9 มิ.ย. 2020 เวลา 09:11
โพสต์นี้ ... รีวิวการถูกแฮกเพจใน facebook นะครับ ... ตามเจอคนแฮก เจอแหล่งที่เอาเพจไปขาย ตามหาช่องทางการแจ้งกับเจ้าของแพลตฟอร์ม ซึ่งยากมาก และได้คุยกับกลุ่มคนที่บอกว่าแก้ไขได้ ... แต่บทสรุป คือ เอาคืนมาไม่ได้ ทำได้เพียง report ให้ปิดเพจไป
และกลับมาเริ่มนับหนึ่งใหม่
ยาวหน่อย ... เพราะเขียนละเอียด เชิญอ่าน
I Can Write Again
“จิตวิญญาน สมอง และคอนเทนต์ ที่อยู่ในเพจมารชรา ยังไงก็ถูกแฮกไปไม่ได้”
ข้อความที่มีความหมายเดียวกันนี้หลายข้อความ ถูกส่งเข้ามาในหน้าเฟซบุ๊กของผม ในวันที่ผมบอกเพื่อนๆให้ช่วยรีพอร์ตและเลิกถูกใจเพจมารชราไปซะ ...
ยังมีเพื่อนอีกจำนวนมาก ส่งข้อมูลมาให้ ไปไล่ตามแฮกเกอร์ว่าเอาเพจไปประกาศขายที่ไหน ส่งข้อมูลสำคัญมาคุยส่วนตัว หรือแม้แต่มาให้กำลังไป ไปปั่นป่วนที่เพจให้เจ้าของแพลตฟอร์มเขารู้ว่านี่เป็นเพจที่ถูกแฮก พี่น้องชาวกะเหรี่ยงช่วยแชร์ข้อความให้มาเลิกถูกใจเพจ เพื่อนๆหลายคน เพื่อนกลุ่มนักเขียน แหล่งข่าว นักวิชาการ อาจารย์มหาวิทยาลัย น้องๆที่ราม เพื่อนที่เตรียมน้อมฯ น้องๆที่ไทยพีบีเอส PPTV และยังมีสายเกรียนไปป่วนที่หน้าฟีดของแฮกเกอร์ มีแม้กระทั่งไปขอให้แฮกเกอร์ไทย ไปแฮกเฟซบุ๊กของมันคืนบ้าง
ขอประกาศว่า ซาบซึ้งใจมากกับเพื่อนๆทุกคน
นั่นทำให้ผม ยังอยากจะกลับมาเขียนงานต่อ ...แม้ใน มารชรา จะมีผู้ติดตามเพจเพียง 8000 คน แต่มันมี “ชุมชน” ที่อบอุ่นซ่อนอยู่ในนั้น ทั้งมิตรสหายที่ทั้งคิดเหมือนและคิดต่าง และแม้กระทั่งคนที่ติดตามอ่านงานของเรา แม้จะไม่เคยพบหน้าค่าตากันเลยก็ตาม เอาเป็นว่า เป็นกลุ่มคนที่ชอบอ่านหนังสือ ชอบอ่านข่าวเชิงลึก ชอบเขียนหนังสือเหมือนๆกัน .... ผมจึงตัดสินใจว่า เอาวะ ลองทำอีกที
นับหนึ่งกันใหม่
5 โมงเย็น วันอังคารที่ 19 พฤษภาคม 2563
ระหว่างทีกำลังขับรถออกจากที่ทำงานใจกลางกรุงเทพมหานคร เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเช็คดูข้อความต่างๆเหมือนที่เคยทำเป็นประจำ เพราะมักจะมีงานด่วนเข้ามาได้เสมอในช่วงนี้
แต่วันนี้แปลกออกไป รูปโปรไฟล์ที่เขาใช้ในเพจงานเขียนเล็กๆเพจหนึ่ง กลับถูกแสดงขึ้นมาเป็นข้อความแจ้งเตือนจาก facebook ซึ่งเขาไม่เคยเห็นการเตือนเช่นนี้มาก่อน
2 ข้อความถูกแจ้งขึ้นมาในเวลาห่างกันไม่กี่นาที ... ข้อความแรก มีบุคคลชื่อยาวเหยียดเป็นภาษาอังกฤษที่อ่านออกเสียงเป็นภาษาอาหรับ เข้ามา “เปลี่ยนแปลงบางอย่างในเพจ”
