่ย จากซีรี่ย์ จิ๋นซีฮ่องเต้จอมจักรพรรดิผู้พิชิต
การที่มารดาของจิ๋นซีฮ่องเต้เป็นภรรยาของน้อยของหลี่ปู่เว่ยมาก่อนทำให้เกิดข้อครหาว่า หลี่ปู่เว่ยตั้งใจยกภรรยาน้อยที่กำลังตั้งครรภ์ลูกของตนอยู่แล้วให้กับองค์ชายจื่อฉู่ โดยหวังให้ลูกของตนได้กลายมาเป็นกษัตริย์ครองแคว้นฉิน อย่างไรก็ตามประวัติศาสตร์ที่กล่าวหาว่าจิ๋นซีฮ่องเต้เป็นลูกของชู้นั้นอาจไม่ได้มีความน่าเชื่อถือได้ 100 % เนื่องจากมันเป็นผลงานที่ถูกเขียนในราชวงศ์ฮั่น ซึ่งเป็นราชวงศ์ถัดมาจากฉินที่ได้ครองแผ่นดินจึงทำให้มันอาจมีการบิดเบือนข้อมูลเพื่อสร้างความชอบธรรมให้ราชวงศ์ฮั่นในการปกครอง ทำให้มันขัดแย้งกับประวัติศาสตร์ฉบับอื่นที่มองว่าองค์ชายอิ่งเจิ้งเป็นพระราชโอรสขององค์ชายจื่อฉู่
ชีวิตขององค์ชายอิ่งเจิ้งที่เติบโตมาในฐานะองค์ชายของแคว้นศัตรูก็ดูไม่น่าสวยหรูสมฐานะองค์ชายอันยิ่งใหญ่ ของพระองค์นัก ถึงแม้หากเทียบกับชีวิตของพระราชบิดาของพระองค์ในตอนแรกที่ไม่มีหลี่ปู่เว่ยมาช่วยเหลือ พระองค์มีฐานะความเป็นอยู่ที่มั่นคงและสุขสบายกว่าพระราชบิดาของพระองค์มากนัก แต่ทว่านั่นก็ไม่ได้ช่วยให้พระองค์จะไม่ถูกรังแกและถูกรังเกียจจากชาวแคว้นเจ้า ด้วยความที่พระองค์อยู่ในสภาพแวดล้อมที่เลวร้ายนี้ซึ่งมันได้หล่อหลอมให้พระองค์กลายมาเป็นคนโหดร้าย, เฉลียวฉลาด และรู้ทันผู้คน เพราะตลอดชีวิตวัยเด็กของพระองค์ต้องเอาตัวรอดจากชาวแคว้นจ้าวที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความโกรธแค้นจากสงครามฉางผิง จนกระทั่งชีวิตของพระองค์ได้มาถึงจุดเปลี่ยน เมื่อขณะที่พระชนมายุได้สิบสามชันษา ทรงได้ขึ้นครองราชย์เป็นเจ้าแคว้นฉิน
อิ่งเจิ้งในวัยสิบสามชันษาได้ก้าวมาสู่เกมการเมืองที่เปรียบดั่ง Survival game ที่มีชีวิตของพระองค์เป็นเดิมพัน การเข้ามาเล่นเกมนี้ในช่วงเวลานี้ของพระองค์ถือได้ว่าเป็นเรื่องเสียเปรียบมากยิ่งนัก เนื่องจากอำนาจในราชสำนักได้ตกอยู่ภายใต้เงื้อมมือของหลี่ปู่เว่ยไปก่อนแล้วถึง 3 ปี เนื่องจากพอพระอัยกา(ปู่)ของพระองค์ขึ้นครองราชย์เป็นเจ้าผู้ครองแคว้นได้ไม่ถึง 3 วันจู่ๆก็เสด็จสวรรคตโดยกะทันหัน ซึ่งทำให้พระราชบิดาของพระองค์ได้ขึ้นเป็นเจ้าผู้ครองแคว้นต่อโดยทันทีจึงส่งผลให้หลี่ปู่เว่ยได้รับการแต่งตั้งเป็นอัครมหาเสนาบดีของแคว้นฉินและได้เป็นผู้ที่มีอิทธิพลเหนือราชสำนักฉินนับตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา
ต่อมาพระราชบิดาของอิ่งเจิ้งปกครองแคว้นฉินได้ 3 ปีก็ทรงสิ้นพระชนม์ลงทำให้อิ่งเจิ้งได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าแคว้นฉินโดยมีหลี่ปู่เว่ยเป็นผู้สำเร็จราชการ จากการที่หลี่ปู่เว่ยได้กลายมาเป็นผู้สำเร็จราชการส่งผลให้เขาเปรียบเสมือนผู้ปกครองแคว้นฉิน เพราะบัดนี้เขาได้ครอบครองอำนาจของแคว้นฉินไว้ในกำมือเกือบทั้งหมดแล้วแถมเขายังมีสมัครพรรคพวกจำนวนมากในราชสำนักฉิน ทำให้อิ่งเจิ้งที่ยังเป็นแค่ผู้เล่นหน้าใหม่ในเกมนี้ ไม่อาจมีอำนาจและบารมีที่มากพอจะสามารถต่อกรกับหลี่ปู่เว่ยได้เลย ถึงแม้พระองค์จะได้ขึ้นชื่อว่าเป็นเจ้าผู้ครองแคว้นก็ตาม
เพื่อให้มีชีวิตรอดในโลกแห่งเกมการเมืองอันแสนโหดร้ายนี้ สิ่งแรกที่อิ่งเจิ้งจะทำได้ก็คือการคบหามิตรสหายซึ่งจะต้องเป็นผู้ที่มีสติปัญญาและผู้ที่มีความกล้าหาญจำนวนมากเพื่อสร้างฐานอำนาจของตน ด้วยสติปัญญาอันเฉลียวฉลาดในการมองคนและการใช้คน ทำให้ไม่ใช่เลือกยากที่ทำให้รอบตัวๆของอิ่งเจิ้งจะเต็มไปด้วยขุนนางและขุนพลที่มากไปด้วยความสามารถและจงรักภักดีต่อพระองค์ เช่น หลี่ซิ่น, เว่ยเหลี่ยว, หลี่ซือ, เมิ่งอี้, เมิ่งเถียน, หวังเจียน และ หวังเบน เป็นต้น
หลี่ซิ่น จากภาพยนตร์ Kingdom
หลี่ซือ จาก ซีรี่ย์ฉู่ฮั่น ศึกชิงบัลลังก์สะท้านปฐพี
เมิ่งอี้ จากภาพยนตร์ ดาบทะลุฟ้า ฟัดทะลุเวลา
เมิ่งเถียน จากซีรี่ย์ Ancient Terracotta War Situation
หวังเจียน
สิ่งถัดมาที่พระองค์ได้ลงมือทำก็คือการเรียนสรรพวิชาที่เกี่ยวข้องกับด้านการเมืองการปกครองควบคู่ไปกับเล่ห์เลี่ยมทางการเมืองที่พระองค์จะต้องรู้ทันและต้องระวังตัวเองไว้เสมอ หากพระองค์เผลอพลาดแม้แต่ก้าวเดียวเมื่อไรก็อาจกลายเป็นช่องโหว่ให้หลี่ปู่เว่ย อัครมหาเสนาบดีจอมเจ้าเล่ห์สามารถโจมตีเล่นงานพระองค์ได้ทุกเมื่อ
เซวียนไท่โฮ่ว จาก จากซีรี่ย์ The Legend of Haolan พระราชมารดาของอิ่งเจิ้ง
ถึงแม้หลี่ปู่เว่ยจะครอบครองอำนาจทางการเมืองได้เกือบจะเบ็ดเสร็จจนยากจะหาผู้ใดต่อต้านได้ แต่ทว่าหลี่ปู่เว่ยก็มีจุดอ่อนเฉกเช่นมนุษย์เดินดินธรรมดาทั่วไปซึ่งนั่นก็คือการที่หลี่ปู่เว่ยแอบเป็นชู้กับแม่ของอิ่งเจิ้ง (ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่งไทเฮา) ด้วยความที่หลี่ปู่เว่ยไม่อาจหักห้ามใจที่จะลืมรักเก่าของตนได้ แต่ทว่านานวันเข้าเขาก็เกรงกลัวว่าจุดอ่อนนี้จะหันมาทำลายตัวเขาเอง