อีกข้อความตามมา คือ มีอีกคนที่ใช้ชื่อเป็นตัวอักษรภาษาแปลกๆ จัดการเตะแอดมินอีกคนหนึ่งออกจากเพจ ... เขาไม่รู้ว่า 2 ข้อความนี้ เกิดขึ้นมากี่นาทีแล้ว รีบกดเข้าไปที่เพจเพื่อหวังจะจัดการกำจัดผู้รุกรานทั้ง 2 คนออกไป แต่มันช้าเกินไป
เมื่อเข้าไปที่หน้าเพจ ... เขามองเห็นหน้าข้อมูลเชิงลึกต่างๆที่เคยเห็น เข้าไม่ถึงแล้ว เข้าไปจัดการเพจไม่ได้ .... หมายความว่า เขาถูกผู้รุกรานเตะออกมาจากบ้านตัวเองซะแล้ว
เขารีบโทรศัพท์ไปหาเพื่อนที่ทำงานด้าน cyber โทรหาผู้บริหารสื่ออนไลน์ที่รู้จัก ... แต่ก่อนจะทำอะไรต่อไป สิ่งแรกที่ต้องทำก่อน คือ เปลี่ยนรหัสทั้ง facebook และอีเมล์ของตัวเอง เพราะข้อมูลในเวลานั้น ยังไม่รู้ว่าคนร้ายเข้ามาจากทางไหน จึงต้องป้องกันข้อมูลของตัวเองที่ยังไม่ถูกเจาะไว้ก่อน ก่อนจะไปติดตามทวงสิ่งที่เสียหายไปแล้ว
ยังดีที่เขารีบแคปภาพหน้าจอที่มีการแจ้งเตือนไว้ได้ก่อน ทำให้ชื่อเฟซบุ๊กของคนร้ายถูกบันทึกไว้ เพราะไม่กี่นาหลังจากที่เขาไม่ได้เป็นเจ้าของเพจแล้ว ข้อความแจ้งเตือนทั้ง 2 ข้อความนี้ ก็ไม่แสดงให้เขาเห็นอีก ... เมื่อรู้ชื่อคนร้าย เขาจึงเสริชเข้าไปที่หน้าฟีดของคนร้าย พยายามแคปภาพหน้าจอ แต่ปรากฎว่า คนร้ายรายนี้ ตั้งค่าให้ไม่สามารถแคปภาพหน้าเฟซบุ๊กของมันจากโทรศัพท์ได้ มีข้อความขึ้นว่า “อินเตอร์เฟซผู้ใช้ระบบ ไม่สามารถจับภาพหน้าจอได้” ... ถึงตอนนี้ เขามั่นใจแล้วว่า “นี่คือแฮกเกอร์” เป็นขบวนการอาชญากรรมทางไซเบอร์อย่างแน่นอน เพราะสร้างระบบป้องกันตัวเองไว้เป็นอย่างดี
เขาเปิดคอมพิวเตอร์ เข้าไปที่หน้าฟีดของคนร้ายอีกครั้ง ยกโทรศัพท์ขึ้นมา “แคปไม่ได้ ถ่ายรูปก็ได้วะ”
จากนั้นจึงรีบโพสต์ข้อความบอกเพื่อนๆในเฟซบุ๊กว่าเพจถูกแฮกไปแล้วนะ ลงรูปหลักฐานต่างๆทั้งหมดที่บันทึกไว้ เพื่อเตือนให้ทุกคนรู้ว่า หากพจนี้ถูกใช้ไปเพื่อหลอกลวงใคร ให้รู้ว่า ไม่ใช่แอดมินตัวจริง แล้วก็รีบไปแจ้งลงบันทึกประจำวันกับตำรวจ
เมื่อเห็นรูปหน้าเฟซบุ๊กของคนร้าย ... แอดมินอีกคน รีบส่งข้อความมาบอกว่า “พี่ หน้าเฟซบุ๊กคนนี้ อยู่ดีๆก็แจ้งเตือนขึ้นมาว่าเป็นเพื่อนหนูเมื่อตอนบ่ายๆ ทั้งที่ไม่เคยแอดเฟรนด์กันเลย ไม่รู้จักกันเลย หนูเห็นแปลกๆ ก็เลยเข้าไปอันเฟรนด์ ... แค่ 10 นาที เองนะหลังจากที่แจ้งว่าเป็นเพื่อนกัน”
เขารีบตอบกลับไปว่า “มึงรีบเปลี่ยนรหัสอีเมล์กับเฟซบุ๊กมึงด่วนเลย ... มันเจาะเข้ามาผ่านมึงแล้วล่ะ”
“ขอโทษนะพี่ ทำให้วุ่นวาย”
“เออ ใครจะรู้ มึงเปลี่ยนรหัสก่อนเถอะ พี่ว่า ข้อมูลส่วนตัวมึงอาจจะไม่ปลอดภัย”
“รหัสมันต้องยากเบอร์ไหนวะพี่” ....