เพราะยิ่งอิ่งเจิ้งมีชันษามากขึ้นเท่าใดอำนาจบารมีก็ยิ่งสูงมากขึ้นเท่านั้น ในขณะที่หลี่ปู่เว่ยก็ถดถอยลงเรื่อยๆ เปรียบเสมือนไม้ใกล้ฝั่ง ดังนั้นเขาจึงจำต้องแก้ไขปัญหานี้โดยการสร้างระยะห่างกับองค์ไทเฮาและหาคนที่จะมาบำเรอความสุขให้องค์ไทเฮาแทนเนื้องจากองค์ไทเฮานั้นมักมากในกามและโปรดปรานในตัวหลี่ปู่เว่ยเป็นอย่างมาก
ต่อมาเขาพบชายคนหนึ่งชื่อว่า เล่าไอ่ เล่าไอ่เป็นคนที่มีองคชาตใหญ่ ทำให้มันน่าจะถูกใจองค์ไทเฮาผู้มักมากในกาม หลี่ปู่เว่ยไม่รอช้าที่ส่งเล่าไอ่ไปปรนนิบัติรับใช้องค์ไทเฮาในฐานะขันทีปลอม ซึ่งมันก็ไม่ผิดตามที่หลี่ปู่เว่ยคาดไว้ องค์ไทเฮาหลงใหลในตัวเล่าไอเป็นอย่างมาก จนมีลูกลับกับเล่าไอ่ถึง2คน ยิ่งไปกว่านั้นจากการที่เล่าไอ่เป็นคนโปรดขององค์ไทเฮาทำให้เล่าไอได้รับการแต่งตั้งเป็นขุนนาง ส่งผลให้เขามีอำนาจบารมีและสมัครพรรคพวกมากมาย
เล่าไอ่ จากภาพยนตร์ The Emperor and the Assassin
วันและเวลาได้ผ่านไปรวดเร็วยิ่งนัก อิ่งเจิ้งซึ่งบัดนี้พระองค์ได้ทรงเจริญพระชันษาจนกลายเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวแล้ว เขาจึงได้ออกเดินทางไปประกอบพระพิธีราชาภิเษกขึ้นเป็นเจ้าแคว้นฉินอย่างเป็นทางการ ทำให้เล่าไอ่ได้ถือโอกาสนี้ก่อการกบฏขึ้น เนื่องจากเล่าไอ่หวาดกลัวความลับเรื่องตนเป็นชู้กับองค์ไทเฮาจะรั่วไหลออกไป ซึ่งเล่าไอ่ได้สะสมความหวาดกลัวนี้มาเป็นระยะเวลานานแล้ว ยิ่งอิ่งเจิ้งทรงเจริญพระชันษามากขึ้นเท่าใด ความหวาดกลัวของเล่าไอ่ก็ยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นเท่านั้น เมื่อรวมกับความทะเยอทะยานของเล่าไอ่ที่อยากให้ลูกลับระหว่างเขากับองค์ไทเฮาได้ขึ้นครองราชย์เป็นเจ้าแคว้นฉินองค์ใหม่ จึงทำให้เขาได้ก่อการกบฏรัฐประหารขึ้นที่เมืองหลวงแคว้นฉิน
การรัฐประหารที่เมืองหลวงถือได้ว่าเป็นเหตุการณ์ที่อิ่งเจิ้งไม่สามารถจะคาดถึงได้ แต่ทว่าด้วยสติปัญญาอันเฉียบแหลมที่ได้ผ่านสนามการเมืองมาอย่างโชกโชน เมื่อพระองค์ทรงรับรู้ข่าว จึงทรงรีบสั่งให้แม่ทัพของพระองค์รวมถึงหลี่ปู่เว่ยให้ยกกองทัพไปยึดเมืองหลวงคืนในทันที ซึ่งจากการตัดสินใจอันเฉียบแหลมของพระองค์ ทำให้กองทัพของพระองค์สามารถบุกยึดเมืองหลวงได้สำเร็จซึ่งถึงแม้เล่าไอ่จะหลบหนีไปได้ก็ตาม แต่ทว่าเนื่องจากมีใบประกาศจับทำให้เล่าไอ่ไม่สามารถหนีไปได้นานก็ถูกจับแล้วก็ถูกสั่งประหารชีวิตพร้อมกับสมัครพรรคพวกและญาติพี่น้องถึงสามชั่วโคตร