ถึงเวลาของการไล่ล่า
“สติมา ปัญญาเกิด” ก็จริง แต่เมื่อไม่มีความรู้ ปัญญาที่เกิดมาก็ไร้ค่า
เขาแค่คิดว่า เขายังลำดับความสำคัญและจัดการปัญหาเบื้องต้นได้ดี ถึงแก้ไขความเสียหายที่ถูกแฮกเพจไปแล้วยังไม่ได้ แต่ภายในหนึ่งชั่วโมง เขาป้องกันข้อมูลตัวเองสำเร็จ แจ้งบอกสาธารณะ แจ้งความ รู้ว่าคนร้ายเป็นใคร และรู้แล้วว่ามันบุกเข้ามาได้จากทางไหน ... เขายังพยายามปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางสื่อออนไลน์หลายคน ระหว่างนั้นยังเสริชหาเคสอื่นที่เคยเกิดขึ้นละวิธีการแก้
ถ้าคุณเสริชคำว่า “เพจถูกแฮก” จะมีเนื้อหาจากเว็บไซต์ต่างๆขึ้นมาแนะนำพอสมควรว่าทำอย่างไรได้ มี URL ที่ใช้ติดต่อกับเฟซบุ๊กเพื่อแจ้งปัญหา และมีคนกลุ่มหนึ่งที่ตามไปโพสต์ในทุกเว็บว่า พวกเขาแก้ปัญหานี้ได้ ขอเพียงแอดไลน์มา
เขาอยากรู้ว่ามันคืออะไร จึงแอดไลน์ไปหาผู้ที่อ้างว่า “แก้ได้” คนหนึ่ง ถามว่า ต้องทำอย่างไร ... คำตอบที่ได้กลับมาเป็นตัวเลข 3500
“อ้อ งั้นไม่เป็นไรครับ ผมเพจเล็กๆ ไม่มีรายได้อะไร” ในใจคิด หลายตลบ
ประเด็นที่หนึ่ง “ถ้าพวกนี้แก้ได้ เฟซบุ๊กก็ต้องแก้ได้ดิวะ” ทำไมต้องไปให้มันแก้
ประเด็นที่สอง “ถ้าให้แก้ ก็ต้องขอรหัสผ่านเข้าเฟซบุ๊กเราป่ะ ... มีอะไรที่จะมั่นใจได้ว่า ไม่ถูกล้วงข้อมูลไปเพิ่ม” ไม่เสี่ยงดีกว่า
ทันที่ที่กลับถึงบ้าน เขาเปิดคอมพิวเตอร์ ใส่ URL ที่บอกว่าเป็นช่องทางการแจ้งต่อ facebook ว่าเพจถูกแฮก ... ปรากฎว่า “หน้านี้ ไม่มีแล้ว” ... อ้าว แล้วต้องแจ้งยังไงล่ะนี้
ผู้บริหารสื่อออนไลน์คนหนึ่ง ที่รู้จักกับคนที่ทำงานระดับสูงใน facebook ก็พยายามช่วยเหลือ พร้อมส่งลิงค์ที่บอกว่าเป็นช่องทางการแจ้งต่อ facebook มาให้ (เป็นลิงค์ที่คนใน facebook ส่งมาให้เอง) แล้วบอกว่า แจ้งช่องทางนี้ เลือกอันที่สองนะ
ในลิงค์นั้นเขียนว่า “ความปลอดภัยของบัญชี” ... หากคุณกังวลเกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัยของบัญชีของคุณ เราช่วยคุณได้ ... คุณพอจะบอกเราได้มั้ยว่าเกิดอะไรขึ้น ... อันที่สอง ที่ได้รับคำแนะนำมาคือ “มีคนอื่นเข้าถึงบัญชีของฉันโดยไม่ได้รับอนุญาต” ... เลือกไป ตามคำแนะนำ
แต่ ... มันไม่ใช่ล่ะ คนร้ายไม่ได้เข้าถึงบัญชีของเขา มันเข้าไปในเพจเขา แล้วไปเตะเขาออกมาจากเพจต่างหาก ... ดังนั้นนี่ไม่ใช่การแจ้งปัญหาที่ตรงจุดแน่ๆ
เป็นเช่นนั้นจริง เพราะเมื่อ facebook ตรวจสอบ ก็บอกว่า ไม่มีใครเข้าถึงบัญชีของคุณนะ ... แล้วต้องแจ้งยังไง
ต้องเข้าไปแจ้งผ่านเพจซิ มีคนแนะนำมาอีก ... สถานการณ์ ที่ทำแบบนั้นไม่ได้ก็คือ เขาไปแจ้งผ่านเพจว่าเพจเราถูกแฮกไม่ได้ เพราะสูญเสียสถานะแอดมินไปแล้ว เข้าไม่ถึงหน้าเพจที่เขาสามารถแจ้งได้อีกแล้ว ข้อนี้ตกไป
ช่องท่างที่เหลือ จึงต้องทำเหมือนเป็นคนนอก ไปรายงานสถานะของเพจต่อเฟซบุ๊ก ซึ่งก็ไม่มีช่องทางให้รายงานอีกว่าเพจถูกแฮก มีแต่ให้รายงานว่า เพจทำผิดมาตรฐานชุมชนของ facebook อย่างไร ... คืนแรก เราจึงให้เพื่อนๆช่วยรายงานว่า เป็นเพจปลอม มีคนอื่นมาแอบอ้าง .. ปรากฎว่ามีปฏิกริยาตอบกลับจากเฟซบุ๊ก มาเป็นจำนวนมากทั้งทาง facebook ทั้งทาง อีเมล์ แต่ก็เป็นการตอบว่า ... ไม่พบความผิดตามที่แจ้ง แอดมินตัวปลอมที่เป็นคนร้าย ไม่ได้แอบอ้างเป็นคุณ ... ก็แน่นอนล่ะ มันไม่ได้แอบอ้างเป็นเขา แต่เข้าไปแทนที่เขาในเพจของเขาต่างหาก
ดึกวันนั้น คนร้าย ได้เปลี่ยนรูปโปรไฟล์ของเพจ ... และมีเพื่อนักเขียนคนหนึ่งเข้าไปคุยในกล่องแชต ว่าแอดมินนี้เป็นใคร ทำไมไม่ใช่คนเดิม คนร้ายอ้างว่า มันซื้อเพจนี้มาด้วยราคา 500 (ไม่บอกหน่วย) ทำให้เขาเข้าใจได้ว่า วงการการซื้อขายเพจมีอยู่จริง และเมื่ออ้างว่า “ซื้อมา” ก็เป็นคำตอบที่ทำให้ facebook ยอมรับ ไม่ใส่ใจว่าใครเป็นเจ้าของเพจตัวจริง โดยถือว่า ใครดูแลเพจในเวลานั้น ก็เป็นเจ้าของเพจ
เพื่อนนักเขียนที่เก่งภาษาอังกฤษ เป็นคนหนึ่งที่ช่วยรายงานเพจ และได้รับเมล์ตอบกลับจากเฟซบุ๊กเช่นกัน เพื่อนคนนี้ยังช่วยเขียนเมล์เป็นภาษาอังกฤษเพื่ออธิบายสถานการณ์ที่แท้จริงให้เฟซบุ๊กทราบว่า “ถูกแฮก” เว้ย “ไม่ได้ถูกแอบอ้างเป็นคุณ” ... พร้อมแจ้งชื่อเฟซบุ๊กของคนร้ายไปด้วย ... แต่มึงไม่มีช่องทางให้กูบอกมึงแบบนั้นเลย ... เข้าใจมั้ย แต่ไหนๆก็เมล์มาคุยแล้ว ก็ดี ถือว่าได้บอกแล้ว ทั้งสองคนพยายามเขียนเมล์อย่างละเอียดเพื่อตอบเฟซบุ๊ก