แต่ก่อนที่จะถูกประหารนั้นได้มีการสืบสวนจุดประสงค์ในการรัฐประหารจึงทำให้รู้ว่าจุดประสงค์ที่แท้จริงนั่นก็คือการปกปิดเรื่องชู้กับไทเฮา และยิ่งไปกว่านั้นยังสามารถสาวไปจนรู้ว่าใครเป็นผู้อยู่เบื้องหลังของเรื่องเหล่านี้ซึ่งนั่นก็คือหลี่ปู่เว่ยนั่นเอง จึงส่งผลให้องค์ไทเฮาถูกพระองค์เนรเทศออกไปจากวังหลวง อย่างไรก็ตามในภายหลังได้มีขุนนางที่ภักดีและซื่อสัตย์ทูลขอให้กลับมา พระองค์จึงโปรดให้กลับมาอยู่ในวังตามเดิม
การปราบกบฏเล่าไอ่ได้แสดงให้เห็นถึงอำนาจและบารมีของพระองค์ที่บัดนี้พระองค์ไม่ใช่เด็กน้อยอีกต่อไปแล้ว แต่เป็นพญามังกรที่พร้อมจะทะยานสู่ท้องฟ้าเพื่อสานต่อเจตนารมณ์ของบรรพบุรุษของพระองค์ ดังนั้นก่อนที่พระองค์จะทะยานสู่ความฝันของพระองค์สิ่งแรกที่พระองค์จะทำต่อมาคือการกำจัดหลี่ปู่เว่ยขุนนางที่ทรงอิทธิพลที่สุดในแคว้นฉินและถือเป็นก้างขวางคอของพระองค์ในการปกครองแคว้นฉิน โดยการปลดหลี่ปู่เว่ยออกจากตำแหน่งอัครเสนาบดี เนื่องจากหลี่ปู่เว่ยเป็นตัวการชักนำเล่าไอ่ให้เข้ามาเป็นชู้กับพระมารดาของพระองค์
ถึงหลี่ปู่เว่ยจะถูกปลดจากตำแหน่ง แต่หลี่ปู่เว่ยก็ยังไม่ถูกอิ่งเจิ้งฆ่าในทันที เนื่องจากด้วยความที่เคยเป็นถึงขุนนางใหญ่มาก่อน ทำให้หลี่ปู่เว่ยมีสมัครพรรคพวกจำนวนมากอยู่ในราชสำนัก ทำให้สิ่งที่พระองค์ทำได้ก็คือการอดทนรอเวลาที่เหมาะสม พร้อมกับการดึงตัวขุนนางที่เคยจงรักภักดีต่อหลี่ปู่เว่ยมาเป็นพรรคพวกของตน เมื่ออิ่งเจิ้งรอเวลาจนสุกงอมพอดี พระองค์จึงส่งพระราชสาสน์(จดหมาย)สั่งให้หลี่ปู่เว่ยอพยพครอบครัวไปอยู่แคว้นอื่น ทันทีที่หลี่ปู่เว่ยอ่านพระราชสาสน์ ตัวเขาก็รู้ได้ในทันทีว่าถึงแม้ตัวเองจะทำตามคำสั่ง ก็ไม่แน่ว่า อิ่งเจิ้งจะส่งคนมากำจัดตนเมื่อไหร่ก็ได้ เพราะในขณะนี้หลี่ปู่เว่ยไม่มีอำนาจอยู่ในมืออีกแล้ว หลี่ปู่เว่ยจึงตัดสินใจปลิดชีพของตนลงในที่สุด
หลังจากการตายของหลี่ปู่เว่ยทำให้อิ่งเจิ้งได้ขึ้นมาเป็นผู้ที่มีอำนาจสูงสุดของแคว้นฉินอย่างเป็นทางการ จึงทำให้ตอนนี้ไม่มีอะไรขวางเส้นทางการรวมแผ่นดินของพระองค์อีกต่อไปแล้ว