เช้ามามีทั้งอีมีเมล์ตอบกลับ และคำตอบที่แจ้งผ่าน facebook กลับมาอีกหลายฉบับ ล้วนเป็นคำตอบเดียวกัน “บัญชีดังกล่าว ไม่ได้แอบอ้างเป็นคุณ” พร้อมตำหนิกลับมาหาเขาว่า “หากพบสิ่งที่ไม่เหมาะสมบนโปรไฟล์ของผู้อื่นบน facebook โปรดรายงานเฉพาะเนื้อหานั้น (เช่น รูปภาพหรือวิดีโอ) อย่ารายงานทั้งโปรไฟล์
จบ ... ขี้เกียจเล่นถามตอบกลับ facebook ล่ะ เขาจึงคิดว่า ทำให้เพจ “ปิด” ไปเลยดีกว่า
บ่ายวันที่สองหลังถูกแฮกเพจ เขาเริ่มขอให้เพื่อนช่วยกันเข้าไป “เลิกถูกใจเพจ” เพื่อให้เพจไร้ราคาไปในที่สุด ระหว่างนั้น มีน้องคนหนึ่งแจ้งมาว่า “เจอเพจ ที่มันเอาเพจพี่ไปขายแล้ว” พร้อมส่งรูปหน้าเพจ ซึ่งเป็นเหมือนตลาดขายเพจมาให้ดู
พอลองเข้าไปดู เขาก็พบว่า แหล่งขายเพจ ก็คือ เพจหนึ่งใน facebook นั่นเอง ชื่อว่า “facebook sale point fb page and verify ids” จะมีคนมาบอกว่า มีเพจจากประเทศไหนบ้าง ยอดผู้ติดตามเท่าไหร่ เพื่อขาย และฝ่ายผู้ที่ต้องการเพจ ก็จะโพสต์บอกลักษณะของเพจที่ต้องการไว้เช่นกัน เห็นได้ชัดว่า นี่เป็นแหล่งของอาชญากรรมทางไซเบอร์ระดับโลกที่รวมตัวกันอย่างเปิดเผย อยู่ใน “facebook” แม้ว่าอาจมีบางส่วนที่เป็นเจ้าของเพจมาขายเองก็ตาม
เขาไล่ลงไปเรื่อยๆ ในที่สุดก็พบโพสต์ของ Noor Zaman Ramana Sial ผู้ซึ่งเข้ามาจัดการเพจเดิมของเขาที่ถูกปล้นไป กำลังโพสต์ขายเพจเพจที่มียอดผู้ติดตาม 8000 คน และมีผู้เข้ามาสอบถามด้วย ซึ่งก็เข้าใจได้ว่า เป็นเพจของเขาเอง ... จึงพยายามขอให้เพื่อนๆที่มาเห็นข้อความช่วย “เลิกถูกใจ” เพจโดยเร็ว
เย็นวันนั้น เขาได้คุยกับผู้ที่มีประสบการณ์ถูกแฮกเพจเช่นเดียวกัน ได้คำแนะนำเพิ่มว่า ถ้าอยากให้เพจถูกปิดเร็วๆ ก็ต้องเล่นตามกติกาของ facebook คือ ให้ไปช่วยกัน report เพจ ว่าเป็นเพจที่ทำผิดมาตรฐานชุมชนของเฟซบุ๊ก เช่น นำเสนอภาพโป๊ เปลือย สร้างความเกลียดชัง ยุยงให้เกิดความรุนแรง บูลลี่ ... เพราะที่ผ่านมา facebook ไม่ได้สนใจว่าใครเข้าเป็นเจ้าของเพจ (เพราะอาจมีการซื้อขายกันจริงก็ได้)
แต่ถึงแม้จะถูกรุม report อย่างหนักติดๆกัน ก็มีคำตอบจาก facebook ที่คราวนี้ตอบกลับมาอย่างชาญฉลาด เนื้อหาประมาณว่า ...
“ไหน หลักฐานว่า นำเสนอภาพโป๊เปลือย รุนแรง เกลียดชัง บูลลี่ ขอดูภาพหน่อย ... แต่ facebook เข้าใจนะ ว่าคุณไม่ชอบเพจนี้ ไม่ชอบแอดมินคนนี้ เออ งั้นเดี๋ยวจะทำให้คุณเห็นเพจน้อยลงละกันนะ” (ก็แน่นอนว่าเนื้อหาในเพจ ไม่ผิดมาตรฐานชุมชน เพราะยังคงเก็บเนื้อหาเดิมไว้ทั้งหมด เปลี่ยนแต่รูปโปรไฟล์อย่างเดียว)
มาถึงขั้นนี้ เขาเริ่มเบื่อที่จะเจรจาถามตอบกับเจ้าของแพลตฟอร์มอีก ... เพราะรายงานว่าถูกแฮก ก็ไม่มีช่องทาง พอมีช่องทางได้คุยทางอีเมล์ก็ตอบกลับมาไม่ตรงคำถาม พอไปรายงานเพจว่าเป็นเพจปลอม โดนสวมรอย ก็บอกว่า “บัญชีดังกล่าว ไม่ได้แอบอ้างเป็นคุณ” พอรายงานว่า นำเสนอเนื้อหาผิดมาตรฐาน ก็บอกว่า งั้นจะทำให้คุณเห็นน้อยลง
และครั้งล่าสุด มีเพื่อนคนหนึ่งไปพบช่องทางที่แจ้งต่อ facebook โดยตรงได้เลยว่า “เพจถูกแฮก” เขาจึงเข้าไปแจ้ง ... และได้รับคำตอบกลับมาในเช้าวันที่ 23 พฤษภาคม 2563 จาก facebook มีข้อความเหมือนวนกลับไปที่จุดเริ่มต้นว่า
“เพื่อนบน facebook ของคุณได้รายงานว่า Noor Zaman Ramana Sial ทำการแอบอ้างเป็นคุณ เราดำเนินการคำขอเหล่านี้อย่างจริงจัง เหตุนี้เราจะตรวจสอบโปรไฟลบ์ดังกล่าวและลบโปรไฟล์นั้น (อ่านดู สงสัยว่า จะลบโปรไฟล์ผมใช่มั้ย) หากพบว่าขัดต่อมาตรฐานชุมชนของเรา เราจะจะแจ้งให้คุณทาบเมื่อได้ดำเนินการตัดสินใจแล้ว”
ขณะที่เขียนบทความนี้จบลง 16.15น. วันที่ 23 พฤษภาคม 2563 หรือ 4 วัน หลังถูกแฮก
Noor Zaman Ramana Sial ยังอยู่ดี
มารชรา ที่ถูกแฮกไป ยังไม่ปิด ยังอยู่ดี แต่ไม่มีความเคลื่อนไหวอีกเลย หลังเปลี่ยนโปรไฟล์ ยกเว้นยอดผู้ติดตามที่ลดลงไป 500 กว่าคน
เอาเป็นว่า เราย้ายมา #มารชราV2 ละกันนะครับ
ขอบคุณเพื่อพี่น้องมิตรสหายทุกท่านที่ช่วยเหลือและยังกลับมาติดตามกันอยู่
#มารชรา
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
1 แฮกไปทำไม