ชัยชนะของอิ่งเจิ้งที่มีเหนือหลี่ปู่เว่ยถือได้ว่าเป็นหนึ่งในชัยชนะครั้งใหญ่ของพระองค์เลย เพราะมันเป็นการแสดงให้เห็นถึงความสามารถของพระองค์ในการขับเคี่ยวต่อสู้กับเหล่าขุนนางที่มีทั้งฐานอำนาจเหนือกว่าพระองค์ที่ในตอนแรกเริ่มต้นครองบังลังก์ด้วยอายุเพียงแค่ 13 ปีที่ยังไม่มีฐานอำนาจใดๆทั้งสิ้น ด้วยพระสติปัญญาอันเฉลียวฉลาดของพระองค์ทำให้พระองค์สามารถสร้างฐานอำนาจของพระองค์ตั้งแต่เลือกคบคนที่มีสติปัญญาความสามารถและจงรักภักดีให้มาอยู่รอบข้างไปจนถึงความเลือดเย็นและไร้ความปราณีของพระองค์ที่จะกำจัดศัตรูทางการเมืองอย่างเด็ดขาดถึงแม้มันจะต้องใช้เวลานานก็ตาม พระองค์ก็สามารถอดทนรอจนสามารถหาช่องทางกำจัดหลี่ปู่เว่ยลงไปได้ในที่สุด
ด้วยพื้นฐานนิสัยนี้ได้กลายมาเป็นส่วนสำคัญทำให้พระองค์สามารถรวบรวมแผ่นดินได้สำเร็จ ถึงแม้ในตอนแรกเป้าหมายของการรวบรวมแผ่นดินของพระองค์นั้นคือการยึดครองแคว้นจ้าวเป็นที่แรกซึ่งเป็นแคว้นศัตรูคู่อาฆาตของพระองค์ แต่เมื่อได้ฟังคำคัดค้านจากกุนซือของพระองค์ เว่ยเหลี่ยว และ หลี่ซือ ว่าแคว้นจ้าวยังมีความเข้มแข็งอยู่มาก ซึ่งมันอาจจะต้องใช้ทรัพยากรจำนวนมากในการตีส่งผลให้มันอาจเปิดช่องให้แคว้นอื่นฉกฉวยโอกาสเข้ามาโจมตีได้ ดังนั้นวิธีการที่ดีสุดจะต้องเริ่มจากแคว้นที่อ่อนแอที่สุดก่อนอย่าง แคว้นหาน พร้อมกับเป็นพันธมิตรกับแคว้นที่เข้มแข็งที่อยู่ไกลกว่าแคว้นฉินเพื่อกันไม่ให้แคว้นเหล่านั้นมาตลบหลังได้ ยิ่งไปกว่านั้นเพื่อที่จะทำศึกสงครามให้เกิดประสิทธิภาพสูงที่สุดนั้นจำต้องมีการติดสินบนขุนนางกังฉินในแต่ละรัฐเพื่อเปิดช่องให้เวลาแคว้นฉินส่งแม่ทัพไปบุกตีได้ง่ายขึ้น
ดังนั้นพออิ่งเจิ้งได้ฟังก็ได้สติจึงเปลี่ยนมาโจมตีแคว้นฮานแทนตามวิธีการของกุนซือของพระองค์ ซึ่งถึงแม้วิธีการของกุนซืออาจใช้เวลานานพอสมควรกว่าจะทำให้ฝันของพระองค์เป็นจริงได้ แต่ทว่าด้วยความเชื่อใจของพระองค์ที่มีต่อเหล่ากุนซือและแม่ทัพของตนจึงทำให้พระองค์สามารถอดทนอดกลั้นเพื่อรอวันที่ฝันของพระองค์จะเป็นจริงในสักวัน ไม่ว่าพระองค์จะต้องประสบภัยจากการถูกลอบสังหารถึง 2 ครั้ง หรือจะเป็นความพ่ายแพ้ในศึกกับแคว้นฉู่ในครั้งแรกที่ต้องสูญเสียทหารไปถึงสองแสนนาย แต่อย่างไรก็ตามพระองค์ก็ไม่คิดท้อแท้แต่อย่างใด ยังคงมุ่งหน้าทำตามปณิธานของพระองค์ให้ถึงที่สุด จนกระทั่งในที่สุด 9 ปีต่อมาพระองค์สามารถพิชิตทุกแคว้นได้และรวบรวมแผ่นดินให้กลายมาเป็นของแคว้นฉินได้ในที่สุดพร้อมกับได้สถาปนาตัวของพระองค์ขึ้นเป็นฮ่องเต้คนแรกในประวัติศาสตร์จีนซึ่งเป็นที่รู้กันในนามว่า “จิ๋นซีฮ่องเต้”
จิ๋นซีฮ่องเต้
โฆษณา