ตอบ ... แฮกไปขายครับ ถ้าไปดูสเตตัสต่อๆไป ผมโพสต์แหล่งที่ขายไว้ด้วย อยู่ในเฟซบุ๊กนี่แหล่ะครับ ไปโพสต์ขายกันเห็นๆเลย ในเพจนั้นจะมีทั้งคนที่มาบอกว่าฉันมีเพจมาขาย จากประเทศไหน กี่พัน กี่หมื่น กี่แสนผู้ติดตาม และมีคนที่เข้ามาโพสต์ความต้องการซื้อเพจ
ตัวอย่าง คือ เพจฮากะเหรี่ยง ที่ถูกแฮกไป ยอดติดตามเป็นแสน ถูกไปขายโดยชาวต่างชาติ สุดท้ายตอนนี้มีคนซื้อมาเป็นเพจภาษาไทย ลงคลิปเด็ด
2 facebook มีช่องทางอย่างไร ช่วยแก้หรือไม่ อย่างไร
ตอบ ... เฟซบุ๊ก สนใจรับแจ้งเฉพาะเนื้อหาที่ละเมิด หรือผิดกฎหมายครับ เช่น ผู้ใช้เป็นบอต(ไม่ใช่คน) เหยียดผิว สร้างความเกลียดชัง ล่วงละเมิดทางเพศ บูลลี่ แต่เรื่องการเปลี่ยนแอดมิน ไม่ได้อยู่ในความสนใจของเฟซบุ๊ก เพราะก็จะอ้างได้ว่า จะรู้ได้ไงว่าคุณไม่ได้ยินยอมขายเอง หรือเปลี่ยนกันเอง
ขั้นตอนการแจ้ง ถ้าเรายังอยู่ในเพจก็อาจทำได้ว่าเพจเราถูกแฮก แต่กรณีผม แอดมิน 2 คน ถูกเตะออกมาจากเพจแล้ว เข้าไปจัดการเพจไม่ได้ ก็เข้าไปแจ้งข้อนี้ไม่ได้ พอไปแจ้งในฐานะคนนอกก็ทำได้แค่รีพอร์ตว่าเป็นเพจปลอม แอบอ้างเป็นอื่น อย่างที่เฟซบุ๊กตอบกลับมาว่า เขาไม่ได้แอบบอ้างนะ ซึ่งก็ถูกแล้ว เพราะมันกลายเป็นแอดมินตัวจริงไปแล้ว ไม่ใช่แอบอ้างเป็นผม ดังนั้นจึงสรุปว่า ถ้าถูกเตะออกมาจากเพจตัวเอง ก็แทบไม่เห็นช่องทาง
3 นี่เป็นอาชญากรรมข้ามชาติ??
ตอบ ... Cyber Crime ส่วนใหญ่เป็นอาชญากรรมข้ามชาติครับ (ผมไปร่วมงานสัมมนาระดับอาเซียนมา ซึ่งมีเรื่องนี้เป็นประเด็นหลัก) พบว่า ปัญหา Cyber Crime เป็นปัญหาที่โตเร็วมาก และแก้ปัญหาไม่ได้ด้วยประเทศตัวเอง เพราะส่วนใหญ่ผู้ก่อเหตุในประเทศหนึ่ง จะมีที่พำนักอยู่ในอีกประเทศหนึ่ง กฎหมายไม่มีอำนาจนอกราชอาณาจักร และการขอส่งผู้ร้ายข้ามแดนก็ยุ่งยากยาวนานมาก และในช่วงกักตัวจากพิษโควิด-19 เกือบทุกประเทศพบว่า ปัญหา Cyber Crime มีอัตราสูงขึ้นมากครับ
นี่เป็นปัญหาที่ไปถึงขั้นที่สหประชาชาติสนใจมาก และพยายามจับมือกันแก้ไข เพราะประเทศใดประเทศหนึ่งแก้ไม่ได้ครับ
โฆษณา